"บิ๊กตู่" แฮปปี้ผลงาน"บิ๊กฉัตร" มั่นใจคุมกระทรวงเกษตรฯ วางแผนแก้ไขปัญหา ให้คนไทยมีรายได้รายวัน ย้ำไม่ได้บอกให้เลิกปลูกข้าว แต่แบ่งพื้นที่ปลูกพืชอื่นๆที่เหมาะสม "วิษณุ" พร้อมสู้คดีหาก"ยิ่งลักษณ์"ร้องศาลปค. กรณีใช้คำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายจำนำข้าว ด้านนบข.นัดประชุมอีกครั้ง 18 พ.ย.นี้ หามาตรการช่วยเหลือข้าวเปลือกเหนียว "พาณิชย์" เผยปีนี้ส่งออกทะลุ 9.5 ล้านตันแน่ ผู้ส่งออกระบุข้าวเปลือกหอมมะลิแตะตันละ 1 หมื่นแล้ว
เมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาอธิบายในหลักการในการบริหารราชการแผ่นดินระยะต่อไป กระทรวงเกษตรฯ และทุกกระทรวงทำมาโดยตลอด ก็ได้สั่งการในที่ประชุมครม. ว่าต้องเชื่อมโยงระหว่าง นโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ใน 7 กล่องยุทธศาสตร์ โดยกระทรวงเกษตรฯ ต้องนำมาขับเคลื่อน ทั้งด้านความมั่นคงอาหารและเกษตร ดูว่าอะไรบ้างที่ใช้งบประมาณ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การปฏิรูประบบราชการในกระทรวง และการนำพาเกษตรไปสู่ เกษตร 4.0 และการสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ในลักษณะสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และนำไปสู่การจัดทำแผนแม่บทว่า ยุทธศาสตร์ทั้งหมดจะเดินไปด้วยแผนปฏิบัติการอย่างไรใน 20 ปีข้างหน้า โดยจะมีการประเมินในทุก 5 ปี
"ผมเชื่อมั่นในตัวรมว.เกษตรฯ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และทุกคน ซึ่งทำงานเต็มที่ ถ้าลองถามดูจะรู้ว่าทุกคนมีความพึงพอใจ ที่เห็นแนวทางรัฐบาล จะสามารถทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เกษตรกร แต่อาจไม่ทันใจเหมือนที่ผ่านมา แม้เป็นการแก้ปัญหาเร็ว แต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และปัญหาก็กลับมาที่เดิมทุกปี วันนี้เรากำลังทำให้ดีขึ้น ให้เร็วที่สุด แต่ไม่อยากกำหนดเวลาว่าต้องเป็น 1 ปี หรือ 5 ปี เดี๋ยวมีปัญหาอีก แต่ต้องดูว่าใน 5 ปีจะทำอะไรบ้าง แต่การจะทำอะไรได้ ไม่ใช้อำนาจหรือกฎหมาย แต่ต้องใช้การสมัครใจ เช่น เรื่องการปรับเปลี่ยนปลุกพืชเกษตรแปลงใหญ่ หากสมัครกันเข้ามา จะดูแลกันได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ายังไม่สมัคร ก็ต้องไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ส่งผลให้เป้าหมายใหญ่ๆเดินไปไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณกระทรวงเกษตรฯ ที่จัดขายสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่ขายให้กับประชาชนทั่วไป และขอบคุณผู้ซื้อทั้งประเทศด้วย ซึ่งผลิตผลทางการเกษตร ตนให้นโยบาย 3 ด้าน คือ 1. ไว้ทำพันธุ์ 2. บริโภค 3. ขาย ซึ่งตลาดจะเปิดตลอด เวลานี้มีประมาณ 2,000 กว่าแห่ง แต่ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะขายข้าวได้ทั้งหมด เพราะข้าวมี 16-17 ล้านตัน โดยมุ่งหวังส่วนหนึ่งต้องขายให้พ่อค้าคนกลาง คือโรงสี ที่จะนำไปสู่การค้าข้าวปกติ แต่ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ราคาสูงขึ้น ส่วนตลาดค้าปลีกที่เกิดขึ้น เป็นการเปิดช่องทางให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรต่างๆ ยึดโดยกับเกษตรกร ให้เกิดความเข้มแข็ง ให้ชาวนาขายข้าวได้ทั้งที่สหกรณ์ และโรงสี
นายกฯ กล่าวว่า อีกส่วนที่ต้องทำ คือ ทำให้ประชาชนมีรายได้ประจำวัน จะต้องผลิตข้าวให้มากขึ้นหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมการปลูกข้าวที่ใช้พื้นที่น้อยลง แต่ได้ข้าวมากขึ้น เพราะหากยังปลูกแบบเดิม ข้าวจะล้น พื้นที่ใดทำได้ก็ทำ แต่หากทำไม่ได้ ก็ปลูกพืชไร่นาสวนผสม ยืนยันว่าไม่ได้ให้เลิกปลูกข้าว หากมีข้าวไว้กิน ทำพันธุ์ และขาย ก็จะมีรายได้เข้าบ้าน ซึ่งเป็นไปตามหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของความพอเพียง เลี้ยงตัวได้ ซึ่งต้องดูตั้งแต่ปลูก ผลิต แปรรูป สร้างนวัตกรรม ไปสู่ต่างประเทศ ให้เกิดความสมดุล
