“สอดแนมการเมือง”
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ทุกชีวิตต้องตาย! แต่ก่อนจะตาย ชีวิตมักเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย กับเรื่องอำนาจ-เงินทอง-ทรัพย์สิน-ความรัก-ความเกลียด-ความดี-ความชั่ว-ความถูก-ความผิด-ความเห็นแก่ส่วนรวม-ความเห็นแก่ตัว ฯลฯ
ส่วนใครจะปิดฉากชีวิตด้วยความดีพร้อมคำสรรเสริญ หรือด้วยความชั่วพร้อมคำก่นด่า ล้วนขึ้นกับ-ผลงาน!
การเมืองไทยหลายยุคที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนแต่ละคน ซึ่งมีทั้งดีครึ่งๆกลางๆ ชั่วครึ่งๆกลางๆ ดีสุดๆ ชั่วสุดๆ ฯลฯ ก่อเกิด “คำถาม” มากมาย โดยมีและไม่มี “คำตอบ” จาก “ผู้นำชาติไทย” ทั้งอดีตและปัจจุบัน
งานนี้..เริ่มต้นด้วยความอยากรู้ว่า ปรีดี พนมยงค์ รู้อ๊ะป่าว? ถ้ารู้แล้วคิดเช่นไร..?
“ปรีดี”- หนึ่งใน “คณะราษฎร์” ที่เสี่ยงตายเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้เป็นการเมืองที่เรียกกันเกร่อว่า “ระบอบประชาธิปไตย”
เป็นประชาธิปไตยเลียนแบบชาติตะวันตก โดย “คณะราษฎร์” ทำรัฐประหารในปี 2475 นำมาใช้ท่ามกลางความไม่พร้อมของชาติและประชาชนไทย ด้วยเชื่อว่าเป็นการเมือง “ดีที่สุด” หรือ “เลวน้อยที่สุด” ผลน่ะรึ? แม้ระบอบการเมืองนี้จะดีต่อชาติไทยไม่น้อย แต่ได้สร้างปัญหาใหญ่หลวงให้ชาติเช่นกัน
“ปรีดี” เคยยอมรับว่า ช่วงมีอำนาจ “ท่าน” ไร้ประสบการณ์ แต่พอมีประสบการณ์ “ท่าน” ก็ไร้อำนาจเสียแล้ว! ดังนั้น ระบอบประชาธิปไตยตะวันตก จึงถูกนำมาใช้แบบทั้งดุ้น โดยไม่ได้ประยุกต์ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชาติและประชาชนคนไทย
แน่นอน.. “ปรีดี” ไม่มีญาณวิเศษใดๆ ที่จะรู้อะไรได้ล่วงหน้าว่า จะมีคนไทยชาติชั่วกลุ่มหนึ่ง ที่เข้ามาสู่วงการเมือง แล้วทำร้าย “โลกสวย” และประชาธิปไตย “ฝันหวาน” ของ “ปรีดี” จนป่นปี้ยับเยินเช่นนี้นี่นา
ดังนั้น หลังการอสัญกรรมของ “ปรีดี” ผู้เป็น “คลังสมอง” ของ “คณะราษฎร์” ชาติไทยได้เกิดสถานการณ์การเมืองอันเลวร้ายมากมาย ซึ่ง “ปรีดี” คงไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น
“ปรีดี” ไม่รู้ว่า ชาติไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตยของประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยของกลุ่มทุนสามานย์ เฉกเช่นการเมืองมะกันที่ไร้ความเอื้ออาทร จนเป็นสังคม “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ซึ่งเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำมากมาย จากการ “รวยกระจุกจนกระจาย” ทั่วทั้งสังคม
ทำให้มะกันเกิดการชุมนุมที่ “วอลล์สตรีท” โดยกลุ่ม “อ็อคคิวพาย” (Occupy) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2554 โดยการต่อต้านพุ่งตรงไปยังกลุ่มนายทุนสามานย์ รวมทั้งบทบาทของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ที่สร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจให้กับชาติมะกัน
