คงเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่าทาสหมา สำหรับ “การกอดสุนัข” ภายใต้หลังคาบ้านอันแสนอบอุ่น แต่ภายนอกนั่นใครจะไปรู้ล่ะว่ายังมีสุนัขจรจัดอีกกี่สิบกี่ร้อยตัวที่ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนระอุ วิ่งหลบหนีเอาชีวิตรอดเมื่อฝนโปรยปราย หรือทนเหน็บหนาวมีเพียงเสื้อยืดตัวเก่าๆ และข้าวคลุกอาหารที่คนใจดีจะหยิบยื่นให้
ลองคิดดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสุนัขจรจัดได้รับการ “กอดครั้งแรก” นี่จึงเป็นวีดีโอคลิปที่ถูกแชร์มากที่สุดเพื่อบอกความรู้สึกของสุนัขจรจัดที่ไม่เคยได้รับความรักจากใครมาก่อน จากเจ้าของแฟนเพจทาสหมาระดับประเทศ “Gluta Story” ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการมอบความรักผ่านการสร้างบ้านหลังใหม่ให้น้องหมาจรจัดด้วยนั่นเอง . .
บ้านหลังใหม่เพื่อเพื่อน 4 ขา
คลิปวีดีโอ “The First Hug : กอดครั้งแรก” ถูกทำขึ้นเพื่อบอกความรู้สึกของน้องหมาจรจัดที่ขาดความอบอุ่นมาตลอด กับการตั้งคำถามของ “ยอร์ช-สรศาสตร์ วิเศษสินธุ์” เจ้าของน้องหมาเซเลป “กลูต้า-กอลลั่ม” ว่าหากน้องหมาเหล่านั้นถูกโอบกอดแล้วเขาจะมีทีท่ายังไง
ต้องบอกเลยว่าเมื่อดูคลิปนี้จบ เรารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่น้องหมาเหล่านั้นได้รับ พวกมันไม่เคยถูกโอบกอดจากใครมาก่อน มันคือการกอดครั้งแรกที่น้องหมาตอบกลับความรักของเราด้วยแววตาที่มีความสุข และหางที่กระดิกราวกับพูดคำว่า “ขอบคุณ”
“ผมมีไอเดียขึ้นมาว่าการสร้างโรงเรือนมันเหมือนการสร้างความอบอุ่นให้น้องหมาที่เขาไม่มีบ้าน ผมคิดว่าหมาจรจัดข้างถนน เขาไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากใครเลย ผมเลยทำคลิปนี้ขึ้นมาเป็นงานทดลองว่า ถ้าเกิดเรากอดเขา แล้วการตอบสนองของเขาจะเป็นยังไง ซึ่งมันก็เชื่อมโยงกับโครงการที่เราจะไปสร้างโรงเรือนให้น้องหมาที่บ้านแสงตะวันด้วย
“ผมได้เข้าไปพูดคุยทั้งภาษาพูดและภาษากายกับสุนัขจรจัด ทำความรู้จักกับเขา บางตัวเห่า บางตัวกลัว บางตัวเป็นมิตร และสุดท้ายผมก็ได้โอบกอดพวกเขาทีละตัว สิ่งที่ผมได้รับคือบางตัวนั้นงุนงงว่านี่คือการทำอะไร แต่เขาก็ยินยอมให้กอด บางตัวชอบมากจนเคลิ้ม บางตัวพยายามให้ผมเข้าไปกอดเขาซ้ำ หรือบางตัวถึงกับทิ้งตัวลงนอนเหมือนจะบอกเป็นนัยๆว่า “กอดฉันนาน ๆ อีกได้ไหม”
นี่คือความอบอุ่นที่พวกเขาไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยทั้งชีวิต เช่นเดียวกันกับที่ทั้งชีวิตของพวกเขาไม่เคยมีที่อยู่อาศัย สถานสงเคราะห์สัตว์ “บ้านแสงตะวัน” ของป้านิดา คือสถานที่ที่เหล่าจิตอาสาจากโครงการ “INSEE Green Heart รวมพลังหัวใจสีเขียว” ร่วมกันปักหมุดว่าจะไป พวกเขาพกพาความรักและความอบอุ่นมุ่งไปยังจังหวัดนครปฐม เพื่อช่วยกันแปลงโฉมบ้านหลังใหม่ให้น้องหมากว่า 100 ชีวิต
“มันเป็นโครงการดีๆ ที่ชวนให้คนร่วมกันบริจาคและสมทบทุนให้กับศูนย์อนุเคราะห์สัตว์เลี้ยงจรจัด ทางแฟนเพจ Gluta Story เราได้ทำหน้าที่เป็นสื่อเพื่อบอกว่าจะมีโครงการนี้เกิดขึ้น อยากให้ทุกคนส่งกำลังใจมาช่วยมอบความอบอุ่นให้น้องหมากัน”
