xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นโลกป่วนรับ'ทรัมป์'-ไทยผันผวนดิ่งเหว23จุด-พณ.หวั่นกระทบส่งออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ปรากฏการณ์ “ทรัมป์” ป่วนตลาดทุนทั่วโลก ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งเกือบ 800 จุด ขณะที่ไทยผันผวนหนักร่วงกว่า 23 จุด ก่อนรีบาวน์ช่วงท้าย ด้านราคาทองคำพุ่งทะลุ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ส่วนตลาดการเงินผันผวนระยะสั้น แนะกระจายความเสียง "สมคิด" สั่งจับตานโยบายผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ใกล้ชิด เชื่อไม่กระทบไทย สวนทาง "พาณิชย์"คาดส่งออกมีความเสี่ยงมากขึ้น

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (9 พ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวผันผวนหนัก ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก ที่นักลงทุนทยอยรับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำนางฮิลลารี คลินตัน โดยหุ้นไทยลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,486.32 จุด ลดลงจากวันก่อนกว่า 23.52 จุด ก่อนดัชนีจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นและปิดการซื้อขายที่ระดับสูงสุดที่ 1,509.43 จุด ลดลง 0.41 จุด หรือ 0.03% มูลค่าการซื้อขายรวม 93,328.59 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายสุทธิถึง 2,629.88 ล้านาบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ 656.54 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,77.97 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 1,509.45 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงอย่างหนัก โดยดาวน์โจนส์ฟิวเจอร์ ร่วงหนักถึง 782 จุด แตะ 17,503.00 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย ดัชนีนิกเกอิปิดที่ 16,251.54 จุด ลดลง 919.84 จุด หรือ 5.36% แตะที่ 16,251.54 จุด ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ปิดที่ 3,128.37 จุด ลดลง ลง 19.52 จุด หรือ 0.62% ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดที่ 1,958.38 จุด ลดลง 45.00 จุด หรือ 2.25% และดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 22,415.19 จุด ลดลง 494.28 จุด หรือ 2.16%

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนตลอดสัปดาห์ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากการดำเนินนโยบายด้านต่างๆ จะส่งผลให้นโยบายการค้าการลงทุนของไทยกับสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไป โดยเม็ดเงินจากทั่วโลกรวมถึงไทย จะไหลกลับเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ และเงินบาทจะแข็งค่าขึ้น สวนทางกับสกุลเงินดอลลาร์ที่จะอ่อนค่าลง

ขณะที่ปัจจัยในประเทศที่สามารถพยุงดัชนีฯ คือการประกาศผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/59 ที่อยู่ในระดับน่าพอใจ ทำให้ยังมองว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.3 ตามเป้า พร้อมประเมินดัชนีหุ้นไทยปีนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ระดับ 1,450-1,540 จุด

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งไม่น่าจะส่งผลกระทบกับตลาดทุนไทยมากนัก พร้อมมองว่าไทยและกลุ่มประเทศอาเซียนจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยหากเทียบกับจีน เนื่องจากนโยบายกีดกัดทางการค้าของ โดนัลด์ ทรัมป์ มุ่งเป้าไปที่จีนเป็นหลัก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีที่ตลาดหุ้นแกว่งในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า หุ้นแกว่งอยู่ทุกวันตามสถานการณ์โลกและสถานการณ์ในประเทศ อย่างไรก็ตาม หากภายในประเทศมีเสถียรภาพ ทุกอย่างก็จะดีขึ้นหมด รวมถึงตลาดหุ้นด้วย เพราะส่วนใหญ่หุ้นตกเนื่องจากพวกที่วิพากษ์วิจารณ์วิเคราะห์กัน ดังนั้นขอให้เล่นหุ้นด้วยความระมัดระวังด้วย สิ่งสำคัญคือต้องเชื่อมั่นประเทศไทยของเราก่อน

