"บิ๊กติ๊ก" ย้ำบริษัทลูกชายทำตามหลักเกณฑ์ เชื่อแจงป.ป.ช.ได้ ส่วนชื่อฝาย "แม่ผ่องพรรณพัฒนา" ชาวบ้านตั้งเอง ใช้งบสมาคมฯ 7,800 บาท "บิ๊กป้อม"โดดอุ้ม "บิ๊กติ๊ก" แถลูกชายรับงานทัพภาค 3 ไม่ผิด มีสิทธิ์ยื่นซองประมูลงานตามกระบวนการ พร้อมเปิดช่องนักการเมืองจะเอาอย่างได้ ด้านหจก. ลูกชายบิ๊กติ๊ก กวาดงานรับเหมา 11 โครงการ มูลค่า 155.6 ล้านบาท ทัพภาพ 3 สูงถึง 7 โครงการ รวม 97.6 ล้าน
เมื่อเช้าวานนี้ (21 ก.ย.) ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกระทรวงการกลาโหม โดยในพิธีได้มีการผูกผ้าสามสี และคล้องพวงมาลัยปืนใหญ่โบราณ จำนวน 40 กระบอก
พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า การจัดทำพิธีครั้งนี้ เพื่อความสวยงามและเพื่อป้องกันสัตว์มีพิษที่เราไม่ต้องการไปอยู่ในปากกระบอกปืนใหญ่โบราณ เช่น หนู และงู โดยมีการนำตราแผ่นดิน หรือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์เทพพาหนะของพระนารายณ์ไปปิดปากกระบอกปืน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงความเชื่อ เพราะต่างประเทศก็ทำแบบนี้ อีกทั้งบริเวณกระทรวง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงต้องทำเพื่อให้มีความสวยงาม และมีความปลอดภัย โดยพิธีครั้งนี้ไม่ได้ทำทุกปี และไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ เพราะพิธีครั้งนี้ มีแผนการดำเนินงานมานานแล้ว
**"บิ๊กติ๊ก"มั่นใจชี้แจงป.ป.ช.ได้
พล.อ.ปรีชา ยังกล่าวถึง กรณีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของบุตรชาย ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ของกองทัพภาค ที่ 3 จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ค่ายพ่อขุนผาเมือง และ ก่อสร้างตึกแถวนายทหารประทวน 10 ครอบครัว ของโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ ต.น้ำริม อ.เมืองฯ จ.ตาก รวมวงเงิน 2 โครงการ 26,960,000 บาท ในช่วงปี 58-59 ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการ มีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการปฏิบัติ ส่วนที่มองว่าเป็นเพราะนามสกุลจันทร์โอชา หรือไม่ จึงถูกสังคมจับตามอง ตนมองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีปัญหา เชื่อว่าสามารถชี้แจงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้
ส่วนเรื่องที่สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อสร้างฝายกั้นน้ำในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นั้น ทางสมาคมฯ ก็ถือเป็นหน่วยหนึ่งของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แม้จะไม่ได้เป็นหน่วยขึ้นตรง แต่ก็ทำงานร่วมกันและมีภารกิจ และงานที่เกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์ เรื่องการทำฝายกั้นน้ำนั้น เพราะในพื้นที่มีการร้องขอมา โดยมีศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร ศูนย์อุสาหกรรมป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหมทำหน้าที่ดูแลพื้นที่อยู่ และสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้สนับสนุนงบประมาณซื้อหินจำนวน 7,800 บาท ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ก็ช่วยหาไม้ไผ่ จากนั้นก็ลงแรงร่วมกันจัดทำฝายขึ้น ส่วนเรื่องชื่อของฝายดังกล่าวนั้น ชาวบ้านขอนำไปตั้งกันเอง ทั้งนี้ชาวบ้านก็ขอบคุณทหาร และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดนี้ถือเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