การชุมนุมยังประท้วงต่อรัฐบาลมะกัน ที่อยู่ภายใต้การบงการของกลุ่มทุนสามานย์ ทั้งยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยของมะกัน ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด เช่น อุตสาหกรรมน้ำมัน- รถยนต์-เครื่องบิน-อาวุธสงคราม รวมทั้งธุรกิจการธนาคาร และการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ
โดยเฉพาะการที่กลุ่มทุนสามานย์ ใช้รัฐบาล-กลไกรัฐ-กองทัพมะกัน ขยายอิทธิพลทางการเมือง และปล้นทรัพยากรของชาติต่างๆ จนเกิดสงครามไปทั่วทุกมุมโลก
กลุ่ม “อ็อกคิวพาย” ได้ระบุว่า ระบอบการเมืองและนักการเมืองมะกัน ได้ทำให้อภิมหาเศรษฐีมะกันไม่กี่ตระกูล ที่โลภไม่รู้จักพอ รวยแล้วรวยอีก ขณะที่คนส่วนใหญ่ยากจนลงเรื่อยๆ พูดได้ว่า.. รัฐบาลมะกันนั่นแหละ คือตัวการที่ทำให้คนมะกัน 1% ร่ำรวยล้นฟ้า ขณะที่คนมะกัน 99% ยากจนลงเรื่อยๆ
“อ็อคคิวพาย” ยังได้เรียกร้องให้ทำลายความเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมขึ้นในชาติมะกันโดยเร็ว
หลังจากนั้น “ความเหลื่อมล้ำในสังคม” ที่เกิดขึ้นในที่ต่างๆ ซึ่งมีลักษณะตรงกับกลุ่ม “อ็อคคิวพาย” ได้แพร่ขยายจนเกิดการชุมนุมมากกว่า 100 เมืองในสหรัฐ และอีกกว่า 1,500 แห่งตามเมืองอื่นๆทั่วโลก
นั่นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ ที่ประชาชนมะกันได้เคลื่อนไหว ให้มีการปฏิรูปประชาธิปไตยมะกัน ซึ่งเป็นระบอบการเมือง “ดีที่สุด” ของกลุ่มทุนสามานย์มะกันและชาติอื่นๆในขณะนี้
เหตุการณ์ “อ็อคคิวพาย” ในสหรัฐ ได้เกิดขึ้นหลัง “ปรีดี” อสัญกรรมไปแล้วนานถึง 28 ปี!
แน่นอน “ปรีดี” คงไม่รู้อีกนั่นแหละว่า บัดนี้-เหตุการณ์ “รวยกระจุก จนกระจาย” มิได้เกิดขึ้นในชาติมะกันเท่านั้น แต่ความเหลื่อมล้ำชนิด “รวยกระจุก จนกระจาย” ได้ระบาดจากโลกตะวันตก มาสิงสู่อยู่ในสังคมไทยเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้เพราะประชาธิปไตยไทย ไม่เคยเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แต่มันเป็นประชาธิปไตยของกลุ่มทุนสามานย์ โดยกลุ่มทุนฯ เพื่อกลุ่มทุนฯ เพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้น ดังนั้น การเลือกตั้งในชาติไทยจึงไร้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงได้สภาเผด็จการ จึงได้รัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนสามานย์เป็นหลัก
ถ้า “ปรีดี” ยังมีชีวิตอยู่ ก็คงรู้ว่า ต้นเหตุปัญหาแท้จริงที่ทำให้ประชาธิปไตยไทย ไร้ประสิทธิภาพและคุณภาพ เนื่องจาก “คน” ที่เข้ามาทำงานการเมืองไร้คุณธรรม ไม่รักชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งสภาพสังคมและคนไทย ยังด้อยกว่าชาวมะกันและชาติตะวันตกมากมายหลายมิติ
เมื่อ “ผู้นำชาติไทยยุคนั้น” นำเอาประชาธิปไตยเลียนแบบตะวันตกมาใช้ทั้งดุ้น โดยไม่ได้ประยุกต์เท่าที่ควร จึงมีจุดอ่อน จึงไม่สอดคล้อง กับสภาพชาติและประชาชนคนไทย อย่างที่ประจักษ์กันอยู่เวลานี้
