ผู้จัดการรายวัน 360 - ล่า “10อุยกูร์” เผ่นห้องกัก ตม.หนองคายได้ครบแล้ว เผยอาศัยจังหวะฝนตก-ไฟดับเจาะเพดานหนี ผบช.สตม.สั่งย้าย ตร.คุมห้องกัก พร้อมตั้งกรรมการสอบ
เมื่อเวลาประมาณ 02.40 น.วันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคาย ว่า ได้เกิดเหตุผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ จำนวน 10 คน หลบหนีออกจากอาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมืองตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ ตม.จึงได้สนธิกำลังกับตำรวจภูธร จ.หนองคาย ทหาร และอาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยในเขตพื้นที่ออกติดตามตัวทั้งตามแนวชายแดนและในเขตพื้นที่ ต่อมาเวลา 08.00 น. นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการ จ.หนองคาย ได้เดินทางมาตรวจสอบอาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง และเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในการบูรณาการหน่วยงานต่างๆในการออกติดตามกลุ่มผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ดังกล่าว โดยชาวอุยกูร์ทั้ง 10 คน เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ทั้งเดินทางด้วยรถยนต์และทางเรือ บางคนอ้างว่าเป็นนักศึกษา บางคนทำงานเป็นพ่อครัว ช่างไม้ นักธุรกิจ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวและต้องการกลับตุรกี แต่เข้าเมืองไม่ถูกต้องจึงถูก ตม.จับกุมที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนถูกส่งตัวมากักไว้ที่ ตม.หนองคาย เมื่อเดือน ก.ค.59 ซึ่งคาดว่าทั้งหมดได้เตรียมการหลบหนีไว้แล้ว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้รับรายงานว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 10 คนเจาะเพดานจากสถานที่กักขังของ ตม.ออกไป โดยเป็นบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองที่ติดอยู่นานแล้ว ส่วนจะเป็นผู้ที่ทางการจีนขอตัวหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด
ขณะที่ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ที่ถูกกักขังชาวอุยกูร์ที่หลบหนีได้ครบทั้ง 10 รายแล้ว โดยจับกุมได้ที่บริเวณป่าช้า วัดหนองขาม จ.หนองคาย หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะที่ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้น ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่เวรยามในช่วงเวลานั้นไปยังกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 (บก.ตม.4) ก่อน ทั้งนี้ผู้ที่ถูกกักขังทั้ง 10 ราย อาศัยช่วงเวลาที่ฝนตกหนัก รวมทั้งเมื่อคืนนี้เกิดเหตุไฟดับในพื้นที่ จ.หนองคาย เป็นวงกว้าง จึงใช้วิธีทำลายสิ่งกีดขวางบริเวณเพดานห้องกักขัง โดยใช้น้ำหนักตัวโหนเปิดโครงเหล็กบนฝ้าเพดาน แล้วหลบหนีขึ้นไปโดยใช้เสื้อผ้าผูกกับตัวเอง ซึ่งห้องกักตัวกับห้องขังในเรือนจำมีระดับความแน่นหนาของห้องแตกต่างกัน ความแข็งแรงของห้องกักตัวจึงไม่เท่ากับห้องขัง ส่วนการเฝ้าเวรยามได้มีการสับเปลี่ยนเวรยามกันตลอด 24 ชั่วโมง เวรละ 4 คน ตั้งแต่ยศนายตำรวจชั้นประทวนจนถึงรองสารวัตร โดยมาตรการดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจห้องขังสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อค้นหาอาวุธต่างๆ
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวด้วยว่า สำหรับชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองมานั้น ในอดีตถูกกักตัวอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู กทม. แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ขยับขยายไปในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากเกิดความแออัด และผู้ที่ถูกกักขังจะเกิดความเครียด มีการประท้วงด้วยการอดอาหาร บางรายติดอยู่ในห้องกักขังถึง 2 ปี จึงกระจายชาวอุยกูร์ไปยังพื้นที่ภาคอีสาน เนื่องจากลักษณะรูปพรรณของชาวอุยกูร์ไม่เหมือนกับคนในพื้นที่ หากหลบหนีจะสามารถติดตามตัวได้ง่าย.
