นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวถึงการประชุมกกต.ในวันนี้ ( 13 ก.ย.) ซึ่งมีวาระพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ที่จะจัดส่งให้กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ว่าขณะนี้ไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เพราะต้องรอการพิจารณาจากที่ประชุมก่อน จึงอยู่ในชั้นความลับ ดังนั้นต้องรอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ ส่วนกระแสข่าวว่า กกต.กำหนดระดับฐานความผิดฐานกระทำทุจริต 4 ระดับ คือ "ใบเหลือง-ส้ม-แดง-ดำ”นั้นยังไม่ได้ข้อยุติ จึงให้ความเห็นไม่ได้ หากพูดไปอาจไม่ตรงกับผลการประชุม
ส่วนกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ระบุถึงเรื่องที่กกต.มีแนวคิดจะเปลี่ยนตำแหน่งประธานกกต. ทำนองว่า แม้ร่างรธน.ใหม่ ยังไม่มีผลบังคับใช้ ถ้าประธานกกต.ลาออจากจากตำแหน่ง ก็จะพ้นจากการเป็นกรรมการไปด้วย นายศุภชัย กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียด แต่เมื่อกฎหมายว่าอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นการเปลี่ยนตำแหน่งประธานกกต. ยังไม่ยุติ หลังมีการขอให้นายศุภชัย ลาออกจากตำแหน่ง กกต. และ นายศุภชัยไม่ยอมลาออก ล่าสุดได้มีการตกลงในระหว่าง กกต. ที่จะสลับสับเปลี่ยนงาน โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง มีความต้องการจะมาดูแลงานด้านบริหารกลาง ซึ่งปรากฏว่า ในสำนักงานก็ได้มีหนังสือเวียน แจ้งมติกกกต.ระบุให้ประธาน กกต.ไปดูงานด้านบริหารเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว ส่วนประธาน จะมอบหมายงานใดให้ดูแล แล้วแต่ประธาน แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานด้วย ในส่วนของงานบริหารกลางที่นายศุภชัยดูแลอยู่ ยังไม่พบว่ามีการมอบให้นายสมชัย ดูแล
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.ส่งร่างกฎหมายประกอบรธน.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้กรธ.พิจารณา โดยเสนอให้ลงโทษผู้ทุจริตเลือกตั้งอย่างรุนแรง ทั้งให้ ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง ใบดำ โดยโทษรุนแรงสูงสุด ถึงขั้นเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพว่า ตนกังวลเรื่องการตัดสิทธิทางการเมืองของผู้สมัคร ส.ส. หากกกต.หลงในอำนาจ หรือใช้อำนาจโดยมิชอบเหมือนอดีต จะสุ่มเสี่ยงใช้อำนาจตามอำเภอใจ การให้อำนาจ กกต. ตัดสิทธิทางการเมือง ทั้ง ใบส้ม ใบแดง หรือใบดำ ที่ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตได้ แบบนี้ ควรเป็นอำนาจของศาล ที่มีกระบวนการยุติธรรมที่รัดกุมกว่า
"ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แบบนี้ เท่ากับร่างอำนาจให้ กกต.กลายเป็นยักษ์ขึ้นมา จะมีการวิ่งเต้นมโหฬารแน่ ในสมัยกกต.บางชุดในอดีต สำนวนกองหมักหมมกองพะเนิน ค้างเป็นพันคดี เพราะไปรับเงินมาแล้ว จึงสั่งทำสำนวนคดีไม่ได้ เรื่องนี้อย่าไปหลงทำพลาดอีกรอบจะเสียหาย กกต.อย่าปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ ควรไปจะหาช่องทางการกันทุจริตทุกรูปแบบน่าจะดีกว่า แต่ต้องไม่ใช่เสนอเพิ่มอำนาจให้ตัวเองแบบเบ็ดเสร็จเช่นนี้" นายวิรัตน์ กล่าว
นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ได้เป็นโทษทางอาญาจนถึงกับต้องไปตัดสิทธิตลอดชีวิต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกระบวนการสอบสวนของ กกต.ว่าได้มาตรฐานมากน้อยเพียงใด ซึ่งการตัดสิทธิตลอดชีวิตถือเป็นโทษที่ร้ายแรง สำหรับนักการเมือง เหมือนเป็นการตัดแขนตัดขาของเขา หรือทำให้มองว่านักการเมืองเป็นอาชญากร ที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม ดังนั้นจึงเป็นการพิพากษาที่หนักเกินสมควร หรือเกินเลยไปหรือไม่ เพราะแม้แต่คดีอาญาบางเรื่องศาลยังลงโทษจำคุกแค่เพียง 20 ปีเท่านั้น จึงเชื่อว่าแนวคิดนี้นักการเมืองคงไม่เห็นด้วยแน่นอน
ส่วนกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ระบุถึงเรื่องที่กกต.มีแนวคิดจะเปลี่ยนตำแหน่งประธานกกต. ทำนองว่า แม้ร่างรธน.ใหม่ ยังไม่มีผลบังคับใช้ ถ้าประธานกกต.ลาออจากจากตำแหน่ง ก็จะพ้นจากการเป็นกรรมการไปด้วย นายศุภชัย กล่าวว่า ยังไม่ได้ดูรายละเอียด แต่เมื่อกฎหมายว่าอย่างไร ก็ต้องว่าไปตามนั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นการเปลี่ยนตำแหน่งประธานกกต. ยังไม่ยุติ หลังมีการขอให้นายศุภชัย ลาออกจากตำแหน่ง กกต. และ นายศุภชัยไม่ยอมลาออก ล่าสุดได้มีการตกลงในระหว่าง กกต. ที่จะสลับสับเปลี่ยนงาน โดยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง มีความต้องการจะมาดูแลงานด้านบริหารกลาง ซึ่งปรากฏว่า ในสำนักงานก็ได้มีหนังสือเวียน แจ้งมติกกกต.ระบุให้ประธาน กกต.ไปดูงานด้านบริหารเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว ส่วนประธาน จะมอบหมายงานใดให้ดูแล แล้วแต่ประธาน แต่อย่างไรก็ตามมีรายงานด้วย ในส่วนของงานบริหารกลางที่นายศุภชัยดูแลอยู่ ยังไม่พบว่ามีการมอบให้นายสมชัย ดูแล
ด้านนายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.ส่งร่างกฎหมายประกอบรธน.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้กรธ.พิจารณา โดยเสนอให้ลงโทษผู้ทุจริตเลือกตั้งอย่างรุนแรง ทั้งให้ ใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง ใบดำ โดยโทษรุนแรงสูงสุด ถึงขั้นเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพว่า ตนกังวลเรื่องการตัดสิทธิทางการเมืองของผู้สมัคร ส.ส. หากกกต.หลงในอำนาจ หรือใช้อำนาจโดยมิชอบเหมือนอดีต จะสุ่มเสี่ยงใช้อำนาจตามอำเภอใจ การให้อำนาจ กกต. ตัดสิทธิทางการเมือง ทั้ง ใบส้ม ใบแดง หรือใบดำ ที่ตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตได้ แบบนี้ ควรเป็นอำนาจของศาล ที่มีกระบวนการยุติธรรมที่รัดกุมกว่า
"ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แบบนี้ เท่ากับร่างอำนาจให้ กกต.กลายเป็นยักษ์ขึ้นมา จะมีการวิ่งเต้นมโหฬารแน่ ในสมัยกกต.บางชุดในอดีต สำนวนกองหมักหมมกองพะเนิน ค้างเป็นพันคดี เพราะไปรับเงินมาแล้ว จึงสั่งทำสำนวนคดีไม่ได้ เรื่องนี้อย่าไปหลงทำพลาดอีกรอบจะเสียหาย กกต.อย่าปฏิเสธข้อเท็จจริงนี้ ควรไปจะหาช่องทางการกันทุจริตทุกรูปแบบน่าจะดีกว่า แต่ต้องไม่ใช่เสนอเพิ่มอำนาจให้ตัวเองแบบเบ็ดเสร็จเช่นนี้" นายวิรัตน์ กล่าว
นางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ได้เป็นโทษทางอาญาจนถึงกับต้องไปตัดสิทธิตลอดชีวิต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกระบวนการสอบสวนของ กกต.ว่าได้มาตรฐานมากน้อยเพียงใด ซึ่งการตัดสิทธิตลอดชีวิตถือเป็นโทษที่ร้ายแรง สำหรับนักการเมือง เหมือนเป็นการตัดแขนตัดขาของเขา หรือทำให้มองว่านักการเมืองเป็นอาชญากร ที่จะทำให้บ้านเมืองล่มจม ดังนั้นจึงเป็นการพิพากษาที่หนักเกินสมควร หรือเกินเลยไปหรือไม่ เพราะแม้แต่คดีอาญาบางเรื่องศาลยังลงโทษจำคุกแค่เพียง 20 ปีเท่านั้น จึงเชื่อว่าแนวคิดนี้นักการเมืองคงไม่เห็นด้วยแน่นอน
