วานนี้ (18 ส.ค.) นายสงกานต์ อัจฉริยทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้นำน.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือ น้องก้อย พร้อมพ่อแม่ของน้องก้อย และน.ส.สุกัลยา ศิริม่วง ผู้ที่ถูก นางมณตา หยกรัตนกาญ หรือ "นางไก่" แจ้งความว่าลักทรัพย์ เข้าร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการ สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น และการทำสำนวนการสอบสวนคดีที่ นางไก่ ฟ้องไว้ที่ สน.ประชาชื่น ทั้ง 9 คดี เนื่องจากการดำเนินการของพนักงานสอบสวน ไม่ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองครอบครัว และเข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือนางไก่
นายสงกานต์ กล่าวว่า ถึงขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า คดีที่นางไก่ แจ้งความเอาผิดทั้ง 2 ครอบครัวว่าลักทรัพย์ เป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ รอง ผบ.ตร. และ ผบช.น. เคยระบุว่า ถ้าพบเป็นการแจ้งเท็จ ก็ให้ตำรวจสั่งไม่ฟ้อง แต่เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งว่า จะนำตัว พ่อและแม่ ของน้องก้อย ไปส่งฟ้องต่ออัยการ ซึ่งตนได้ยับยั้ง จึงเห็นว่า การกระทำของพนักงานสอบสวนกับผู้กล่าวหาเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ และอยากให้ผู้ตรวจฯ ดำเนินการตรวจสอบสำนวนทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสงกานต์ กำลังร้องเรียนอยู่นั้น น.ส.สินิทธิ์ หรือ ญาดาภา ลักษณัย ซึ่งเป็นมารดาบุญธรรมของนางไก่ ก็ได้เดินทางมาแฉ ว่าตนเองก็ถูก นางไก่หลอกให้เป็นพยานเท็จ ปรักปรำ น้องก้อย และครอบครัว ว่าขโมยนาฬิกาโรเล็กซ์ไป โดยให้ตนไปเป็นพยาน ซึ่งนางไก่อ้างว่า หากไม่ไปเป็นพยาน จะไม่ได้นาฬิกา และจะถูกนางไก่ แจ้งข้อหาลักทรัพย์ด้วย และเมื่อไปเป็นพยานแล้ว กลับได้เพียงนาฬิกาปลอมมา นอกจากนี้ ตนยังถูกนางไก่ หลอกเอาทองคำไป 2 แท่ง และตอนนี้ ตนได้ฟ้องแพ่งนางไก่ เรียกเงินคืน มูลค่า 104 ล้านบาท ซึ่งก็ได้มีการไปแจ้งเรื่องต่างๆไว้ ที่ สน.ประชาชื่น และปคม. แล้ว
นอกจากนั้น นายสงกานต์ ยังได้พาครอบครัวของ นายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ ที่ถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน ซึ่งเป็นตำรวจ ผู้ใหญ่บ้าน และพนักงานบริษัท คิงเพาเวอร์ อุ้มตัวหายไป เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 58 แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้จะจับผู้ก่อเหตุได้แล้ว เนื่องจากผู้ต้องหากับพนักงานสอบสวน เป็นตำรวจสถานีเดียวกัน และยังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามหาตัว นายณัฐพงศ์ ทางครอบครัวจึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาคดีดังกล่าว เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วย เพื่อให้คดีมีความคืบหน้าต่อไป
นายสงกานต์ กล่าวว่า ถึงขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า คดีที่นางไก่ แจ้งความเอาผิดทั้ง 2 ครอบครัวว่าลักทรัพย์ เป็นการแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งก่อนหน้านี้ รอง ผบ.ตร. และ ผบช.น. เคยระบุว่า ถ้าพบเป็นการแจ้งเท็จ ก็ให้ตำรวจสั่งไม่ฟ้อง แต่เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งว่า จะนำตัว พ่อและแม่ ของน้องก้อย ไปส่งฟ้องต่ออัยการ ซึ่งตนได้ยับยั้ง จึงเห็นว่า การกระทำของพนักงานสอบสวนกับผู้กล่าวหาเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ และอยากให้ผู้ตรวจฯ ดำเนินการตรวจสอบสำนวนทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่นายสงกานต์ กำลังร้องเรียนอยู่นั้น น.ส.สินิทธิ์ หรือ ญาดาภา ลักษณัย ซึ่งเป็นมารดาบุญธรรมของนางไก่ ก็ได้เดินทางมาแฉ ว่าตนเองก็ถูก นางไก่หลอกให้เป็นพยานเท็จ ปรักปรำ น้องก้อย และครอบครัว ว่าขโมยนาฬิกาโรเล็กซ์ไป โดยให้ตนไปเป็นพยาน ซึ่งนางไก่อ้างว่า หากไม่ไปเป็นพยาน จะไม่ได้นาฬิกา และจะถูกนางไก่ แจ้งข้อหาลักทรัพย์ด้วย และเมื่อไปเป็นพยานแล้ว กลับได้เพียงนาฬิกาปลอมมา นอกจากนี้ ตนยังถูกนางไก่ หลอกเอาทองคำไป 2 แท่ง และตอนนี้ ตนได้ฟ้องแพ่งนางไก่ เรียกเงินคืน มูลค่า 104 ล้านบาท ซึ่งก็ได้มีการไปแจ้งเรื่องต่างๆไว้ ที่ สน.ประชาชื่น และปคม. แล้ว
นอกจากนั้น นายสงกานต์ ยังได้พาครอบครัวของ นายณัฐพงศ์ ศรีคะโชติ ที่ถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน ซึ่งเป็นตำรวจ ผู้ใหญ่บ้าน และพนักงานบริษัท คิงเพาเวอร์ อุ้มตัวหายไป เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 58 แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้จะจับผู้ก่อเหตุได้แล้ว เนื่องจากผู้ต้องหากับพนักงานสอบสวน เป็นตำรวจสถานีเดียวกัน และยังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามหาตัว นายณัฐพงศ์ ทางครอบครัวจึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาคดีดังกล่าว เพื่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษด้วย เพื่อให้คดีมีความคืบหน้าต่อไป