เมื่อเวลาประมาณ 02.40 น.วันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคาย ว่า ได้เกิดเหตุผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ จำนวน 10 คน หลบหนีออกจากอาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมืองตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.หนองคาย เจ้าหน้าที่ ตม.จึงได้สนธิกำลังกับตำรวจภูธร จ.หนองคาย ทหาร และอาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยในเขตพื้นที่ออกติดตามตัวทั้งตามแนวชายแดนและในเขตพื้นที่ ต่อมาเวลา 08.00 น. นายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการ จ.หนองคาย ได้เดินทางมาตรวจสอบอาคารควบคุมผู้หลบหนีเข้าเมือง และเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในการบูรณาการหน่วยงานต่างๆในการออกติดตามกลุ่มผู้ต้องกักชาวอุยกูร์ดังกล่าว โดยชาวอุยกูร์ทั้ง 10 คน เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ทั้งเดินทางด้วยรถยนต์และทางเรือ บางคนอ้างว่าเป็นนักศึกษา บางคนทำงานเป็นพ่อครัว ช่างไม้ นักธุรกิจ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวและต้องการกลับตุรกี แต่เข้าเมืองไม่ถูกต้องจึงถูก ตม.จับกุมที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนถูกส่งตัวมากักไว้ที่ ตม.หนองคาย เมื่อเดือน ก.ค.59 ซึ่งคาดว่าทั้งหมดได้เตรียมการหลบหนีไว้แล้ว
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้รับรายงานว่าชาวอุยกูร์ทั้ง 10 คนเจาะเพดานจากสถานที่กักขังของ ตม.ออกไป โดยเป็นบุคคลที่หลบหนีเข้าเมืองที่ติดอยู่นานแล้ว ส่วนจะเป็นผู้ที่ทางการจีนขอตัวหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด
ขณะที่ พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ที่ถูกกักขังชาวอุยกูร์ที่หลบหนีได้ครบทั้ง 10 รายแล้ว โดยจับกุมได้ที่บริเวณป่าช้า วัดหนองขาม จ.หนองคาย หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขณะที่ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงนั้น ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่เวรยามในช่วงเวลานั้นไปยังกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 4 (บก.ตม.4) ก่อน ทั้งนี้ผู้ที่ถูกกักขังทั้ง 10 ราย อาศัยช่วงเวลาที่ฝนตกหนัก รวมทั้งเมื่อคืนนี้เกิดเหตุไฟดับในพื้นที่ จ.หนองคาย เป็นวงกว้าง จึงใช้วิธีทำลายสิ่งกีดขวางบริเวณเพดานห้องกักขัง โดยใช้น้ำหนักตัวโหนเปิดโครงเหล็กบนฝ้าเพดาน แล้วหลบหนีขึ้นไปโดยใช้เสื้อผ้าผูกกับตัวเอง ซึ่งห้องกักตัวกับห้องขังในเรือนจำมีระดับความแน่นหนาของห้องแตกต่างกัน ความแข็งแรงของห้องกักตัวจึงไม่เท่ากับห้องขัง ส่วนการเฝ้าเวรยามได้มีการสับเปลี่ยนเวรยามกันตลอด 24 ชั่วโมง เวรละ 4 คน ตั้งแต่ยศนายตำรวจชั้นประทวนจนถึงรองสารวัตร โดยมาตรการดูแลความปลอดภัยเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจห้องขังสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อค้นหาอาวุธต่างๆ
พล.ต.ท.ณัฐธร กล่าวด้วยว่า สำหรับชาวอุยกูร์ที่หลบหนีเข้าเมืองมานั้น ในอดีตถูกกักตัวอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสวนพลู กทม. แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ขยับขยายไปในพื้นที่ต่างๆ เนื่องจากเกิดความแออัด และผู้ที่ถูกกักขังจะเกิดความเครียด มีการประท้วงด้วยการอดอาหาร บางรายติดอยู่ในห้องกักขังถึง 2 ปี จึงกระจายชาวอุยกูร์ไปยังพื้นที่ภาคอีสาน เนื่องจากลักษณะรูปพรรณของชาวอุยกูร์ไม่เหมือนกับคนในพื้นที่ หากหลบหนีจะสามารถติดตามตัวได้ง่าย.