ประชาธิปไตยเลือกตั้งสกปรกในไทย จึงเป็นช่องทางให้กลุ่มทุนสามานย์ ยกขบวนเข้ามาทำธุรกิจการเมือง ด้วยการตั้งพรรคและซื้อตัวสส. รวมทั้งทุ่มเงินมหาศาลซื้อเสียงการเลือกตั้ง เข้ายึดสภาและรัฐบาลไว้ในกำมือ แล้วใช้เป็นเครื่องมือคอร์รัปชั่นโกงชาติ
ดังรัฐบาลทุนสามานย์ยุค “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ได้ขึ้นครองเมือง ที่นอกจากจะคอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างมโหฬารแล้ว “เหลี่ยม” ยังทำการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเปลี่ยนรัฐไทยเก่าให้เป็นรัฐไทยใหม่เหมือนชาติมะกัน
ปรีดี-อยากได้ประชาธิปไตยทุนสามานย์หรือ? ปรีดี-อยากให้มีการเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงหรือ? ปรีดี-อยากได้รัฐสภาเป็นเผด็จการ ที่ไม่ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลักหรือ? “ปรีดี” อยากให้สภา-รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนสามานย์หรือ? ปรีดี-อยากได้รัฐบาลโกงเลือกตั้ง และโกงชาติโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือ?
ปรีดี-น่าจะรู้ดีว่า เมื่อการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ไม่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เริ่มต้น..จริงไหม?
ปรีดี-ไม่มีทางพอใจแน่นอน ที่รัฐธรรมนูญของชาติไทย ถูกฉีกไปแล้วเกือบ 20 ฉบับ เพราะชาติไทยมีรัฐบาลโกงเลือกตั้งและโกงชาติ จึงเป็นข้ออ้างให้คณะทหารทำรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า
ปรีดี-คงเสียใจกับประชาธิปไตยที่ล้มเหลว จนเกิดวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ระหว่างรัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยเงินและด้วยปืน ที่สลับกันเป็น “รัฐบาลสมบัติชาติผลัดกันโกง” แทนที่จะเป็นรัฐบาลทำเพื่อชาติและประชาชน
ชั่วจริง-เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งสกปรกที่ผ่านมา มักถอนทุนบวกกำไรด้วยการโกงชาติ!
ชั่วจริง-เพราะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ผ่านมาจากรัฐประหาร ก็ไม่เคยปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน เพื่อกีดกันกลุ่มคนชั่วไม่ให้ยึดอำนาจรัฐ ผ่านช่องทางเลือกตั้งได้ อีกทั้งยังส่งเสริมคนดีให้ขึ้นปกครองชาติไม่ได้อีกด้วย
จะว่าไปแล้ว.. นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล จะมาด้วยรูปแบบใด “ไม่สำคัญ” ขอเพียงให้คิดดีทำดีเพื่อชาติและประชาชนเท่านั้น นั่นคือ สุดยอดปรารถนาของประชาชนคนไทย แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นและฝันนี้ยังไม่เป็นจริงสักที
ระบอบการเมืองอะไรก็ได้.. ถ้าทำให้ชาติเจริญ และคนไทยส่วนใหญ่อยู่ดีกินดี มีคุณภาพในสังคมที่เปี่ยมคุณธรรม แต่คนไทยก็ได้ “ประชาธิปไตยจอมปลอมของทุนสามานย์” ซ้ำซากอยู่นั่นแหละ
วันนี้..คนไทยทั้งชาติรู้ว่าใครชั่วจริง! “ผู้นำชาติไทย” ก็รู้ว่าใครชั่วจริง.. แล้วทำไงน่ะรึ?
เฮ้ย!..ไม่น่าถาม.. “ผู้นำชาติไทยที่ดีจริง” ก็ต้องกล้าขจัดคนชั่วสิคร้าบ..จริงไหม.. “บิ๊กตู่”..???
