ผู้จัดการรายวัน360-ตำรวจห้วยขวางคุมตัวหนุ่มขับจากัวร์ค้ายาเสพติด และพบอาวุธปืนหลายกระบอก ฝากขังผัดแรก พร้อมทั้งคัดค้านการประกัน ยกเหตุผลคดีมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต เกรงผู้ต้องหาอาจหลบหนี ล่าสุดศาลอนุญาตให้ฝากขังตามขอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.ศิวานนท์ สงนุ้ย พนักงานสอบสวน ส.น. ห้วยขวาง ได้ควบคุมตัว นายนภสินธุ์ ไพชยนต์วิจิตร หรือเติ้ล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999 / 205 ซอย เกศินีวิลล์ แขวงสามเสนนอก ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้ต้องหาขับรถยนต์จากัวร์ค้ายาเสพติด มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายชูโชติ อุดมศิริกุล หรือเฮี๊ย ในข้อหามียาเสพย์ติดประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจากการสอบสวนขยายผล ทราบว่า นายชูโชติ ซื้อยาเสพติดมาจาก นายเติ้ล ไม่ทราบชื่อ และนามสกุล เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนร่วมกันจับกุม โดยนัดหมายให้ นายชูโชติ โทรสั่งซื้อยาไอซ์จากผู้ต้องหาจำนวน 100 กรัม ราคา 1 แสนบาท และได้นัดส่งยาเสพติดที่บ้านหลังเกิดเหตุ
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2559 เจ้าหน้าที่ได้ไปบริเวณสถานที่เกิดเหตุพร้อมนายชูโชติ และได้โทรแจ้งให้นายเติ้ลทราบ จากนั้นผู้ต้องหาได้ออกมาจากบ้านดังกล่าว พร้อมซองสีน้ำตาล และได้นำมามอบให้กับนายชูโชติ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นยาเสพติดจริง จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าจับคุมตัวผู้ต้องหา และจากการสอบถาม ผู้ต้องหารับว่าได้นำยาไอซ์มามอบให้กับนายชูโชติ พร้อมรับว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีก เจ้าหน้าที่จึงได้ไปตรวจค้นพบยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกจำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 72.05 กรัม ซุกซ้อนอยู่บริเวณตู้เก็บของภายในห้องนอน และยาอีชนิดเม็ดบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก จำนวน 290 เม็ด กัญชาแห้ง น้ำหนัก 34.20 กรัม พร้อมอาวุธปืนขนาด .45 มม. ยีห้อ STI จำนวน 5 กระบอก ,อาวุธปืนสั้นขนาด .22 มม. ยี่ห้อ บาเร็ตต้า จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปื้นสั้น .380 มม. ยี่ห้อ วิสสันคอมแบท และยี่ห้อ คิมเบอร์ จำนวน 2 กระบอก และอาวุธปืนยาว M 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 387 นัด และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งผู้ต้องหารับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตน
จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์ ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย , มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย , ยาเสพติดประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครอง
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนยังได้ระบุว่า หากมีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษถึงประหารชีวิตและเป็นอัตราโทษที่สูง ผู้ต้องหาอาจหลบหนีอาจทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ยังได้สอบสวนผู้ต้องหามาโดยตลอด จะครบกำหนด 48 ชั่วโมง แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบสวนพยานอีก 5 ปาก , รอผลการตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหา , ผลการตรวจสอบยาเสพติด , ผลการตรวจสอบอาวุธปืน ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขออนุญาตให้ศาลฝากขังผู้ต้องหา มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.-7 ต.ค.2559
ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว และสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง ซึ่งหากไม่มีญาติมาประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (26 ก.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.ท.ศิวานนท์ สงนุ้ย พนักงานสอบสวน ส.น. ห้วยขวาง ได้ควบคุมตัว นายนภสินธุ์ ไพชยนต์วิจิตร หรือเติ้ล อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999 / 205 ซอย เกศินีวิลล์ แขวงสามเสนนอก ห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้ต้องหาขับรถยนต์จากัวร์ค้ายาเสพติด มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน โดยในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ก่อนวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายชูโชติ อุดมศิริกุล หรือเฮี๊ย ในข้อหามียาเสพย์ติดประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจากการสอบสวนขยายผล ทราบว่า นายชูโชติ ซื้อยาเสพติดมาจาก นายเติ้ล ไม่ทราบชื่อ และนามสกุล เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนร่วมกันจับกุม โดยนัดหมายให้ นายชูโชติ โทรสั่งซื้อยาไอซ์จากผู้ต้องหาจำนวน 100 กรัม ราคา 1 แสนบาท และได้นัดส่งยาเสพติดที่บ้านหลังเกิดเหตุ
ต่อมา เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2559 เจ้าหน้าที่ได้ไปบริเวณสถานที่เกิดเหตุพร้อมนายชูโชติ และได้โทรแจ้งให้นายเติ้ลทราบ จากนั้นผู้ต้องหาได้ออกมาจากบ้านดังกล่าว พร้อมซองสีน้ำตาล และได้นำมามอบให้กับนายชูโชติ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่าเป็นยาเสพติดจริง จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าจับคุมตัวผู้ต้องหา และจากการสอบถาม ผู้ต้องหารับว่าได้นำยาไอซ์มามอบให้กับนายชูโชติ พร้อมรับว่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่อีก เจ้าหน้าที่จึงได้ไปตรวจค้นพบยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกจำนวน 2 ถุง น้ำหนัก 72.05 กรัม ซุกซ้อนอยู่บริเวณตู้เก็บของภายในห้องนอน และยาอีชนิดเม็ดบรรจุอยู่ในถุงพลาสติก จำนวน 290 เม็ด กัญชาแห้ง น้ำหนัก 34.20 กรัม พร้อมอาวุธปืนขนาด .45 มม. ยีห้อ STI จำนวน 5 กระบอก ,อาวุธปืนสั้นขนาด .22 มม. ยี่ห้อ บาเร็ตต้า จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปื้นสั้น .380 มม. ยี่ห้อ วิสสันคอมแบท และยี่ห้อ คิมเบอร์ จำนวน 2 กระบอก และอาวุธปืนยาว M 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 387 นัด และโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งผู้ต้องหารับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตน
จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาไอซ์ ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย , มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาอี) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย , ยาเสพติดประเภทที่ 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตไว้ในครอบครอง
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนยังได้ระบุว่า หากมีการยื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษถึงประหารชีวิตและเป็นอัตราโทษที่สูง ผู้ต้องหาอาจหลบหนีอาจทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ ยังได้สอบสวนผู้ต้องหามาโดยตลอด จะครบกำหนด 48 ชั่วโมง แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องรอสอบสวนพยานอีก 5 ปาก , รอผลการตรวจลายนิ้วมือผู้ต้องหา , ผลการตรวจสอบยาเสพติด , ผลการตรวจสอบอาวุธปืน ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขออนุญาตให้ศาลฝากขังผู้ต้องหา มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.-7 ต.ค.2559
ศาลพิจารณาคำร้องแล้ว และสอบถามผู้ต้องหาไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำร้อง ซึ่งหากไม่มีญาติมาประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะนำตัวผู้ต้องหาไปควบคุมยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป
