ผู้จัดการรายวัน360-"ศานิตย์"เผยความคืบหน้าคดีฆาตกรต่อเนื่อง ระบุผลดีเอ็นเอมัด "จิมมี่" เหตุคราบเลือดที่พบบนเสื้อตรงกับผู้ตาย ส่วนศพหญิงปริศนาอีก 1 รายที่ถูกแทงใต้สะพานกลางกรุง จะเป็นเหยื่ออีกคนหรือไม่ รอผลตรวจสอบก่อน
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีฆาตรกรต่อเนื่องว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ ออกมาแล้ว ปรากฏว่าศพที่ 1.นายศุภกร โคกกราน อายุ 25 ปี และศพที่ 3.นาเสถียร ศรชัย อายุ 48 ปี มีดีเอ็นเอตรงกับคราบเลือดที่พบบนเสื้อของนายจิมมี่ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหา ชาวเมียนมา ส่วนศพที่ 2.น.ส.สุภาพรรณ คงอยู่ดี อายุ 35 ปี อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีดีเอ็นเอของหญิงสาวปริศนาอีก 1 ราย ติดอยู่บนเสื้อของนายจิมมี่ แต่จะมีความเชื่อมโยงกับศพหญิงเร่ร่อนที่พบบริเวณใต้สะพานลาดพร้าวหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะมีความเป็นไปได้ว่านายจิมมี่ อาจจะเป็นคนลงมือฆ่าหญิงสาวคนดังกล่าว เนื่องจากมีพยานพบเห็นว่านายจิมมี่นำร่มมาปิดบังศพไว้ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2559
“หลังจากนี้ตำรวจจะต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าศพหญิงสาวที่พบใต้สะพานลาดพร้าวเป็นใคร และหากผลดีเอ็นเอตรงกับนายจิมมี่ ก็จะดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีที่พบศพหญิงเร่ร่อนถูกฆ่าในลักษณะเดียวกันบริเวณจุดกลับรถใต้สะพานข้ามแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากการสืบสวนสอบสวนในชั้นนี้ ยังไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับ 3 ศพ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เก็บหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นร่ม ก้อนอิฐ และเสื้อเปื้อนเลือด ไปตรวจที่สถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับนายจิมมี่ ผู้ต้องหาที่จับได้ก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าจะทราบผลได้ภายใน2สัปดาห์
สำหรับมาตรการเข้มกวดกวดขันคนเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ และชุมชนเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกับ กทม. กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นๆ บูรณาการแก้ปัญหา เช่น เพิ่มพื้นที่แสงสว่างตามจุดเสี่ยงต่างๆ ให้มากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มกำลังตามจุดเสี่ยงต่างๆ และที่ผ่านมา ตำรวจมีการจับผู้ต้องหาที่ฆ่าคนเร่ร่อนอย่างต่อเนื่อง แต่พอดำเนินคดีไปแล้ว ก็มีคนร้ายคนอื่นๆ โผล่ขึ้นมาอีก ซึ่งทุกพื้นที่ของโลกก็มีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดนี้ ในเวลานี้ก็ต้องมีการเฝ้าระวังพื้นที่ให้มากขึ้น
พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของคดีฆาตรกรต่อเนื่องว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ ออกมาแล้ว ปรากฏว่าศพที่ 1.นายศุภกร โคกกราน อายุ 25 ปี และศพที่ 3.นาเสถียร ศรชัย อายุ 48 ปี มีดีเอ็นเอตรงกับคราบเลือดที่พบบนเสื้อของนายจิมมี่ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหา ชาวเมียนมา ส่วนศพที่ 2.น.ส.สุภาพรรณ คงอยู่ดี อายุ 35 ปี อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีดีเอ็นเอของหญิงสาวปริศนาอีก 1 ราย ติดอยู่บนเสื้อของนายจิมมี่ แต่จะมีความเชื่อมโยงกับศพหญิงเร่ร่อนที่พบบริเวณใต้สะพานลาดพร้าวหรือไม่นั้น ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะมีความเป็นไปได้ว่านายจิมมี่ อาจจะเป็นคนลงมือฆ่าหญิงสาวคนดังกล่าว เนื่องจากมีพยานพบเห็นว่านายจิมมี่นำร่มมาปิดบังศพไว้ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2559
“หลังจากนี้ตำรวจจะต้องพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าศพหญิงสาวที่พบใต้สะพานลาดพร้าวเป็นใคร และหากผลดีเอ็นเอตรงกับนายจิมมี่ ก็จะดำเนินการขอศาลออกหมายจับ และแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีที่พบศพหญิงเร่ร่อนถูกฆ่าในลักษณะเดียวกันบริเวณจุดกลับรถใต้สะพานข้ามแยกลาดพร้าว ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากการสืบสวนสอบสวนในชั้นนี้ ยังไม่พบหลักฐานที่เชื่อมโยงกับ 3 ศพ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้เก็บหลักฐานต่างๆในที่เกิดเหตุไม่ว่าจะเป็นร่ม ก้อนอิฐ และเสื้อเปื้อนเลือด ไปตรวจที่สถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับนายจิมมี่ ผู้ต้องหาที่จับได้ก่อนหน้านี้แล้ว คาดว่าจะทราบผลได้ภายใน2สัปดาห์
สำหรับมาตรการเข้มกวดกวดขันคนเร่ร่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ และชุมชนเมือง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกับ กทม. กรมพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นๆ บูรณาการแก้ปัญหา เช่น เพิ่มพื้นที่แสงสว่างตามจุดเสี่ยงต่างๆ ให้มากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มกำลังตามจุดเสี่ยงต่างๆ และที่ผ่านมา ตำรวจมีการจับผู้ต้องหาที่ฆ่าคนเร่ร่อนอย่างต่อเนื่อง แต่พอดำเนินคดีไปแล้ว ก็มีคนร้ายคนอื่นๆ โผล่ขึ้นมาอีก ซึ่งทุกพื้นที่ของโลกก็มีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดนี้ ในเวลานี้ก็ต้องมีการเฝ้าระวังพื้นที่ให้มากขึ้น