**วิษณุเมินยิ่งลักษณ์ร้องศาลปค.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมคัดค้านคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ต่อศาลปกครอง ว่า ไม่เป็นไร เราเพียงรับทราบ และไม่จำเป็นต้องตั้งทีมขึ้นมาสู้คดี เมื่อถึงเวลาเขาฟ้องมา เราก็สู้คดีไป โดยให้สำนักงานอัยการสูงสุด มาช่วยแก้คดี เรื่องรายละเอียดยังไม่ได้คิดอะไร ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเรียกค่าเสียกับผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 80% นั้น ตนไม่ทราบ ไม่เคยสอบถามรายละเอียดเรื่องนี้ไป ไม่ได้เรียกมาดู ว่ารายชื่อมีใครบ้าง
* ราคาเปลือกหอมมะลิแตะ1หมื่นแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันศุกร์ที่ 18 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้นัดประชุมเพื่อหารือกำหนดมาตรการรับมือผลผลิตข้าวเหนียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด และข้าวขาวไปแล้ว พร้อมทั้งจะมีการติดตามความคืบหน้าโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก และสถานการณ์ผลผลิตข้าวที่กำลังออกสู่ตลาด
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ภายใต้โครงการประชารัฐ ลงพื้นที่ไปยังจ.ยโสธร เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าว ซึ่งพบว่าขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือออกมา และในด้านการขายข้าว กระทรวงฯ ได้แจ้งว่ามีแผนที่จะช่วยเหลือชาวนาให้ขายข้าวได้เอง โดจะจัดอบรมให้เป็นรายกลุ่ม และใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ในการขายข้าว รวมทั้งพร้อมที่จะสนับสนุนในด้านการลดต้นทุนให้กับชาวนาอย่างต่อเนื่อง
"กระทรวงฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กรมกิจการพลเรือนกองทัพบก ใช้โครงการประชารัฐ ทำการมอบรถเกี่ยวข้าว 10 คัน มูลค่า 11 ล้านบาท และตาข่ายตากข้าว 2 หมื่นผืน เพื่อให้ชาวนานำไปใช้ และช่วยชาวนาลดต้นทุนในการเกี่ยวข้าวและตากข้าว"นางอภิรดีกล่าว
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาจำหน่ายข้าวสารล่าสุด ณ วันที่ 16 พ.ย.2559 สมาคมโรงสีข้าวไทยรายงานราคาขายส่งข้าวหอมมะลิ 100% ในกรุงเทพฯ ตันละ 16,700-17,500 บาท ข้าวหอมปทุม ตันละ 12,500-13,000 บาท ขณะที่ข้าวขาว 5% ตันละ 10,800-11,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยที่ทรงตัว ส่วนราคาข้าวสารส่งออก (F.O.B.) จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ปรับตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2559 พบว่าข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (2558/59) มีราคาขายตันละ 725 เหรียญสหรัฐ ข้าวหอมปทุมราคาตันละ 491 เหรียญสหรัฐ และข้าวขาว 5% ตันละ 369 เหรียญสหรัฐ
สำหรับปริมาณการส่งออกข้าวตั้งแต่ 1 ม.ค.-2 พ.ย.2559 ส่งออกได้แล้ว 8.4 ล้านตัน โดยมั่นใจว่าทั้งปีจะส่งออกได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 9.5 ล้านตัน เพราะขณะนี้มีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ ไทยเตรียมเข้าร่วมประมูลขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าไทยจะชนะประมูลขายข้าวได้แน่ เพราะราคาสู้คู่แข่งได้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 9 ล้านตัน