**"บิ๊กป้อม"แถใครๆก็เข้าประมูลงานได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีชื่อ บุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เข้ามารับทำโครงการของกองทัพภาคที่ 3 ว่า โครงการดังกล่าวต้องผ่านการประมูล ซึ่งใครก็สามารถเข้ามาประมูลได้ ทุกคนสามารถยื่นซองได้ ไม่ได้มีกำหนดห้ามลูกพล.อ.ปรีชา ยื่นซองประมูล ใครก็ยื่นได้หากให้ราคาต่ำ และกำหนดสเปกงานได้ตามความต้องการของกองทัพภาคที่ 3 ก็ถือว่าได้งานไป เดี๋ยวนี้เขาใช้วิธีการประมูลแบบอีเลกทรอนิกส์ ซึ่งไม่เห็นหน้ากันอยู่แล้ว การที่สังคมสงสัย ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนามสกุลจันทร์โอชา เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่บานปลาย เพราะไม่มีอะไร และไม่กลัวว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อกองทัพ ตนอยู่มาตั้งนานไม่เห็นมีอะไรเลย เป็นผู้บังคับหน่วยมาตลอด และเป็นรัฐมนตรีมาตั้งนาน ก็ไม่เคย ทุกอย่างทำตรงไปตรงมาทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองสามารถส่งคนในนามสกุลเดียวกัน มาประมูลงานของหน่วยงานรัฐได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ทำได้หมด ถ้าทำตรงไปตรงมา การประมูลงานสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว"
**ร้องป.ป.ช.สอบลูก"บิ๊กติ๊ก"ผิดพ.ร.บ.ฮั้ว
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึง กรณีที่ปรากฏข้อมูลเป็นการทั่วไปว่า หจก.แห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ซึ่งมีบุตรชายของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 และ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นคู่สัญญารับเหมา หน่วยงานในกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 97 ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับ สนง.ทรัพยากรน้ำภาค 9 อีก 1 สัญญามูลค่ากว่า 44 ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับ อบจ.พิษณุโลก อีก 3 สัญญา มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้นกว่า 155 ล้าทบาท ในขณะที่ หจก.ดังกล่าวเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี 2555 มีทุนจดทะเบียนเพียง 1.5 ล้านบาทเท่านั้น
กรณีดังกล่าว เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนเป็นการทั่วไปว่า หากไม่มีการใช้อำนาจพิเศษเพื่อประโยชน์ในการเสนอราคาประมูลงานต่างๆ ดังกล่าวแล้ว บริษัทหน้าใหม่ ที่มีทุนจดทะเบียนเล็กน้อย จะสามารถชนะการประมูลงานของรัฐ ที่มีมูลค่านับสิบ นับร้อยล้านได้อย่างไร
กรณีดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะมีการกระทำอันเข้าข่ายพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ประกอบ มาตรา 100 แห่ง พรบ.ป.ป.ช. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152
กรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวน สืบสวน เพื่อทำให้ความจริงปรากฏในวันพฤหัสที่ 22 ก.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี
*** ลูกชาย "บิ๊กติ๊ก" รับงานทัพภาค 3 มูลค่า 97.6 ล้าน
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค. 2557 - เม.ย. 2559 หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น เป็นคู่สัญญารับเหมาหน่วยงานภาครัฐทั้งสิ้น 11 โครงการ (สัญญา) รวมวงเงิน 155,603,000 บาท ประกอบด้วย 1.โครงการของกองทัพบก (กองทัพภาคที่ 3) จำนวน 7 โครงการ 97,651,000 บาท (ธ.ค. 2557-เม.ย. 2559) 2.สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 9 กรมทรัพยากรน้ำ 1 โครงการ 44,887,000 บาท (5 มี.ค. 2558) 3.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิษณุโลก 3 โครงการ 13,065,000 บาท (ส.ค.-ต.ค. 2558) (
จากการตรวจสอบพบว่า 7 โครงการที่มีกองทัพบกเป็นคู่สัญญา มีรายละเอียด คือ 1.โครงการประกวดราคาจ้างต่อเติมอาคาร กองบังคับการ จังหวัดทหารบกพิษณุโลก ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของจังหวัดทหารบกพิษณุโลก แผนงานเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 17,880,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 22 ธ.ค. 2557 2.ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ของกองทัพภาคที่3 จังหวัดทหารบกเพซรบูรณ์ ค่ายพ่อขุนผาเมือง วงเงิน 13,680,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 23 มี.ค. 2558 3.ก่อสร้างอาคารของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 14 จังหวัดตาก โครงการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 7 ประจำปีงบประมาณ 2558 วงเงิน 25,355,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 10 ก.ค. 2558