ยอร์ช-สรศาสตร์ ผู้เป็น Dog Lover ตัวยงบอกเล่าให้เราฟังถึงภารกิจที่เข้าไปช่วยเหลือเพื่อน 4 ขา อย่างที่ทราบกันดีว่าบ้านแสงตะวันเป็นสถานที่สงเคราะห์สัตว์จรจัดกว่าหลายชีวิต ด้วยจำนวนสุนัขที่มากขึ้นทุกปี อาจทำให้การดูแลใส่ใจทำได้ไม่ทั่วถึง นี่จึงเป็นความตั้งใจที่จิตอาสาคนรักน้องหมาอยากแบ่งปันความสุขเล็กๆ นี้มอบให้
“บ้านแสงตะวัน เราเข้าไปตอนแรกเห็นสภาพความเป็นอยู่ของที่นั่นเจอน้องหมาเยอะมาก อาจจะดูแลไม่ทั่วถึง วันนั้นเราได้ช่วยกันสร้างโรงเรือนขึ้นมาใหม่ทำอย่างดี ดีไซน์ดูทันสมัย และร่วมกันทำความสะอาดกรง ทำป้ายให้ใหม่ ทาสี อาบน้ำทำความสะอาดสุนัข หยอดเห็บหมัด ทำหมันน้องหมาจรจัด ผมว่าไปวันนั้นมันดีมากนะครับ เพราะเขาได้รับการช่วยเหลือจริงๆ”
ชะตากรรมสุนัขจรจัดในไทย?
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญนะครับ เหมือนเราถูกสอนหรือมีมุมมองเกี่ยวกับน้องหมาจรจัดในเชิงที่มันไม่ค่อยดี ภาพของน้องหมาจรจัดถูกมองในเชิงลบมากไป มันเลยเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ไม่ว่าคนจะทำร้ายหมา อยากทิ้งหมาก็ทิ้งง่ายๆ เหมือนเขาไม่มีคุณค่า”
คุณยอร์ชบอกกับเราหลังจบประโยคคำถามเกี่ยวกับอนาคตสุนัขจรจัดที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่รู้ชะตากรรม แม้มุมมองและทัศนคติของคนบางส่วนที่มีต่อสุนัขจรจัดจะแสดงออกในแง่ลบ
ทว่า ยังมีกลุ่มคนอีกจำนวนมากที่ยังพร้อมต่อสู้เพื่อเพื่อนสี่ขา อย่างที่เราเห็นกันในรูปแบบมูลนิธิต่างๆ แฟนเพจที่ช่วยสนับสนุนและประชาสัมพันธ์โครงการดีๆ เกี่ยวกับสุนัข ซึ่งเขาเองก็คือหนึ่งในนั้นที่หวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเปลี่ยนมุมมองของคนที่มีต่อสุนัขจรจัดได้บ้าง
“ผมพยายามสร้างภาพลักษณ์ของน้องหมาพันธุ์ทางว่าเขาก็มีคุณค่าเหมือนกันนะ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่อยากเปลี่ยนทัศนคติคนให้มีต่อน้องหมาจรจัดในแง่ดีมากขึ้น ทีนี้พวกปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยมันก็จะลดน้อยลง มันเป็นความหวังของพวกเราครับ
ซึ่งตอนนี้การแก้ปัญหาของไทยคือเน้นไปที่การทำหมันน้องหมาจรจัด แต่ไม่ได้แก้ปัญหาไปที่ก้นบึ้ง ปัญหาคือจิตใจของพวกเรานี่แหละที่มองว่าพวกเขาเป็นแบบนั้น เราต้องแก้ที่จิตใจของพวกเรา พอเรามองเขาดี การประพฤติปฏิบัติมันก็จะทำให้ดีไปด้วย มันเหมือนแก้ปัญหาเชิงจิตวิทยากับกายภาพควบคู่กันไป”
แม้ว่าการแก้ปัญหาสุนัขจรจัดในไทยอาจดูเป็นเรื่องที่ยังไกลจากคำว่า “ความสำเร็จ” แต่เขาก็เชื่อว่าทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นและคงต้องใช้เวลาสักหน่อย เขายังบอกอีกว่าสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาสุนัขจรจัดในบ้านเราคือคนบางส่วนเลี้ยงสุนัขกันง่ายเกินไป ขาดความรู้ ขาดความพร้อม ฉะนั้นปัญหาจึงตกมาอยู่ที่สุนัข