ขณะที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือระดับ 1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากเทรดเดอร์หันกลับไปซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น หลังผลการเลือกตั้งบ่งชี้โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสเป็นประธานาธิบดี สหรัฐฯ โดยทองคำงวดส่งมอบทันทีพุ่งขึ้น 3.2% แตะที่ 1,315.96 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ซึ่งปรับตัวขึ้นมากที่สุดระหว่างการซื้อขาย นับตั้งแต่อังกฤษจัดการลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือ เบร็กซิต เมื่อเดือนมิ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาทองคำซึ่งประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ ราคาระหว่างวันเปลี่ยนแปลงมากถึง 19 ครั้ง โดยราคาปรับขึ้นสูงสุดถึงบาทละ 700 บาท ก่อนปรับลง 100 บาทติดต่อกัน 3 ครั้ง ส่วนราคาทองคำโลกอยู่ที่ 1,314 เหรียญสหรัฐต่ออนซ์ ขณะที่ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวระหว่าง 34.83 - 35.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

**ชี้ผันผวนระยะสั้น-แนะกระจายเสี่ยง**

นายจาตุรงค์ จันทรังษ์ เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีผลกระทบตลาดการเงินค่อนข้างมาก และมองว่ายังเป็นปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งแง่เศรษฐกิจสหรัฐฯ การค้าโลก และสร้างความผันผวนตลาดการเงินโลกในอนาคต ซึ่งทุกครั้งประกาศออกนโยบายแต่ละเรื่องจะมีโอกาสสร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินได้

ด้านนายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า กรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้ชนะการเลือกตั้งและได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกานั้น ก็จะเท่ากับพรรครีพับลีกันจะมีเสียงข้างมากทั้งสภาสูง สภาผู้แทนราษฎร และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็จะทำให้ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆได้รวดเร็วขึ้น เศรษฐกิจสหรัฐฯจะฟื้นตัวเร็วขึ้น แต่ก็จะทำให้เกิดหนี้สาธารณะสูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน นักลงทุนก็จะขายสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อมาถือครองสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ เงินเยน และทองคำ

"ความผันผวนในตลาดเมื่อทรัมป์ชนะเลือกตั้งจะมีมากกว่าคลินตันชนะ แต่ก็จะเป็นความผันผวนในระยะสั้นๆเท่านั้น หลังจากนั้น ก็จะดูตามปัจจัยพื้นฐานของประเทศเป็นหลัก และคาดว่าในเดือนหน้าเฟดก็ยังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากกว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่จะเข้าดำรงตำแหน่งก็จะเป็นปีหน้า"

**บาทแกว่งกรอบแคบรอนโยบาย**

นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ ปิดตลาดที่ระดับ 34.93-34.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทรงตัวจากเปิดตลาดที่ 34.93-34.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยระหว่างวันค่าเงินบาทแข็งค่าสุดที่ 34.87 และอ่อนค่าสุดที่ 34.95 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

"วานนี้ภาพรวมการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินในเอเชียมีการเคลื่อนไหวผันผวน โดยเฉพาะค่าเงินเยนในช่วงทราบผลเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐฯ แต่กลับมานิ่งในช่วงท้ายตลาด ขณะที่ค่าเงินบาทไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเปิดตลาด และวันนี้คาดค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.85-35.05 บาทต่อดอลลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งยังคงต้องติดตามในเรื่องนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ก่อน"

***สั่งจับตาหวั่นส่งออกกระทบ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน สร้างปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่ด้วยการคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า จะต้องมีการติดตามการเปลี่ยนแปลงนโยบายของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าจะไม่กระทบกับไทย เพราะไทยมีแนวทางในการทำงานที่ไปกันได้อยู่แล้ว โดยมองว่าการที่ทรัมป์ชนะ เพราะคนอเมริกันต้องการการเปลี่ยนแปลง ไทยก็เช่นเดียวกัน รัฐบาลชุดนี้ ไม่ต้องการทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ ต้องการทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อปูพื้นฐานให้ประเทศในอนาคต

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกจะมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ถ้าไม่นับอาเซียน 10 ประเทศรวมกัน โดยในปี 2558 ไทยมีมูลค่าส่งออกไปสหรัฐฯ 24,055 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 11.2 ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด หากสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าในทิศทางที่มีการกีดกันมากขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าโลกโดยรวม จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการส่งออกของไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น