4.ประกวดราคาจ้างก่อสร้างโรงเก็บอากาศยาน แบบ ฮ.ท.60 ของกองทัพภาคที่ 3 วงเงิน 5,520,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 25 ม.ค. 2559 5.ก่อสร้างโรงทหาร ,ห้องน้ำส้วมทหาร ของมณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ วงเงิน 13,790,900 บาท ทำสัญญาวันที่ 21 มี.ค. 2559 6.จ้างก่อสร้างอาคาร ของกรมทหารราบที่ 14 ค่ายวชิรปราการ จังหวัดตาก ตามโครงการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 7 ประจำปีงบประมาณ 2559 วงเงิน 8,145,100 บาท ทำสัญญาวันที่ 19 เม.ย. 2559 และ 7.ก่อสร้างตึกแถวนายททหารประทวน 10 ครอบครัวของโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ ต.น้ำริม อ.เมืองตาก จ.ตาก วงเงิน 13,280,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 25 เม.ย. 2559
โดยวิธีจัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่จัดซื้อด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) และมีบางรายการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านผู้ให้บริการตลาดกลาง (อีอ๊อกชั่น) มีผู้เข้าร่วมแข่งขัน 3-4 ราย อย่างน้อย 1 ราย การชนะคู่แข่งหลักพันบาท และอย่างน้อย 3 โครงการที่คู่แข่งรายเดิม
สำหรับ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น จดทะเบียนวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 128/31/007 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก นายปฐมพล จันทร์โอชา เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีผู้ถือหุ้น 2 คน 1.นายปฐมพล จันทร์โอชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128/31/007 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ลงหุ้นด้วยเงิน 500,000 บาท 2.นางวัลละภา จันทร์โอชา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/403 ซอยนวมินทร์ 93 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ลงหุ้นด้วยเงิน 500,000 บาท
ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2556 จดทะเบียนเพิ่มทุน 1,500,000 บาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน คนละ 500,000 บาท ผู้ถือหุ้นรายใหม่ คือ น.ส.พัชรินทร์ ธีรวงศ์ภาสกร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/403
เมื่อเช้าวานนี้ (21 ก.ย.) ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์หน้าศาลาว่าการกระทรวงการกลาโหม โดยในพิธีได้มีการผูกผ้าสามสี และคล้องพวงมาลัยปืนใหญ่โบราณ จำนวน 40 กระบอก
พล.อ.ปรีชา กล่าวว่า การจัดทำพิธีครั้งนี้ เพื่อความสวยงามและเพื่อป้องกันสัตว์มีพิษที่เราไม่ต้องการไปอยู่ในปากกระบอกปืนใหญ่โบราณ เช่น หนู และงู โดยมีการนำตราแผ่นดิน หรือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์เทพพาหนะของพระนารายณ์ไปปิดปากกระบอกปืน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เพียงความเชื่อ เพราะต่างประเทศก็ทำแบบนี้ อีกทั้งบริเวณกระทรวง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว จึงต้องทำเพื่อให้มีความสวยงาม และมีความปลอดภัย โดยพิธีครั้งนี้ไม่ได้ทำทุกปี และไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ เพราะพิธีครั้งนี้ มีแผนการดำเนินงานมานานแล้ว
**"บิ๊กติ๊ก"มั่นใจชี้แจงป.ป.ช.ได้
พล.อ.ปรีชา ยังกล่าวถึง กรณีบริษัทรับเหมาก่อสร้างของบุตรชาย ที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ของกองทัพภาค ที่ 3 จังหวัดทหารบกเพชรบูรณ์ ค่ายพ่อขุนผาเมือง และ ก่อสร้างตึกแถวนายทหารประทวน 10 ครอบครัว ของโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ ต.น้ำริม อ.เมืองฯ จ.ตาก รวมวงเงิน 2 โครงการ 26,960,000 บาท ในช่วงปี 58-59 ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการ มีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการปฏิบัติ ส่วนที่มองว่าเป็นเพราะนามสกุลจันทร์โอชา หรือไม่ จึงถูกสังคมจับตามอง ตนมองว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าไม่ผิดก็ไม่มีปัญหา เชื่อว่าสามารถชี้แจงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้
