xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปค.สั่งคืนสิทธิ์ผู้สมัครตร.มีรอยสัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองกลาง เป็นให้เพิกถอนประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกในการรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีประกาศนียบัตรประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือเทียบเท่า เพื่อบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ พ.ศ. 2555 ลงวันที่ 24 ต.ค.55 เฉพาะ ส่วนที่ให้ นายดำรงศักดิ์ หรือณรงค์ โพธิษา ไม่ผ่านการตรวจร่างกาย โดยให้มีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ออกคำสั่ง โดยให้ผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 ดำเนินการคืนสิทธิในฐานะผู้สมัครสอบที่สอบผ่านข้อเขียน สมรรถภาพ และผ่านการตรวจร่างกายแล้ว ให้นายดำรงศักดิ์ ทดสอบความเหมาะสมกับตำแหน่ง (สอบสัมภาษณ์) ตามที่ประกาศรับสมัครฯ ลงวันที่ 2 เม.ย. และหลักเกณฑ์ที่กฎหมายหรือระเบียบในเรื่องดังกล่าวกำหนด และประกาศผลสอบเฉพาะส่วนของนายดำรงศักดิ์ต่อไป ภายใน 60 วัน นับจากวันที่คดีถึงที่สุด
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากนายดำรงศักดิ์ ได้สอบผ่านข้อเขียนเพื่อบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ ประจำปี 2555 สายป้องกันและปราบปราม (บช.น.5) และได้ผ่านการทดสอบความเหมาะสมกับตำแหน่งภาคทดสอบสมรรถภาพร่างกายแล้ว แต่เมื่อเข้าตรวจร่างกาย กลับได้รับแจ้งผลวินิจฉัยว่า มีรอยสักที่ขัดต่อหลักเกณฑ์การบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ จึงมีหนังสือขอให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ทบทวนการตรวจร่างกายใหม่ แต่กลับมีการยืนยันผลการวินิจฉัยเดิม และมีผลไม่ผ่านการตรวจร่างกาย นายดำรงศักดิ์ จึงฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้มีคำพิพากษา หรือคำสั่งให้เพิกถอนผลการประกาศผลการคัดเลือก และให้ผู้ฟ้องคดีผ่านการตรวจร่างกาย
ส่วนเหตุที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาดังกล่าว ระบุว่า มาตรา 48 ของ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ที่บัญญัติลักษณะต้องห้าม ตาม (13) ไม่เป็นผู้มีแผลเป็น ปาน รอยสัก หูด หรือซีสต์ที่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งมีขนาดใหญ่ หรือมากจนแลดูน่าเกลียด แต่การที่นายดำรงศักดิ์ มีรอยสักบริเวณกลางหลังใต้ลำคอนั้น ศาลเห็นว่า เป็นรอยที่เกิดจากการลบรอยสัก ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เป็นรอยในร่มผ้า ไม่เป็นที่เปิดเผย เมื่อสวมเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่แล้ว จะไม่สามารถมองเห็นได้ และที่สำคัญรอยสักของนายดำรงศักดิ์ ไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ นายดำรงศักดิ์ จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามในการสอบแข่งขันเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจแต่อย่างใด ดังนั้นการที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 มีมติให้นายดำรงศักดิ์ เป็นผู้ไม่ผ่านการตรวจร่างกาย เพราะรอยสักกลางหลังที่ลบไม่หมด จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจที่ไม่ชอบ
ด้านนายสมชาย งามวงศ์ชน ตุลาการศาลปกครองสูงสุดในฐานโฆษกศาลปกครอง กล่าวถึงคำพิพากษาคดีดังกล่าวว่า คงไม่ใช่ใช้เป็นบรรทัดฐานกับคนที่มีรอยสักแบบต่างๆ ที่จะสมัครเข้ารับราชการตำรวจ ที่ผ่านมามีการฟ้องคดี ศาลก็ไม่ได้เพิกถอน แต่คดีนี้ศาลใช้หลักพิจารณาว่า รอยสักของผู้ฟ้องคดีมีขนาดใหญ่จนดูน่าเกลียดหรือไม่ และเห็นว่า รอยสักผู้ฟ้องคดีอยู่ในร่มผ้า และเป็นรอยที่มีลักษณะลบแล้ว ไม่ใช่จุดที่ทำให้น่าเกลียด ที่สำคัญไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการปฏิบัติหน้าที่จึงมีคำพิพากษาให้เพิกถอน ดังนั้นถ้าผู้ที่สมัครเข้ารับราชการตำรวจมีรอยสัก ก็ยังเป็นดุลยพินิจของตำรวจที่จะต้องพิจารณาเป็นกรณีไป
กำลังโหลดความคิดเห็น