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 9,500-10,000 บาท เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อนที่มีราคาต่ำสุดอยู่ที่ตันละ 8,500-9,000 บาท ซึ่งราคาขณะนี้ ถือเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ไทยมีโอกาสในการขายข้าวให้กับผู้ซื้อได้เพิ่มขึ้น เพราะข้าวไทยมีคุณภาพดีกว่า
**กองบิน23และทอ.สิงคโปร์ลงแขกเกี่ยวข้าว
วานนี้ กองบิน 23 โดย น.อ.นิทัศน์ ยูประพัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 23ได้จัดเจ้าหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบิน 23 พร้อมกำลังพลทหารจำนวน 25 คน ร่วมกับกำลังพลทหารอากาศหน่วยบินแยกสิงคโปร์ อีก 8 คน และ นายทหารอากาศหญิง ซึ่งเป็นครูภาษาอังกฤษของกองบิน 23 อีก1 คน ออกช่วยเหลือชาวนาเกี่ยวข้าว เพื่อลดต้นทุนการผลิต ตามนโยบายของ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. โดยได้นำกำลังพลออกช่วยเหลือชาวนาที่ บริเวณบ้านหนองใหญ่ และบ้านช้าง ต.หมากแข้ง อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี ซึ่งแปลงนามีพื้นที่ 20 ไร่ โดยปกติใช้แรงงาน 10 คนเกี่ยวเสร็จภายใน 4 วัน เสียค่าจ้าง 300 บาทต่อคน พร้อมเลี้ยงอาหาร 1 มื้อ รวมต้องเสียค่าจ้างประมาณ 3,500 บาทต่อวัน ในการลงแขกเกี่ยวข้าวของทหารในครั้งนี้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก และคาดว่าจะใช้เวลาในการเกี่ยวข้าวเสร็จภายใน 2 วัน
คุณตาปัญญา สิมมา อายุ 63 ปี เจ้าของนาข้าว ได้กล่าวแสดงความตื้นตันใจ และขอขอบคุณมายังผู้บังคับบัญชาของกองทัพอากาศ เป็นอย่างสูง ที่ได้ส่งทหารมาช่วยเกี่ยวข้าว และยังบอกด้วยว่า หากเจ้าของนาต้องจ้างแรงงานเกี่ยวข้าวแล้วก็คงต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และจะเหลือรายได้จากการทำนาในปีนี้ ไม่คุ้มค่ากับค่าแรง และรายจ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายไปในระหว่างการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยว
เมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาอธิบายในหลักการในการบริหารราชการแผ่นดินระยะต่อไป กระทรวงเกษตรฯ และทุกกระทรวงทำมาโดยตลอด ก็ได้สั่งการในที่ประชุมครม. ว่าต้องเชื่อมโยงระหว่าง นโยบายรัฐบาล วิสัยทัศน์ และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ใน 7 กล่องยุทธศาสตร์ โดยกระทรวงเกษตรฯ ต้องนำมาขับเคลื่อน ทั้งด้านความมั่นคงอาหารและเกษตร ดูว่าอะไรบ้างที่ใช้งบประมาณ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การปฏิรูประบบราชการในกระทรวง และการนำพาเกษตรไปสู่ เกษตร 4.0 และการสนับสนุนให้ประชาชนมีความรู้ในลักษณะสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และนำไปสู่การจัดทำแผนแม่บทว่า ยุทธศาสตร์ทั้งหมดจะเดินไปด้วยแผนปฏิบัติการอย่างไรใน 20 ปีข้างหน้า โดยจะมีการประเมินในทุก 5 ปี
"ผมเชื่อมั่นในตัวรมว.เกษตรฯ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และทุกคน ซึ่งทำงานเต็มที่ ถ้าลองถามดูจะรู้ว่าทุกคนมีความพึงพอใจ ที่เห็นแนวทางรัฐบาล จะสามารถทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เกษตรกร แต่อาจไม่ทันใจเหมือนที่ผ่านมา แม้เป็นการแก้ปัญหาเร็ว แต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และปัญหาก็กลับมาที่เดิมทุกปี วันนี้เรากำลังทำให้ดีขึ้น ให้เร็วที่สุด แต่ไม่อยากกำหนดเวลาว่าต้องเป็น 1 ปี หรือ 5 ปี เดี๋ยวมีปัญหาอีก แต่ต้องดูว่าใน 5 ปีจะทำอะไรบ้าง แต่การจะทำอะไรได้ ไม่ใช้อำนาจหรือกฎหมาย แต่ต้องใช้การสมัครใจ เช่น