xs
xsm
sm
md
lg

ตะเพิดแก๊งหมิ่นฯ 'จักรทิพย์'จะซื้อตั๋วให้ไปนอก 'บิ๊กต๊อก'แย้ม7ปท.ร่วมล่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผบ.ตร. เตือนแก๊งหมิ่นสถาบันฯ รีบไปให้พ้นประเทศ หากไม่มีเงินยินดีจ่ายค่าโดยสารให้ ย้ำรู้ตัวหมดแล้ว ยอมรับมีการกระทำเป็นขบวนการ พร้อมจัดกำลังผลัดเปลี่ยนดูแลความเรียบร้อยตลอดพระราชพิธี "บิ๊กต๊อก" ยอมรับทูตประสานขอข้อมูลเพิ่ม เพื่อดำเนินกำหราบแก๊งหมิ่น 112 ใน 7 ประเทศแล้ว โดยเฉพาะการสื่อออนไลน์ ส่วนคดีความต้องเคาราพกฎหมายระหว่างประเทศ

วานนี้ ( 26 ต.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานการประชุมบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติครั้งที่ 7/2559 โดยรองผบ.ตร.จนถึงผู้บังคับการในหน่วยขึ้นตรงสำนักงาน ผบ.ตร. ร่วมประชุมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง โดยผบ.ตร.นำข้าราชการตำรวจทุกนายยืนสงบนิ่งถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนเริ่มประชุม

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึง การดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนที่จะเดินทางเข้าสักการะพระบรมศพฯ ในวันที่ 29 ตุลาคม ว่า ในบ่ายวันที่ 27 ต.ค.นี้ ตนจะประชุมกับทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องเพื่อวางแผนรับมือในการดูแลอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่คาดว่าจะเดินทางมาร่วมพระราชพิธีจำนวนมาก โดยกำชับตำรวจทุกนายที่มีหน้าที่ให้ดูแลรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ ให้เดินทางสะดวกปลอดภัย ระวังมิจฉาชีพไม่ให้เข้ามาก่อเหตุสร้างความเดือดร้อน รวมทั้งคอยดูแลไม่ให้เด็กพลัดหลง อย่างไรก็ตามตนสั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดประสานกับทางปกครองให้การดูแล อำนวยความสะดวก ประชาชนที่จะเดินทางมากทม.

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ตำรวจทุกนายทำภารกิจนี้อย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ตนเชื่อว่าตำรวจทุกนายตั้งใจปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน ไม่หวั่นฝนตก แดดออก และขอให้กำลังใจตำรวจทุกนาย ซึ่งทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ภารกิจครั้งนี้ตำรวจทุกนายทำด้วยใจประสานงานร่วมกับทุกฝ่ายทั้งปกครองและทหารอย่างเต็มที่ นอกจากนี้กำลังวางแผนเพื่อนำกำลังจากส่วนภูธรเข้ามาเสริม ผลัดเปลี่ยนในกทม.ในช่วง พระราชพิธีตลอด100 วันนี้

ส่วนกรณีที่การระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กลุ่มจักรยานยนต์จิตอาสา ออกจากบางจุดบริเวณสนามหลวง โดยให้กลุ่มจักรยานยนต์รับจ้างมาแทนที่นั้น ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจทำอย่างนั้น ไม่มีการไล่กลุ่มจิตอาสาเพื่อเปิดทางให้รถรับจ้างเข้าไป แต่ต้องยอมรับว่ากลุ่มจิตอาสามีมากมาย แต่ก็มีบางกลุ่มที่ฉวยโอกาสแฝงตัวเป็นจิตอาสาแล้วกลับเก็บเงินค่าโดยสารกับประชาชน เมื่อพบแบบนี้ตำรวจก็ไปจัดการกับกลุ่มเหล่านี้ ไม่ใช่การไล่กลุ่มจิตอาสาที่มาบริการประชาชนด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ส่วนประเด็นเรื่องกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากภาคใต้ หรือขบวนการค้ายาเสพติดจะอาศัยจังหวะที่ประชาชนเดินทางมากทม.จำนวนมากเพื่อลอบก่อเหตุนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ได้ติดตามตรวจสอบด้านการข่าว เฝ้าระวังอย่างเข้มจนไม่ต้องห่วง ส่วนกลุ่มยาเสพติดนั้น ก็อาจมีคนที่คิดแบบนี้ฉวยโอกาส ก็เฝ้าระวังปราบปรามแต่ตนไม่ให้ราคากับคนพวกนี้ ตนคิดว่าคนที่คิดทำแบบนี้ในช่วงเวลาเช่นนี้ไม่รู้เป็นคนอย่างไร

