ศูนย์ข่าวภูมิภาค - พิษพายุ "ราอี" ทำภาคเหนือหลายจังหวัดถูกน้ำท่วมหนัก ขณะที่สถานการณ์แม่น้ำยมในสุโขทัยจ่อวิกฤต หลังมวลน้ำไหลผ่านจากแพร่เข้าเขตศรีสัชนาลัย ผู้ว่าฯสุโขทัย สั่งจับตาระดับน้ำยม 24 ชม.หวั่นล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชน
วานนี้ (15 ก.ย.) ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องหลังจากพายุดีเปรสชัน "ราอี" ได้เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยยังคงทำให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ เช่นที่ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ส่งผลให้มวลน้ำจากภูเขา ไหลลงสู่คลองแม่พร่อง และคลองห้วยไผ่ เอ่อล้น เข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหมู่ 3 และหมู่ 6 ชุมชนเกาะตาเพชร เขตเทศบาลตำบลทุ่งยั้ง-ไผ่ล้อม อ.ลับแล ซึ่งเป็นจุดรับน้ำจาก อ.ลับแลและ อ.เมืองอุตรดิตถ์ทั้งหมด
นายสมคิด ผานุการณ์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ปภ.อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่สำรวจและประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แจ้งประชาชนมีบ้านเรือนที่ลุ่มให้ขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง และอพยพผู้สูงอายุอย่าให้อยู่ตามลำพัง หลังน้ำเพิ่มระดับความสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บ้านเรือนตามที่ลุ่มถูกน้ำท่วมแล้วมากกว่า 90 หลังคาเรือน ถนนหลายสายในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมระดับสูงราว 50 เซนติเมตร การสัญจรไปมาลำบากมาก และเพิ่มความระมัดระวัง
ส่วนที่ จ.สุโขทัย นายปีติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากปริมาณน้ำจาก จ.แพร่ ได้ไหลลงมาสู่ จ.สุโขทัย ทาง อ.วังชิ้น และรวมกับน้ำฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในเขต อ.ศรีสัชนาลัย มากกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ต้องเร่งระบายน้ำออกตามคูคลองสาขาเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่ตัวเมืองสุโขทัย โดยที่ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อ.สวรรคโลก ได้เปิดประตูระบายน้ำ 5 บาน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลผ่าน อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.เมือง จนต้องเฝ้าระวังเหตุน้ำเอ่อล้นตลิ่ง เพราะระดับน้ำเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 15 ซม.และยังส่งผลให้มีน้ำล้นบริเวณผนังแม่น้ำยม หมู่ที่ 4 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างผนังกันน้ำที่ยังไม่เสร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร บชร.3 และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเตรียมให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว
ขณะที่นายบุญเกิด พันแดง กำนันตำบลห้วยพุก อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร รายงานสถานการณ์ว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักในเขต อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ส่งผลให้ขณะนี้ปริมาณน้ำจำนวนมากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลมาตามคลองบอระเพ็ด ผ่าน ต.วังงิ้ว ส่งผลให้ในพื้นที่ ต.ห้วยพุก ซึ่งเป็นจุดลุ่มต่ำเกิดน้ำท่วมใน 5 หมู่บ้าน
นอกจากนี้ในเขตหมู่ 14 ต.วังทรายพูน และในเขตตลาด อ.ทับคล้อ ในหลายหมู่บ้านก็ถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกัน ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำ พร้อมสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้ว
ส่วนทางภาคอีสานหลายพื้นที่น่าห่วงเช่นกัน โดยเฉพาะที่ จ.นครพนม ถึงแม้ระดับน้ำโขงยังทรงตัวอยู่ประมาณ 10 เมตร เนื่องจากฝนหยุดตก แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากระดับน้ำโขงยังใกล้จุดวิกฤตที่ 13 เมตร อยู่ 3 เมตร ทำให้ลำน้ำสาขาตามพื้นที่ต่างๆ ไหลระบายลงน้ำโขงช้า
จากการตรวจสอบพื้นที่ได้รับผลกระทบพบว่ามี อ.โพนสวรรค์ อ.นาทม และ อ.ศรีสงคราม ที่ยังมีปัญหามวลน้ำจากหลายพื้นที่ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมนาข้าวยังไม่ลดลงเช่นเดียวกับ อ.โพนสวรรค์ ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมายังมีมวลน้ำจากลำน้ำอูนไหลผ่านลำห้วยสาขามารวมตัวกันต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในนาข้าวของเกษตรกรที่กำลังรอการเก็บเกี่ยว รวมถึงถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้านกับอำเภอยังไม่ลดระดับ สร้างความเดือดร้อนในการสัญจร ส่วนนาข้าวคาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 ไร่ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างสำรวจให้ความช่วยเหลือ
วานนี้ (15 ก.ย.) ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องหลังจากพายุดีเปรสชัน "ราอี" ได้เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยยังคงทำให้เกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ เช่นที่ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ส่งผลให้มวลน้ำจากภูเขา ไหลลงสู่คลองแม่พร่อง และคลองห้วยไผ่ เอ่อล้น เข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านหมู่ 3 และหมู่ 6 ชุมชนเกาะตาเพชร เขตเทศบาลตำบลทุ่งยั้ง-ไผ่ล้อม อ.ลับแล ซึ่งเป็นจุดรับน้ำจาก อ.ลับแลและ อ.เมืองอุตรดิตถ์ทั้งหมด
นายสมคิด ผานุการณ์ หัวหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ ปภ.อุตรดิตถ์ ลงพื้นที่สำรวจและประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แจ้งประชาชนมีบ้านเรือนที่ลุ่มให้ขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง และอพยพผู้สูงอายุอย่าให้อยู่ตามลำพัง หลังน้ำเพิ่มระดับความสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้บ้านเรือนตามที่ลุ่มถูกน้ำท่วมแล้วมากกว่า 90 หลังคาเรือน ถนนหลายสายในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมระดับสูงราว 50 เซนติเมตร การสัญจรไปมาลำบากมาก และเพิ่มความระมัดระวัง
ส่วนที่ จ.สุโขทัย นายปีติ แก้วสลับสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากปริมาณน้ำจาก จ.แพร่ ได้ไหลลงมาสู่ จ.สุโขทัย ทาง อ.วังชิ้น และรวมกับน้ำฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในเขต อ.ศรีสัชนาลัย มากกว่า 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ต้องเร่งระบายน้ำออกตามคูคลองสาขาเพื่อลดปริมาณน้ำที่จะไหลลงมาสู่ตัวเมืองสุโขทัย โดยที่ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ อ.สวรรคโลก ได้เปิดประตูระบายน้ำ 5 บาน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลผ่าน อ.สวรรคโลก อ.ศรีสำโรง และ อ.เมือง จนต้องเฝ้าระวังเหตุน้ำเอ่อล้นตลิ่ง เพราะระดับน้ำเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 15 ซม.และยังส่งผลให้มีน้ำล้นบริเวณผนังแม่น้ำยม หมู่ที่ 4 ต.ปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างผนังกันน้ำที่ยังไม่เสร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหาร บชร.3 และหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเตรียมให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว
ขณะที่นายบุญเกิด พันแดง กำนันตำบลห้วยพุก อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร รายงานสถานการณ์ว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักในเขต อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ส่งผลให้ขณะนี้ปริมาณน้ำจำนวนมากจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลมาตามคลองบอระเพ็ด ผ่าน ต.วังงิ้ว ส่งผลให้ในพื้นที่ ต.ห้วยพุก ซึ่งเป็นจุดลุ่มต่ำเกิดน้ำท่วมใน 5 หมู่บ้าน
นอกจากนี้ในเขตหมู่ 14 ต.วังทรายพูน และในเขตตลาด อ.ทับคล้อ ในหลายหมู่บ้านก็ถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกัน ล่าสุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำ พร้อมสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้ว
ส่วนทางภาคอีสานหลายพื้นที่น่าห่วงเช่นกัน โดยเฉพาะที่ จ.นครพนม ถึงแม้ระดับน้ำโขงยังทรงตัวอยู่ประมาณ 10 เมตร เนื่องจากฝนหยุดตก แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน เนื่องจากระดับน้ำโขงยังใกล้จุดวิกฤตที่ 13 เมตร อยู่ 3 เมตร ทำให้ลำน้ำสาขาตามพื้นที่ต่างๆ ไหลระบายลงน้ำโขงช้า
จากการตรวจสอบพื้นที่ได้รับผลกระทบพบว่ามี อ.โพนสวรรค์ อ.นาทม และ อ.ศรีสงคราม ที่ยังมีปัญหามวลน้ำจากหลายพื้นที่ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมนาข้าวยังไม่ลดลงเช่นเดียวกับ อ.โพนสวรรค์ ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมายังมีมวลน้ำจากลำน้ำอูนไหลผ่านลำห้วยสาขามารวมตัวกันต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในนาข้าวของเกษตรกรที่กำลังรอการเก็บเกี่ยว รวมถึงถนนเชื่อมระหว่างหมู่บ้านกับอำเภอยังไม่ลดระดับ สร้างความเดือดร้อนในการสัญจร ส่วนนาข้าวคาดว่าจะได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 ไร่ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังอยู่ระหว่างสำรวจให้ความช่วยเหลือ