เรื่องการปรับเปลี่ยนปลุกพืชเกษตรแปลงใหญ่ หากสมัครกันเข้ามา จะดูแลกันได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ายังไม่สมัคร ก็ต้องไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ส่งผลให้เป้าหมายใหญ่ๆเดินไปไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณกระทรวงเกษตรฯ ที่จัดขายสินค้าทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่ขายให้กับประชาชนทั่วไป และขอบคุณผู้ซื้อทั้งประเทศด้วย ซึ่งผลิตผลทางการเกษตร ตนให้นโยบาย 3 ด้าน คือ 1. ไว้ทำพันธุ์ 2. บริโภค 3. ขาย ซึ่งตลาดจะเปิดตลอด เวลานี้มีประมาณ 2,000 กว่าแห่ง แต่ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะขายข้าวได้ทั้งหมด เพราะข้าวมี 16-17 ล้านตัน โดยมุ่งหวังส่วนหนึ่งต้องขายให้พ่อค้าคนกลาง คือโรงสี ที่จะนำไปสู่การค้าข้าวปกติ แต่ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ราคาสูงขึ้น ส่วนตลาดค้าปลีกที่เกิดขึ้น เป็นการเปิดช่องทางให้สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และกลุ่มเกษตรต่างๆ ยึดโดยกับเกษตรกร ให้เกิดความเข้มแข็ง ให้ชาวนาขายข้าวได้ทั้งที่สหกรณ์ และโรงสี
นายกฯ กล่าวว่า อีกส่วนที่ต้องทำ คือ ทำให้ประชาชนมีรายได้ประจำวัน จะต้องผลิตข้าวให้มากขึ้นหรือไม่ เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมการปลูกข้าวที่ใช้พื้นที่น้อยลง แต่ได้ข้าวมากขึ้น เพราะหากยังปลูกแบบเดิม ข้าวจะล้น พื้นที่ใดทำได้ก็ทำ แต่หากทำไม่ได้ ก็ปลูกพืชไร่นาสวนผสม ยืนยันว่าไม่ได้ให้เลิกปลูกข้าว หากมีข้าวไว้กิน ทำพันธุ์ และขาย ก็จะมีรายได้เข้าบ้าน ซึ่งเป็นไปตามหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของความพอเพียง เลี้ยงตัวได้ ซึ่งต้องดูตั้งแต่ปลูก ผลิต แปรรูป สร้างนวัตกรรม ไปสู่ต่างประเทศ ให้เกิดความสมดุล
**วิษณุเมินยิ่งลักษณ์ร้องศาลปค.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมคัดค้านคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ต่อศาลปกครอง ว่า ไม่เป็นไร เราเพียงรับทราบ และไม่จำเป็นต้องตั้งทีมขึ้นมาสู้คดี เมื่อถึงเวลาเขาฟ้องมา เราก็สู้คดีไป โดยให้สำนักงานอัยการสูงสุด มาช่วยแก้คดี เรื่องรายละเอียดยังไม่ได้คิดอะไร ส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเรียกค่าเสียกับผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 80% นั้น ตนไม่ทราบ ไม่เคยสอบถามรายละเอียดเรื่องนี้ไป ไม่ได้เรียกมาดู ว่ารายชื่อมีใครบ้าง
* ราคาเปลือกหอมมะลิแตะ1หมื่นแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า วันศุกร์ที่ 18 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้นัดประชุมเพื่อหารือกำหนดมาตรการรับมือผลผลิตข้าวเหนียว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมจังหวัด และข้าวขาวไปแล้ว พร้อมทั้งจะมีการติดตามความคืบหน้าโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก และสถานการณ์ผลผลิตข้าวที่กำลังออกสู่ตลาด
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ภายใต้โครงการประชารัฐ ลงพื้นที่ไปยังจ.ยโสธร เพื่อติดตามสถานการณ์ข้าว ซึ่งพบว่าขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้น หลังจากที่รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือออกมา และในด้านการขายข้าว กระทรวงฯ ได้แจ้งว่ามีแผนที่จะช่วยเหลือชาวนาให้ขายข้าวได้เอง โดจะจัดอบรมให้เป็นรายกลุ่ม และใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์ในการขายข้าว รวมทั้งพร้อมที่จะสนับสนุนในด้านการลดต้นทุนให้กับชาวนาอย่างต่อเนื่อง
"กระทรวงฯ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กรมกิจการพลเรือนกองทัพบก ใช้โครงการประชารัฐ ทำการมอบรถเกี่ยวข้าว 10 คัน มูลค่า 11 ล้านบาท และตาข่ายตากข้าว 2 หมื่นผืน เพื่อให้ชาวนานำไปใช้ และช่วยชาวนาลดต้นทุนในการเกี่ยวข้าวและตากข้าว"นางอภิรดีกล่าว
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาจำหน่ายข้าวสารล่าสุด ณ วันที่ 16 พ.ย.2559 สมาคมโรงสีข้าวไทยรายงานราคาขายส่งข้าวหอมมะลิ 100% ในกรุงเทพฯ ตันละ 16,700-17,500 บาท ข้าวหอมปทุม ตันละ 12,500-13,000 บาท ขณะที่ข้าวขาว 5% ตันละ 10,800-11,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยที่ทรงตัว ส่วนราคาข้าวสารส่งออก (F.O.B.) จากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ปรับตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2559 พบว่าข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (2558/59) มีราคาขายตันละ 725 เหรียญสหรัฐ ข้าวหอมปทุมราคาตันละ 491 เหรียญสหรัฐ และข้าวขาว 5% ตันละ 369 เหรียญสหรัฐ
สำหรับปริมาณการส่งออกข้าวตั้งแต่ 1 ม.ค.-2 พ.ย.2559 ส่งออกได้แล้ว 8.4 ล้านตัน โดยมั่นใจว่าทั้งปีจะส่งออกได้มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 9.5 ล้านตัน เพราะขณะนี้มีคำสั่งซื้อข้าวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ ไทยเตรียมเข้าร่วมประมูลขายข้าวให้ฟิลิปปินส์ ซึ่งคาดว่าไทยจะชนะประมูลขายข้าวได้แน่ เพราะราคาสู้คู่แข่งได้ ส่วนปีหน้าคาดว่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 9 ล้านตัน
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกได้ปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ตันละ 9,500-10,000 บาท เพิ่มขึ้นจาก 2 สัปดาห์ก่อนที่มีราคาต่ำสุดอยู่ที่ตันละ 8,500-9,000 บาท ซึ่งราคาขณะนี้ ถือเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ไทยมีโอกาสในการขายข้าวให้กับผู้ซื้อได้เพิ่มขึ้น เพราะข้าวไทยมีคุณภาพดีกว่า
**กองบิน23และทอ.สิงคโปร์ลงแขกเกี่ยวข้าว
วานนี้ กองบิน 23 โดย น.อ.นิทัศน์ ยูประพัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 23ได้จัดเจ้าหน้าที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบิน 23 พร้อมกำลังพลทหารจำนวน 25 คน ร่วมกับกำลังพลทหารอากาศหน่วยบินแยกสิงคโปร์ อีก 8 คน และ นายทหารอากาศหญิง ซึ่งเป็นครูภาษาอังกฤษของกองบิน 23 อีก1 คน ออกช่วยเหลือชาวนาเกี่ยวข้าว เพื่อลดต้นทุนการผลิต ตามนโยบายของ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. โดยได้นำกำลังพลออกช่วยเหลือชาวนาที่ บริเวณบ้านหนองใหญ่ และบ้านช้าง ต.หมากแข้ง อ.เมืองฯ จ.อุดรธานี ซึ่งแปลงนามีพื้นที่ 20 ไร่ โดยปกติใช้แรงงาน 10 คนเกี่ยวเสร็จภายใน 4 วัน เสียค่าจ้าง 300 บาทต่อคน พร้อมเลี้ยงอาหาร 1 มื้อ รวมต้องเสียค่าจ้างประมาณ 3,500 บาทต่อวัน ในการลงแขกเกี่ยวข้าวของทหารในครั้งนี้ ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก และคาดว่าจะใช้เวลาในการเกี่ยวข้าวเสร็จภายใน 2 วัน
คุณตาปัญญา สิมมา อายุ 63 ปี เจ้าของนาข้าว ได้กล่าวแสดงความตื้นตันใจ และขอขอบคุณมายังผู้บังคับบัญชาของกองทัพอากาศ เป็นอย่างสูง ที่ได้ส่งทหารมาช่วยเกี่ยวข้าว และยังบอกด้วยว่า หากเจ้าของนาต้องจ้างแรงงานเกี่ยวข้าวแล้วก็คงต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก และจะเหลือรายได้จากการทำนาในปีนี้ ไม่คุ้มค่ากับค่าแรง และรายจ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายไปในระหว่างการเพาะปลูก และเก็บเกี่ยว