โดย “ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ทุกชีวิตต้องตาย! แต่ก่อนจะตาย ชีวิตมักเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย กับเรื่องอำนาจ-เงินทอง-ทรัพย์สิน-ความรัก-ความเกลียด-ความดี-ความชั่ว-ความถูก-ความผิด-ความเห็นแก่ส่วนรวม-ความเห็นแก่ตัว ฯลฯ
ส่วนใครจะปิดฉากชีวิตด้วยความดีพร้อมคำสรรเสริญ หรือด้วยความชั่วพร้อมคำก่นด่า ล้วนขึ้นกับ-ผลงาน!
การเมืองไทยหลายยุคที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนแต่ละคน ซึ่งมีทั้งดีครึ่งๆกลางๆ ชั่วครึ่งๆกลางๆ ดีสุดๆ ชั่วสุดๆ ฯลฯ ก่อเกิด “คำถาม” มากมาย โดยมีและไม่มี “คำตอบ” จาก “ผู้นำชาติไทย” ทั้งอดีตและปัจจุบัน
งานนี้..เริ่มต้นด้วยความอยากรู้ว่า ปรีดี พนมยงค์ รู้อ๊ะป่าว? ถ้ารู้แล้วคิดเช่นไร..?
“ปรีดี”- หนึ่งใน “คณะราษฎร์” ที่เสี่ยงตายเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้เป็นการเมืองที่เรียกกันเกร่อว่า “ระบอบประชาธิปไตย”
เป็นประชาธิปไตยเลียนแบบชาติตะวันตก โดย “คณะราษฎร์” ทำรัฐประหารในปี 2475 นำมาใช้ท่ามกลางความไม่พร้อมของชาติและประชาชนไทย ด้วยเชื่อว่าเป็นการเมือง “ดีที่สุด” หรือ “เลวน้อยที่สุด” ผลน่ะรึ? แม้ระบอบการเมืองนี้จะดีต่อชาติไทยไม่น้อย แต่ได้สร้างปัญหาใหญ่หลวงให้ชาติเช่นกัน
“ปรีดี” เคยยอมรับว่า ช่วงมีอำนาจ “ท่าน” ไร้ประสบการณ์ แต่พอมีประสบการณ์ “ท่าน” ก็ไร้อำนาจเสียแล้ว! ดังนั้น ระบอบประชาธิปไตยตะวันตก จึงถูกนำมาใช้แบบทั้งดุ้น โดยไม่ได้ประยุกต์ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชาติและประชาชนคนไทย
แน่นอน.. “ปรีดี” ไม่มีญาณวิเศษใดๆ ที่จะรู้อะไรได้ล่วงหน้าว่า จะมีคนไทยชาติชั่วกลุ่มหนึ่ง ที่เข้ามาสู่วงการเมือง แล้วทำร้าย “โลกสวย” และประชาธิปไตย “ฝันหวาน” ของ “ปรีดี” จนป่นปี้ยับเยินเช่นนี้นี่นา
ดังนั้น หลังการอสัญกรรมของ “ปรีดี” ผู้เป็น “คลังสมอง” ของ “คณะราษฎร์” ชาติไทยได้เกิดสถานการณ์การเมืองอันเลวร้ายมากมาย ซึ่ง “ปรีดี” คงไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น
“ปรีดี” ไม่รู้ว่า ชาติไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตยของประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยของกลุ่มทุนสามานย์ เฉกเช่นการเมืองมะกันที่ไร้ความเอื้ออาทร จนเป็นสังคม “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ซึ่งเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำมากมาย จากการ “รวยกระจุกจนกระจาย” ทั่วทั้งสังคม
ทำให้มะกันเกิดการชุมนุมที่ “วอลล์สตรีท” โดยกลุ่ม “อ็อคคิวพาย” (Occupy) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2554 โดยการต่อต้านพุ่งตรงไปยังกลุ่มนายทุนสามานย์ รวมทั้งบทบาทของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ที่สร้างความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจให้กับชาติมะกัน