ส่วนเรื่องที่สมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ก่อสร้างฝายกั้นน้ำในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นั้น ทางสมาคมฯ ก็ถือเป็นหน่วยหนึ่งของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม แม้จะไม่ได้เป็นหน่วยขึ้นตรง แต่ก็ทำงานร่วมกันและมีภารกิจ และงานที่เกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์ เรื่องการทำฝายกั้นน้ำนั้น เพราะในพื้นที่มีการร้องขอมา โดยมีศูนย์พัฒนาปิโตรเลียมภาคเหนือ กรมการพลังงานทหาร ศูนย์อุสาหกรรมป้องกันประเทศ กระทรวงกลาโหมทำหน้าที่ดูแลพื้นที่อยู่ และสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้สนับสนุนงบประมาณซื้อหินจำนวน 7,800 บาท ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ก็ช่วยหาไม้ไผ่ จากนั้นก็ลงแรงร่วมกันจัดทำฝายขึ้น ส่วนเรื่องชื่อของฝายดังกล่าวนั้น ชาวบ้านขอนำไปตั้งกันเอง ทั้งนี้ชาวบ้านก็ขอบคุณทหาร และทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดนี้ถือเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม
**"บิ๊กป้อม"แถใครๆก็เข้าประมูลงานได้
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีมีชื่อ บุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เข้ามารับทำโครงการของกองทัพภาคที่ 3 ว่า โครงการดังกล่าวต้องผ่านการประมูล ซึ่งใครก็สามารถเข้ามาประมูลได้ ทุกคนสามารถยื่นซองได้ ไม่ได้มีกำหนดห้ามลูกพล.อ.ปรีชา ยื่นซองประมูล ใครก็ยื่นได้หากให้ราคาต่ำ และกำหนดสเปกงานได้ตามความต้องการของกองทัพภาคที่ 3 ก็ถือว่าได้งานไป เดี๋ยวนี้เขาใช้วิธีการประมูลแบบอีเลกทรอนิกส์ ซึ่งไม่เห็นหน้ากันอยู่แล้ว การที่สังคมสงสัย ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนามสกุลจันทร์โอชา เชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่บานปลาย เพราะไม่มีอะไร และไม่กลัวว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อกองทัพ ตนอยู่มาตั้งนานไม่เห็นมีอะไรเลย เป็นผู้บังคับหน่วยมาตลอด และเป็นรัฐมนตรีมาตั้งนาน ก็ไม่เคย ทุกอย่างทำตรงไปตรงมาทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวจะเป็นบรรทัดฐานให้นักการเมืองสามารถส่งคนในนามสกุลเดียวกัน มาประมูลงานของหน่วยงานรัฐได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ทำได้หมด ถ้าทำตรงไปตรงมา การประมูลงานสามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว"
**ร้องป.ป.ช.สอบลูก"บิ๊กติ๊ก"ผิดพ.ร.บ.ฮั้ว
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึง กรณีที่ปรากฏข้อมูลเป็นการทั่วไปว่า หจก.แห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ซึ่งมีบุตรชายของพล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 และ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นคู่สัญญารับเหมา หน่วยงานในกองทัพภาคที่ 3 จำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 97 ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับ สนง.ทรัพยากรน้ำภาค 9 อีก 1 สัญญามูลค่ากว่า 44 ล้านบาท และเป็นคู่สัญญากับ อบจ.พิษณุโลก อีก 3 สัญญา มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้นกว่า 155 ล้าทบาท ในขณะที่ หจก.ดังกล่าวเพิ่งจดทะเบียนเมื่อปี 2555 มีทุนจดทะเบียนเพียง 1.5 ล้านบาทเท่านั้น
กรณีดังกล่าว เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนเป็นการทั่วไปว่า หากไม่มีการใช้อำนาจพิเศษเพื่อประโยชน์ในการเสนอราคาประมูลงานต่างๆ ดังกล่าวแล้ว บริษัทหน้าใหม่ ที่มีทุนจดทะเบียนเล็กน้อย จะสามารถชนะการประมูลงานของรัฐ ที่มีมูลค่านับสิบ นับร้อยล้านได้อย่างไร
กรณีดังกล่าว เชื่อว่าน่าจะมีการกระทำอันเข้าข่ายพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ประกอบ มาตรา 100 แห่ง พรบ.ป.ป.ช. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152
กรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อไต่สวน สืบสวน เพื่อทำให้ความจริงปรากฏในวันพฤหัสที่ 22 ก.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช.ถนนสนามบินน้ำ จ.นนทบุรี