"เช่นเดียวกับกลุ่มที่หมิ่นสถาบันฯ กลุ่มนี้มีทั้งที่ทำเป็นขบวนการเป็นกลุ่มที่เคลื่อนไหวการเมืองผลิตสื่อข้อมูลต่างๆในต่างประเทศ บางครั้งก็ทำแบบส่วนตัว กลุ่มที่อยู่ต่างประเทศขณะนี้ประสานงานผ่านช่องทางตำรวจสากลเพื่อดำเนินคดีแล้ว แต่ผมเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ กลุ่มที่เคลื่อนไหว มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมโดยยังอยู่ในประเทศก็มี ตำรวจกำลังสืบสวนติดตามดำเนินคดีอยู่ ดำเนินการกับกลุ่มนี้โดยตลอด ผมไม่รู้ว่าคนที่หมิ่นสถาบันฯ เคลื่อนไหว แสดงออกแบบนี้คิดอย่างไร ถ้าไม่อยากอยู่ประเทศไทยก็ออกไปนอกประเทศเสีย ไปอยู่ที่ต่างประเทศ ถ้าไม่มีเงินค่าตั๋วเครื่องบินมาเอาที่ผม ผมออกให้ไปอยู่ต่างประเทศเลย ผมยอมเป็นหนี้เพื่อชาติ ออกเงินค่าตั๋วเครื่องบินให้คนพวกนี้ออกไป" ผบ.ตร.กล่าว

***ทูต 7 ปท.ร่วมมือกำหราบแก๊งหมิน

ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามตัวผู้กระทำผิดตามมาตรา 112 ว่า ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่มีการเคลื่อนไหว พบว่ามีการตื่นตัวและให้ความร่วมมือมากกว่าเดิมเยอะ ต้องขอขอบคุณประเทศที่เราส่งข้อมูลไปให้ รวมทั้ง สถานทูต ประจำประเทศไทย 7 ประเทศ ได้มีการสอบถามข้อมูลและเข้าใจสถานการณ์ รากเหง้า ปัญหาและสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของบ้านเมืองเรา ทั้งนี้ ตนได้รับการติดต่อจากเอกอัครราชทูตประจำประเทศนั้นๆ ซึ่งอยู่ในประเทศไทย อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมและโทรศัพท์มาหาตน

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความร่วมมือและความเข้าใจซึ่งกันและกันแต่ติดปัญหาเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งหากได้รับความร่วมมืออย่างแท้จริงเชื่อว่าปัญหานี้น่าจะเบาบางลงได้ หรือ สามารถระงับยับยั้งไม่ให้ทำได้ หากไปปรับทัศนคติของส่วนบุคคลไม่ได้แต่ก็ไม่ควรจะให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้ใช้โลกออนไลน์มาเผยแพร่อย่างไม่ถูกต้อง ตนเชื่อว่าประเทศต่างๆทำได้ โดยการใช้กฎหมายของประเทศนั้นควบคุมและขอความร่วมมือก็แล้วแต่ละประเทศนั้น หากดูจากสัญญาณที่ติดต่อเรามาและขอข้อมูลมากขึ้นถือว่ามีความกระตือรือร้นกว่าเดิม

"โอกาสได้ตัวกลับมาผมไม่เคยพูดเพราะเป็นเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ ต้องดูความเข้มข้นทางประเทศนั้นๆ ว่าจะใช้วิธีการอย่างไร โดย นายกรัฐมนตรี ก็บอกแล้วว่าอย่าพยายามทำในสถานการณ์อย่างนี้ไม่อยากให้ทะเลาะกัน ผมบอกแล้วว่าหากไม่ให้ความสำคัญกับกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ถ้าหายไปจากโลกโซเชียลมีเดียส์ มันก็ไม่มีอะไร" รมว.ยธ. กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น