การชุมนุมยังประท้วงต่อรัฐบาลมะกัน ที่อยู่ภายใต้การบงการของกลุ่มทุนสามานย์ ทั้งยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูประบอบประชาธิปไตยของมะกัน ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด เช่น อุตสาหกรรมน้ำมัน- รถยนต์-เครื่องบิน-อาวุธสงคราม รวมทั้งธุรกิจการธนาคาร และการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ
โดยเฉพาะการที่กลุ่มทุนสามานย์ ใช้รัฐบาล-กลไกรัฐ-กองทัพมะกัน ขยายอิทธิพลทางการเมือง และปล้นทรัพยากรของชาติต่างๆ จนเกิดสงครามไปทั่วทุกมุมโลก
กลุ่ม “อ็อกคิวพาย” ได้ระบุว่า ระบอบการเมืองและนักการเมืองมะกัน ได้ทำให้อภิมหาเศรษฐีมะกันไม่กี่ตระกูล ที่โลภไม่รู้จักพอ รวยแล้วรวยอีก ขณะที่คนส่วนใหญ่ยากจนลงเรื่อยๆ พูดได้ว่า.. รัฐบาลมะกันนั่นแหละ คือตัวการที่ทำให้คนมะกัน 1% ร่ำรวยล้นฟ้า ขณะที่คนมะกัน 99% ยากจนลงเรื่อยๆ
“อ็อคคิวพาย” ยังได้เรียกร้องให้ทำลายความเหลื่อมล้ำในสังคม และสร้างความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจและสังคมขึ้นในชาติมะกันโดยเร็ว
หลังจากนั้น “ความเหลื่อมล้ำในสังคม” ที่เกิดขึ้นในที่ต่างๆ ซึ่งมีลักษณะตรงกับกลุ่ม “อ็อคคิวพาย” ได้แพร่ขยายจนเกิดการชุมนุมมากกว่า 100 เมืองในสหรัฐ และอีกกว่า 1,500 แห่งตามเมืองอื่นๆทั่วโลก
นั่นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ ที่ประชาชนมะกันได้เคลื่อนไหว ให้มีการปฏิรูปประชาธิปไตยมะกัน ซึ่งเป็นระบอบการเมือง “ดีที่สุด” ของกลุ่มทุนสามานย์มะกันและชาติอื่นๆในขณะนี้
เหตุการณ์ “อ็อคคิวพาย” ในสหรัฐ ได้เกิดขึ้นหลัง “ปรีดี” อสัญกรรมไปแล้วนานถึง 28 ปี!
แน่นอน “ปรีดี” คงไม่รู้อีกนั่นแหละว่า บัดนี้-เหตุการณ์ “รวยกระจุก จนกระจาย” มิได้เกิดขึ้นในชาติมะกันเท่านั้น แต่ความเหลื่อมล้ำชนิด “รวยกระจุก จนกระจาย” ได้ระบาดจากโลกตะวันตก มาสิงสู่อยู่ในสังคมไทยเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้เพราะประชาธิปไตยไทย ไม่เคยเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แต่มันเป็นประชาธิปไตยของกลุ่มทุนสามานย์ โดยกลุ่มทุนฯ เพื่อกลุ่มทุนฯ เพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้น ดังนั้น การเลือกตั้งในชาติไทยจึงไร้ความบริสุทธิ์ยุติธรรม จึงได้สภาเผด็จการ จึงได้รัฐบาลที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนสามานย์เป็นหลัก
ถ้า “ปรีดี” ยังมีชีวิตอยู่ ก็คงรู้ว่า ต้นเหตุปัญหาแท้จริงที่ทำให้ประชาธิปไตยไทย ไร้ประสิทธิภาพและคุณภาพ เนื่องจาก “คน” ที่เข้ามาทำงานการเมืองไร้คุณธรรม ไม่รักชาติอย่างแท้จริง อีกทั้งสภาพสังคมและคนไทย ยังด้อยกว่าชาวมะกันและชาติตะวันตกมากมายหลายมิติ
เมื่อ “ผู้นำชาติไทยยุคนั้น” นำเอาประชาธิปไตยเลียนแบบตะวันตกมาใช้ทั้งดุ้น โดยไม่ได้ประยุกต์เท่าที่ควร จึงมีจุดอ่อน จึงไม่สอดคล้อง กับสภาพชาติและประชาชนคนไทย อย่างที่ประจักษ์กันอยู่เวลานี้
