xs
xsm
sm
md
lg

โปรดเกล้าฯพระราชทานอภัยโทษ แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ พร้อมโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรี นำถุงยังชีพพระราชทานไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ เมืองคอนยังวิกฤติ! ภาวะน้ำท่วมขังในเขตลุ่มน้ำปากพนังมานานกว่า 1 สัปดาห์ทำให้เกิดน้ำเน่าเสียอย่างรุนแรงของพืชผักทางการเกษตร ส่งผลกระทบซ้ำเติมผู้ประสบภัยอย่างหนัก ขณะพื้นที่ห่างไกลยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ส่วนที่กันตัง ยังคงมีน้ำท่วมหนักบางจุด แต่ส่วนใหญ่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นคาดอีก 3 วันเข้าสู่ภาวะปกติ

วานนี้ (11 ธ.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2559 ระบุว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้น กลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป


ในวันเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบถุงยังชีพพระราชทานให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.ระโนด และ อ.สทิงพระ จ.สงขลา โดยในเวลา 10.30 น.ผู้แทนพระองค์มอบถุงยังชีพพระราชทานให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อ.ระโนด ณ วัดทุ่งสงวน ต.แดนสงวน จำนวน 1,000 ถุงโดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

หลังจากนั้นผู้แทนพระองค์เดินทางต่อไปยังวัดท่าคุระ ต.คลองรี อ.สทิงพระ เพื่อมอบถุงยังชีพพระราชทานให้กับราษฎรที่ประสบอุทกภัยอีกจำนวน 1,000 ถุง โดยมีนายอนุรัฐ ไทยตรง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ยังความปลาบปลื้มมายังพสกนิกรชาวจังหวัดสงขลา พร้อมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้

ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.นครศรีะรรมราช แม้เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานจะพยายามระดมเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำที่ไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางเกษตรในลุ่มน้ำปากพนัง ด้วยการเร่งระบายน้ำค้างทุ่ง รวมถึงน้ำที่ยังท่วมสูงในพื้นที่ทางการเกษตรออกสู่อ่าวไทย แต่หลายพื้นที่ก็ยังไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้ เนื่องจากเป็นที่ลุ่มและมีอุปสรรคกีดขวางทางน้ำ เช่น ในพื้นที่ ต.ไสหมาก อ.เชียรใหญ่ ปัจจุบันกำลังประสบภาวะน้ำเน่าเสีย มีสาเหตุจากหญ้าและพืชจมอยู่ใต้น้ำเป็นเวลานานจนเน่าเสีย ล่าสุด ปัญหาได้ขยายออกไปเป็นวงกว้างจนส่งผลกระทบกับสุขภาพของผู้ประสบภัยแล้ว

ขณะที่ในพื้นที่ ต.แม่เจ้าอยู่หัว อ.เชียรใหญ่ ซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำจาก อ.ชะอวด, ร่อนพิบูลย์ และ จุฬาภรณ์ น้ำยังคงท่วมสูง ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน พื้นที่ทางการเกษตรจมอยู่ใต้น้ำไม่สามารถประกอบอาชีพได้ และพืชล้มลุก เช่น พริก และผักพื้นเมืองที่เป็นรายได้หลักเน่าตายเสียหายทั้งหมด ส่วนสัตว์เลี้ยงกำลังอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร ขณะที่บางหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากถนนสายหลักยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เพราะปัญหาด้านการเข้าถึงและกำลังขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม เช่น ในหมู่ 2 ของ ต.แม่เจ้าอยู่หัว

ที่ จ.สุราษฎร์ธานี หลังเกิดฝนถล่มลงมาอย่างหนักนานกว่า 4 ชั่วโมงในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกรุง ต.ปากหมาก อ.ไชยา ทำให้มีมวลน้ำป่าจำนวนมากไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ ม.7 ต ปากหมาก เมื่อคืนวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดเช้าวานนี้เจ้าหน้าที่ อบต.ปากหมาก ได้ออกสำรวจความเสียหายในเบื้องต้นพบว่ายังมีมวลน้ำป่าจากเขตอุทยานฯไหลหลากลงสู่พื้นที่ดเนล่างอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่และชาวบ้านต่างเร่งเก็บเศษไม้เศษที่ถูกกระแสน้ำพัดพามาติดท่อระบายน้ำ เพื่อเร่งระบายออกจากพื้นที่ นอกจากนั้นยังพบถนนหลายสาย และท่อระบายน้ำเสียหายหนัก 4 แห่งการสัญจรต้องใช้ความระมัดระวัง แต่ยังไม่มีรายงานเรื่องดินสไลด์ทับเส้นทาง

ขณะเดียวกันมวลน้ำป่าได้ลงสู่พื้นที่ตัว อ.ไชยาแล้ว ส่งผลให้มีระดับน้ำล้นคลองไชยาไหลเข้าท่วมพื้นที่ ม.3 ต.เวียง และขยายพื้นที่เข้าท่วมตัวตลาดไชยา ระลอก 2 อย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งประชาชนต่างขนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล แต่การระบายน้ำเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากพื้นที่รับน้ำที่ติดชายฝั่งทะเลยังมีน้ำท่วมขังสูง

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมชุมชนไทยดำ บ้านดอนมะลิ อ.พุนพิน ยังคงวิกฤต บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมกว่า 300 ครัวเรือน ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ได้มีการเตรียมตัวจัดสร้างบ้านพักเรือนแพขนสิ่งของขึ้นมาไว้หลังเคยเจอปัญหาน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมา แต่มีชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ยังไม่สามารถเตรียมตัวได้ทันต้องอพยพมาอาศัยอยู่โรงเรียนบ้านทับชัน เป็นสถานที่อาศัยชั่วคราว แต่ขณะนี้ที่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ต้องขึ้นไปอาศัยอยู่บนชั้น 2 และขาดแคลนอาหาร และน้ำดื่ม วอนหน่วยงานรัฐเร่งเข้าช่วยเหลือ

ส่วนที่ จ.ตรัง นายนิวัฒน์ ชลธาร นายก อบต.ควนธานี อ.กันตัง พร้อมคณะได้นำเรือท้องแบนออกสำรวจพื้นที่ที่น้ำท่วมสูงที่สุดใน ต.ควนธานี คือ หมู่ที่ 5 บ้านปันหยี ซึ่งยังมีน้ำท่วมบ้านเรือนเกือบจมมิดหลังคากว่า 40 หลัง เนื่องจาก ต.ควนธานี ถือเป็นจุดแรกของ อ.กันตัง ที่รับน้ำที่ล้นทะลักต่อเนื่องจากหลายตำบลของ อ.เมืองตรัง ก่อนที่มวลน้ำทั้งหมดจะไหลลงสู่ทะเลอันดามันต่อไป อย่างไรก็ตาม จากระดับน้ำเดิมที่เคยท่วมสูงกว่า 3 เมตร เมื่อ 3 วันก่อน ล่าสุดระดับน้ำลดลงเหลือแค่ 1 เมตรแล้ว ซึ่งหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำอีก คาดว่าน่าจะไม่เกิน 3 วัน สถานการณ์น้ำท่วมคงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น