โรคหลอดเลือดสมอง(1)
รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์
ภาควิชาอายุรศาสตร์
สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด เนื่องจากทำหน้าที่ควบคุมการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งเป็นอวัยวะที่ใช้ในการคิดวางแผน จดจำสิ่งต่างๆ สมองได้รับเลือดจากหลอดเลือดใหญ่และหลอดเลือดฝอย หากหลอดเลือดเหล่านั้นตีบ ตัน หรือแตก ก็จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความพิการทันที หากมาพบแพทย์ไม่ทันอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตหรือพิการ คือการเพิกเฉยต่ออาการ หรือสัญญาณเตือนของร่างกาย เช่น ตาพร่ามัว ชาครึ่งซีก ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง พูดลำบาก ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้คนส่วนมากมองข้ามไป
อัมพฤกษ์อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมอง แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน พบประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วย เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการตีบ หรืออุดตัน ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การสูบบุหรี่ ภาวะหัวใจวายหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด การขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โรคเลือดบางอย่าง เช่น ภาวะเลือดข้นผิดปกติ เกร็ดเลือดสูง เม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอยู่เป็นเวลานานจะเป็นผลให้ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว เกิดการตีบหรืออุดตัน ทำให้สมองขาดเลือดเกิดอัมพาตตามมาในที่สุด
2. หลอดเลือดสมองแตก เมื่อเกิดการแตกของหลอดเลือดสมอง ก้อนเลือดจะเบียดดันเนื้อสมองส่วนที่ดีทำให้เสียหน้าที่เซลล์สมองทำงานผิดปกติ เกิดอัมพฤกษ์อัมพาตตามมา ภาวะนี้มักสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังเกิดจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งยาบางชนิด
อาการของอัมพฤกษ์อัมพาตหากมีอาการในข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้ ที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองทั้งสิ้น
1. มีอาการชาหรืออ่อนแรงของแขนขา หรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง
2. ตาข้างใดข้างหนึ่งมัว หรือมองไม่เห็น
3. พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำพูด
4. มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
5. มีอาการมึนงง หรือเดินไม่มั่นคง เสียศูนย์
*****************
กิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
ขอเชิญผู้สนใจรับฟังการบรรยาย เรื่อง“พันธุกรรมกับโรคมะเร็ง”เพื่อนำความรู้ที่ถูกต้องไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.00 –15.00น. ณ ห้องประชุม 7009 ตึกสยามินทร์ ชั้น 7 รพ.ศิริราช
รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์
ภาควิชาอายุรศาสตร์
สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุด เนื่องจากทำหน้าที่ควบคุมการทำงานส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งเป็นอวัยวะที่ใช้ในการคิดวางแผน จดจำสิ่งต่างๆ สมองได้รับเลือดจากหลอดเลือดใหญ่และหลอดเลือดฝอย หากหลอดเลือดเหล่านั้นตีบ ตัน หรือแตก ก็จะส่งผลให้ร่างกายเกิดความพิการทันที หากมาพบแพทย์ไม่ทันอาจจะทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตหรือพิการ คือการเพิกเฉยต่ออาการ หรือสัญญาณเตือนของร่างกาย เช่น ตาพร่ามัว ชาครึ่งซีก ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง พูดลำบาก ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้คนส่วนมากมองข้ามไป
อัมพฤกษ์อัมพาต หรือโรคหลอดเลือดสมอง แบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน พบประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วย เกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองเกิดการตีบ หรืออุดตัน ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การสูบบุหรี่ ภาวะหัวใจวายหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด การขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โรคเลือดบางอย่าง เช่น ภาวะเลือดข้นผิดปกติ เกร็ดเลือดสูง เม็ดเลือดขาวสูงผิดปกติ ผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวอยู่เป็นเวลานานจะเป็นผลให้ผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว เกิดการตีบหรืออุดตัน ทำให้สมองขาดเลือดเกิดอัมพาตตามมาในที่สุด
2. หลอดเลือดสมองแตก เมื่อเกิดการแตกของหลอดเลือดสมอง ก้อนเลือดจะเบียดดันเนื้อสมองส่วนที่ดีทำให้เสียหน้าที่เซลล์สมองทำงานผิดปกติ เกิดอัมพฤกษ์อัมพาตตามมา ภาวะนี้มักสัมพันธ์กับโรคความดันโลหิตสูง ที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังเกิดจากความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ รวมทั้งยาบางชนิด
อาการของอัมพฤกษ์อัมพาตหากมีอาการในข้อหนึ่งข้อใดดังต่อไปนี้ ที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้ล้วนเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมองทั้งสิ้น
1. มีอาการชาหรืออ่อนแรงของแขนขา หรือใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง
2. ตาข้างใดข้างหนึ่งมัว หรือมองไม่เห็น
3. พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำพูด
4. มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
5. มีอาการมึนงง หรือเดินไม่มั่นคง เสียศูนย์
*****************
กิจกรรมดี ๆ ที่ศิริราช
ขอเชิญผู้สนใจรับฟังการบรรยาย เรื่อง“พันธุกรรมกับโรคมะเร็ง”เพื่อนำความรู้ที่ถูกต้องไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เวลา 13.00 –15.00น. ณ ห้องประชุม 7009 ตึกสยามินทร์ ชั้น 7 รพ.ศิริราช