ประชาธิปไตยเลือกตั้งสกปรกในไทย จึงเป็นช่องทางให้กลุ่มทุนสามานย์ ยกขบวนเข้ามาทำธุรกิจการเมือง ด้วยการตั้งพรรคและซื้อตัวสส. รวมทั้งทุ่มเงินมหาศาลซื้อเสียงการเลือกตั้ง เข้ายึดสภาและรัฐบาลไว้ในกำมือ แล้วใช้เป็นเครื่องมือคอร์รัปชั่นโกงชาติ
ดังรัฐบาลทุนสามานย์ยุค “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ได้ขึ้นครองเมือง ที่นอกจากจะคอร์รัปชั่นโกงชาติอย่างมโหฬารแล้ว “เหลี่ยม” ยังทำการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเปลี่ยนรัฐไทยเก่าให้เป็นรัฐไทยใหม่เหมือนชาติมะกัน
ปรีดี-อยากได้ประชาธิปไตยทุนสามานย์หรือ? ปรีดี-อยากให้มีการเลือกตั้งที่ใช้เงินซื้อเสียงและโกงหรือ? ปรีดี-อยากได้รัฐสภาเป็นเผด็จการ ที่ไม่ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลักหรือ? “ปรีดี” อยากให้สภา-รัฐบาลเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนสามานย์หรือ? ปรีดี-อยากได้รัฐบาลโกงเลือกตั้ง และโกงชาติโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือ?
ปรีดี-น่าจะรู้ดีว่า เมื่อการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ไม่เป็นประชาธิปไตยตั้งแต่เริ่มต้น..จริงไหม?
ปรีดี-ไม่มีทางพอใจแน่นอน ที่รัฐธรรมนูญของชาติไทย ถูกฉีกไปแล้วเกือบ 20 ฉบับ เพราะชาติไทยมีรัฐบาลโกงเลือกตั้งและโกงชาติ จึงเป็นข้ออ้างให้คณะทหารทำรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า
ปรีดี-คงเสียใจกับประชาธิปไตยที่ล้มเหลว จนเกิดวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ระหว่างรัฐบาลยึดอำนาจรัฐด้วยเงินและด้วยปืน ที่สลับกันเป็น “รัฐบาลสมบัติชาติผลัดกันโกง” แทนที่จะเป็นรัฐบาลทำเพื่อชาติและประชาชน
ชั่วจริง-เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งสกปรกที่ผ่านมา มักถอนทุนบวกกำไรด้วยการโกงชาติ!
ชั่วจริง-เพราะนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ผ่านมาจากรัฐประหาร ก็ไม่เคยปฏิรูปชาติทุกภาคส่วน เพื่อกีดกันกลุ่มคนชั่วไม่ให้ยึดอำนาจรัฐ ผ่านช่องทางเลือกตั้งได้ อีกทั้งยังส่งเสริมคนดีให้ขึ้นปกครองชาติไม่ได้อีกด้วย
จะว่าไปแล้ว.. นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล จะมาด้วยรูปแบบใด “ไม่สำคัญ” ขอเพียงให้คิดดีทำดีเพื่อชาติและประชาชนเท่านั้น นั่นคือ สุดยอดปรารถนาของประชาชนคนไทย แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นและฝันนี้ยังไม่เป็นจริงสักที
ระบอบการเมืองอะไรก็ได้.. ถ้าทำให้ชาติเจริญ และคนไทยส่วนใหญ่อยู่ดีกินดี มีคุณภาพในสังคมที่เปี่ยมคุณธรรม แต่คนไทยก็ได้ “ประชาธิปไตยจอมปลอมของทุนสามานย์” ซ้ำซากอยู่นั่นแหละ
วันนี้..คนไทยทั้งชาติรู้ว่าใครชั่วจริง! “ผู้นำชาติไทย” ก็รู้ว่าใครชั่วจริง.. แล้วทำไงน่ะรึ?
เฮ้ย!..ไม่น่าถาม.. “ผู้นำชาติไทยที่ดีจริง” ก็ต้องกล้าขจัดคนชั่วสิคร้าบ..จริงไหม.. “บิ๊กตู่”..???