*** ลูกชาย "บิ๊กติ๊ก" รับงานทัพภาค 3 มูลค่า 97.6 ล้าน
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างเดือน ธ.ค. 2557 - เม.ย. 2559 หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น เป็นคู่สัญญารับเหมาหน่วยงานภาครัฐทั้งสิ้น 11 โครงการ (สัญญา) รวมวงเงิน 155,603,000 บาท ประกอบด้วย 1.โครงการของกองทัพบก (กองทัพภาคที่ 3) จำนวน 7 โครงการ 97,651,000 บาท (ธ.ค. 2557-เม.ย. 2559) 2.สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 9 กรมทรัพยากรน้ำ 1 โครงการ 44,887,000 บาท (5 มี.ค. 2558) 3.องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิษณุโลก 3 โครงการ 13,065,000 บาท (ส.ค.-ต.ค. 2558) (
จากการตรวจสอบพบว่า 7 โครงการที่มีกองทัพบกเป็นคู่สัญญา มีรายละเอียด คือ 1.โครงการประกวดราคาจ้างต่อเติมอาคาร กองบังคับการ จังหวัดทหารบกพิษณุโลก ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ของจังหวัดทหารบกพิษณุโลก แผนงานเพิ่มเติมระหว่างปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 17,880,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 22 ธ.ค. 2557 2.ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ของกองทัพภาคที่3 จังหวัดทหารบกเพซรบูรณ์ ค่ายพ่อขุนผาเมือง วงเงิน 13,680,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 23 มี.ค. 2558 3.ก่อสร้างอาคารของกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 14 จังหวัดตาก โครงการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 7 ประจำปีงบประมาณ 2558 วงเงิน 25,355,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 10 ก.ค. 2558
4.ประกวดราคาจ้างก่อสร้างโรงเก็บอากาศยาน แบบ ฮ.ท.60 ของกองทัพภาคที่ 3 วงเงิน 5,520,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 25 ม.ค. 2559 5.ก่อสร้างโรงทหาร ,ห้องน้ำส้วมทหาร ของมณฑลทหารบกที่ 36 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ วงเงิน 13,790,900 บาท ทำสัญญาวันที่ 21 มี.ค. 2559 6.จ้างก่อสร้างอาคาร ของกรมทหารราบที่ 14 ค่ายวชิรปราการ จังหวัดตาก ตามโครงการจัดตั้งกองพลทหารราบที่ 7 ประจำปีงบประมาณ 2559 วงเงิน 8,145,100 บาท ทำสัญญาวันที่ 19 เม.ย. 2559 และ 7.ก่อสร้างตึกแถวนายททหารประทวน 10 ครอบครัวของโรงพยาบาลค่ายวชิรปราการ ต.น้ำริม อ.เมืองตาก จ.ตาก วงเงิน 13,280,000 บาท ทำสัญญาวันที่ 25 เม.ย. 2559
โดยวิธีจัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่จัดซื้อด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) และมีบางรายการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยผ่านผู้ให้บริการตลาดกลาง (อีอ๊อกชั่น) มีผู้เข้าร่วมแข่งขัน 3-4 ราย อย่างน้อย 1 ราย การชนะคู่แข่งหลักพันบาท และอย่างน้อย 3 โครงการที่คู่แข่งรายเดิม
สำหรับ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น จดทะเบียนวันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ทุนเริ่มแรก 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 128/31/007 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก นายปฐมพล จันทร์โอชา เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ มีผู้ถือหุ้น 2 คน 1.นายปฐมพล จันทร์โอชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 128/31/007 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ลงหุ้นด้วยเงิน 500,000 บาท 2.นางวัลละภา จันทร์โอชา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/403 ซอยนวมินทร์ 93 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ลงหุ้นด้วยเงิน 500,000 บาท
ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2556 จดทะเบียนเพิ่มทุน 1,500,000 บาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน คนละ 500,000 บาท ผู้ถือหุ้นรายใหม่ คือ น.ส.พัชรินทร์ ธีรวงศ์ภาสกร อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/403