ผู้จัดการรายวัน 360 - ทายาทอดีตทูต ตระกูล “ณ ป้อมเพชร” ส่งทนายยื่นฟ้อง“ศักดิ์ชัย กาย” บรรณาธิการนิตยสารลิปส์ ข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอมอ้างมีสิทธิรับที่ดินมรดกมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ศาลอาญารับคำฟ้องไว้เพื่อมีคำสั่งไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ 15 พ.ค.ปีหน้า
วานนี้ (24 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความรับมอบอำนาจ นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร ทายาทของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร อดีตเอกอัครราชทูตไทยที่เคยประจำการในหลายประเทศ ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการนิตยสารดัง “ลิปส์” และนักจัดดอกไม้ ในความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และนำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 , 180 , 264 และ 268 โดยศาลอาญา รับคดีไว้ในสารบบความหมายเลขดำ อ.3830/2559 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 15 พ.ค.2560
นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความรับมอบอำนาจทายาทตระกูล “ณ ป้อมเพชร” กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ระหว่างปี 2548 - 2549 นายศักดิ์ชัย กาย ได้อ้างถึงหนังสือฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเป็นพินัยกรรมของ นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร โดยในพินัยกรรมดังกล่าวได้มีการยกที่ดินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นให้แก่นายศักดิ์ชัย ซึ่งจากกรณีดังกล่าว นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร ได้ยื่นฟ้องนายศักดิ์ชัย กาย ในคดีแพ่งเพื่อขอให้ศาลแพ่งวินิจฉัยเพิกถอนพินัยกรรมและทำลายพินัยกรรมฉบับดังกล่าว ทำให้มีการต่อสู้คดีกันมายาวนานกว่า 9 ปี โดยศาลฎีกา มีคำวินิจฉัย โดยเชื่อว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมฉบับดังกล่าวไม่ใช่ลายมือของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร และตัดสินให้พินัยกรรมฉบับที่ นายศักดิ์ชัย กล่าวอ้าง เป็นโมฆะ
ซึ่งหลังจากมีคำตัดสินของศาลฎีกาออกมาแล้ว โจทย์หรือ นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร ไม่ได้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับนายศักดิ์ชัย และไม่คิดจะฟ้องกลับ แต่ปรากฏว่าหลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วประมาณ 1 เดือน มีหนังสือจากทนายความแจ้งมาว่าให้ทายาทของ นายวิวรรธน์ ดำเนินการแบ่งทรัพย์สินตามพินัยกรรมฉบับใหม่ที่นายศักดิ์ชัย กาย กล่าวอ้าง ซึ่งทำให้ทายาทของ “นายวิวรรธน์” และทีมทยานตรวจพินัยกรรมดังกล่าว และพบว่าพินัยกรรมนั้นเป็นฉบับลงวันที่เดียวกันและมีข้อความเหมือนกันกับฉบับที่ถูกศาลฎีกาสั่งเพิกถอน
“ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาในระหว่างการต่อสู้คดี พินัยกรรมฉบับใหม่ที่ทนายความแจ้งให้ทายาทของ นายวิวรรธน์ ดำเนินการแบ่งทรัพย์สินนั้น กลับไม่เคยมีการอ้างถึง และไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด และถูกเปิดอ่านที่ใด รวมถึงไม่ทราบว่าพินัยกรรมดังกล่าวทำขึ้นที่ไหนและใครเป็นพยาน อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของทายาทนายวิวรรธน์ไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายใดๆในระหว่างการตรวจสอบพินัยกรรม แต่กลับปรากฏว่าเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา นายศักดิ์ชัย กาย ได้ให้ทนายความไปยื่นฟ้องนายธีรวัต ในคดีแพ่ง ต่อศาลแพ่ง เพื่อให้มีการจัดการทรัพย์สินตามพินัยกรรม ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการอ้างถึงพินัยกรรมฉบับอื่นๆ อีก นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร จึงมอบอำนาจให้ตนดำเนินการยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย ในความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และนำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 , 180 , 264 และ 268”
นายเรืองศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีแพ่งที่นายศักดิ์ชัย กาย เพิ่งยื่นฟ้อง นายธีรวัต นั้น ศาลแพ่งจะเริ่มพิจารณาคดีในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ซึ่งศาลยังไม่ได้แจ้งว่าจะนัดให้มีการไกล่เกลี่ยระหว่างคู่ความทั้ง2หรือไม่ ดังนั้น คดีจึงจะดำเนินการสืบพยานไปตามกระบวนการก่อน ส่วนคดีอาญาระหว่างทั้ง2ฝ่าย จึงมีคดีที่ยื่นฟ้องใหม่นี้ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับเอกสารเพียงคดีเดียว
วานนี้ (24 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความรับมอบอำนาจ นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร ทายาทของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร อดีตเอกอัครราชทูตไทยที่เคยประจำการในหลายประเทศ ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการนิตยสารดัง “ลิปส์” และนักจัดดอกไม้ ในความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และนำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 , 180 , 264 และ 268 โดยศาลอาญา รับคดีไว้ในสารบบความหมายเลขดำ อ.3830/2559 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 15 พ.ค.2560
นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความรับมอบอำนาจทายาทตระกูล “ณ ป้อมเพชร” กล่าวว่า สืบเนื่องจาก ระหว่างปี 2548 - 2549 นายศักดิ์ชัย กาย ได้อ้างถึงหนังสือฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเป็นพินัยกรรมของ นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร โดยในพินัยกรรมดังกล่าวได้มีการยกที่ดินมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นให้แก่นายศักดิ์ชัย ซึ่งจากกรณีดังกล่าว นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร ได้ยื่นฟ้องนายศักดิ์ชัย กาย ในคดีแพ่งเพื่อขอให้ศาลแพ่งวินิจฉัยเพิกถอนพินัยกรรมและทำลายพินัยกรรมฉบับดังกล่าว ทำให้มีการต่อสู้คดีกันมายาวนานกว่า 9 ปี โดยศาลฎีกา มีคำวินิจฉัย โดยเชื่อว่าลายมือชื่อในพินัยกรรมฉบับดังกล่าวไม่ใช่ลายมือของนายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร และตัดสินให้พินัยกรรมฉบับที่ นายศักดิ์ชัย กล่าวอ้าง เป็นโมฆะ
ซึ่งหลังจากมีคำตัดสินของศาลฎีกาออกมาแล้ว โจทย์หรือ นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร ไม่ได้มีการดำเนินการทางกฎหมายกับนายศักดิ์ชัย และไม่คิดจะฟ้องกลับ แต่ปรากฏว่าหลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วประมาณ 1 เดือน มีหนังสือจากทนายความแจ้งมาว่าให้ทายาทของ นายวิวรรธน์ ดำเนินการแบ่งทรัพย์สินตามพินัยกรรมฉบับใหม่ที่นายศักดิ์ชัย กาย กล่าวอ้าง ซึ่งทำให้ทายาทของ “นายวิวรรธน์” และทีมทยานตรวจพินัยกรรมดังกล่าว และพบว่าพินัยกรรมนั้นเป็นฉบับลงวันที่เดียวกันและมีข้อความเหมือนกันกับฉบับที่ถูกศาลฎีกาสั่งเพิกถอน
“ช่วง 9 ปีที่ผ่านมาในระหว่างการต่อสู้คดี พินัยกรรมฉบับใหม่ที่ทนายความแจ้งให้ทายาทของ นายวิวรรธน์ ดำเนินการแบ่งทรัพย์สินนั้น กลับไม่เคยมีการอ้างถึง และไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด และถูกเปิดอ่านที่ใด รวมถึงไม่ทราบว่าพินัยกรรมดังกล่าวทำขึ้นที่ไหนและใครเป็นพยาน อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของทายาทนายวิวรรธน์ไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายใดๆในระหว่างการตรวจสอบพินัยกรรม แต่กลับปรากฏว่าเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา นายศักดิ์ชัย กาย ได้ให้ทนายความไปยื่นฟ้องนายธีรวัต ในคดีแพ่ง ต่อศาลแพ่ง เพื่อให้มีการจัดการทรัพย์สินตามพินัยกรรม ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดการอ้างถึงพินัยกรรมฉบับอื่นๆ อีก นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร จึงมอบอำนาจให้ตนดำเนินการยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย ในความผิดฐานเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล และนำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 , 180 , 264 และ 268”
นายเรืองศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีแพ่งที่นายศักดิ์ชัย กาย เพิ่งยื่นฟ้อง นายธีรวัต นั้น ศาลแพ่งจะเริ่มพิจารณาคดีในวันที่ 26 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ซึ่งศาลยังไม่ได้แจ้งว่าจะนัดให้มีการไกล่เกลี่ยระหว่างคู่ความทั้ง2หรือไม่ ดังนั้น คดีจึงจะดำเนินการสืบพยานไปตามกระบวนการก่อน ส่วนคดีอาญาระหว่างทั้ง2ฝ่าย จึงมีคดีที่ยื่นฟ้องใหม่นี้ ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับเอกสารเพียงคดีเดียว