ศูนย์ข่าวภูมิภาค - กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศพายุโซนร้อน "ราอี" อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว ก่อนเคลื่อนตัวเข้าไทยบริเวณ “มุกดาหาร - อำนาจเจริญ - อุบลราชธานี” เตือนหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ-อีสาน-ตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก
เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ (13 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุโซนร้อน "ราอี" (Rai) บริเวณประเทศลาวตอนล่าง"ว่า พายุโซนร้อน "ราอี" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้วบริเวณประเทศลาวตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 50 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของ จ.อุบลราชธานี มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือด้วยความเร็ว 20 กม./ชม. ทั้งนี้ คาดว่าประมาณ 17.00 น.วันที่ 13 ก.ย.พายุนี้จะเคลื่อนเข้าประเทศไทยบริเวณ จ.มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี โดยจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป หลังจากนั้นจะเคลื่อนเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบนตามลำดับต่อไป
กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุด้วยว่า ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 13-19 กันยายน 2559 นี้ และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ทางจังหวัดได้ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงหน่วยงานต่างๆ เตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เนื่องจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรงระหว่าง 13-15 ก.ย.นี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน ผ่านทางหอกระจายข่าว เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และแจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร แจ้งข้อมูลให้ประชาชนชนทราบโดยตรง.
เมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ (13 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา "พายุโซนร้อน "ราอี" (Rai) บริเวณประเทศลาวตอนล่าง"ว่า พายุโซนร้อน "ราอี" ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้วบริเวณประเทศลาวตอนล่าง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 50 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของ จ.อุบลราชธานี มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม./ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือด้วยความเร็ว 20 กม./ชม. ทั้งนี้ คาดว่าประมาณ 17.00 น.วันที่ 13 ก.ย.พายุนี้จะเคลื่อนเข้าประเทศไทยบริเวณ จ.มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี โดยจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป หลังจากนั้นจะเคลื่อนเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบนตามลำดับต่อไป
กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุด้วยว่า ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ยโสธร สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สระบุรี ลพบุรี ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย ส่วนคลื่นลมบริเวณอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 13-19 กันยายน 2559 นี้ และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดต่อไป
ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ทางจังหวัดได้ออกหนังสือด่วนที่สุดถึงหน่วยงานต่างๆ เตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม เนื่องจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรงระหว่าง 13-15 ก.ย.นี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขา ที่ราบต่ำริมน้ำไหลผ่าน ผ่านทางหอกระจายข่าว เสียงตามสาย หอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน และแจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร แจ้งข้อมูลให้ประชาชนชนทราบโดยตรง.