“ผมว่าถ้าถามว่าแก้ปัญหาสุนัขจรจัดในบ้านเราได้ไหม ผมว่าแก้ได้แต่ต้องใช้เวลามากๆ ทุกวันนี้ผมก็พยายามเป็นส่วนหนึ่งที่จะเปลี่ยนทัศนคติของคนที่มีต่อน้องหมาจรจัด ผมมีความหวังว่าอยากจะให้คนไทยหลายๆ คนมีทัศนคติที่ดีต่อหมาพันธุ์ทางมากขึ้น
เพื่อที่เขาจะได้ไม่กล้าเอาไปทิ้ง อีกปัญหาหนึ่งคือบ้านเราเลี้ยงหมากันง่ายดายเกินไป อย่างประเทศญี่ปุ่นเขาต้องมีตังระดับหนึ่งนะครับถึงเลี้ยงหมาได้ ในขณะที่บ้านเราใครๆ ก็เลี้ยงได้ พอใครๆ ก็เลี้ยงได้ ผลที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเขาไม่ได้มีความรู้ เลี้ยงมันไม่ดี หรือนำมันไปปล่อย ปัญหามันก็เกิดวนกันอยู่ซ้ำๆ”
เพราะ “น้องหมา” ดีต่อใจ
“การเลี้ยงน้องหมานี่มันฟีลกูดยังไงกันนะ”
“มากๆ (หัวเราะ) อย่างเมื่อก่อนเวลาผมทำงานกลับมาเครียดๆ พอเราเจอหมาได้เล่นกับเขาก็ทำให้เราลืมๆ ความเหนื่อยไป อยู่มาวันหนึ่งผมจำได้เลยว่าเป็นวันที่กลูต้า-กอลลั่มต้องไปผ่าตัด ต้องวางยาและนอนที่โรงพยาบาล วันนั้นผมกลับมาจากที่ทำงานแล้วเครียดมาก รู้สึกเลยว่าทำไมวันนี้ยังเครียดอยู่ ทั้งที่ปกติมันไม่เครียดแบบนี้ พอเราเครียดมันก็ยิ่งดิ่งลงไปๆ
ผมคิดขึ้นมาได้เลยว่าเพราะวันนั้นกลูตา-กอลลั่มไม่อยู่ หมามันเป็นตัวบำบัดความเครียดได้อย่างเดอะเบสมากๆ แค่เราเอามือลูบไปก็ทำให้ความเครียดหายไปได้แล้ว มันเคยมีผลวิจัยของต่างประเทศด้วยนะครับว่า การได้ลูบหรือสัมผัสขนของเขา มันช่วยให้มนุษย์รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ ผมก็เห็นว่ามันช่วยได้มาก มันเหมือนยาวิเศษเลย”
เขาเล่าให้เราฟังถึงเหตุการณ์การณ์วันนั้น และทำให้รู้เลยว่าการมีสุนัขในบ้านคือยาชูกำลังดีๆ นี่เอง หากบ้านไหนที่เลี้ยงน้องหมาคงสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่เพื่อนสี่ขาสื่อสารมาถึงมนุษย์ ราวกับว่าเป็นพลังงานที่ทำให้เจ้านายของมันรู้สึกสดชื่น รู้สึกหายเหนื่อยและรู้สึกว่ามันดีต่อใจ
สิ่งหนึ่งที่เขาพยายามบอกกับคนที่ต้องการเลี้ยงสุนัขอยู่เสมอคือ อยากให้สุนัขพันธุ์ทางเป็นหนึ่งในตัวเลือกสักหน่อย เพราะจริงๆ แล้วการหาสุนัขมาเลี้ยงสักตัว ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสวยงามภายนอกเพียงเหตุผลเดียว ลักษณะนิสัยของสุนัขก็สำคัญไม่แพ้กัน และนี่คือสิ่งที่เขาอยากให้ทุกคนลองเปิดใจให้กับน้องหมาพันธุ์ทางดูสักครั้ง
“นี่คือสิ่งที่ผมพูดมาตลอดเลยนะครับว่าการเลี้ยงหมามันเหมือนการเลือกคู่ชีวิต เพราะเราต้องดูแลเขาไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นการเลือกคู่ชีวิตเราไม่ได้เลือกที่หน้าตา เราเลือกที่นิสัยเป็นหลักก่อน ผมอยากขอเพิ่มชอยส์ให้คนที่อยากซื้อสุนัขว่า อยากให้ลองมองน้องหมาพันธุ์ทางเป็นตัวเลือกได้ไหม
น้องหมาพันธุ์ทางเป็นหมาที่มีความเจียมเนื้อเจียมตัว เป็นหมาที่ทนต่อสภาพอากาศ ไม่ดื้อไม่ซน เป็นหมาที่ป่วยยากมาก (เน้นเสียง) เลี้ยงง่ายมาก เขามีข้อดีของเขา เขาอาจจะแพ้ในแง่ที่ว่าขนไม่ยาว ไม่ปุกปุย แต่ขนเขาร่วงน้อยกว่าน้องหมาสายพันธุ์อื่นๆ เขามีข้อดีของเขา ผมพยายามเพิ่มชอยส์ให้กับคนที่อยากเลี้ยงสุนัขใหม่ๆ”
เรื่อง พิมพรรณ มีชัยศรี
ภาพ : Gluta Story, I am Green Heart