วานนี้ (2ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบอำนาจให้ นายสัก กอแสงเรือง ทนายความ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328
คำฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.59 เวลากลางวัน จำเลยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เกี่ยวกับโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.58 - 31 ม.ค.59 ว่า คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาผลการตรวจสอบโครงการไฟประดับมูลค่า 39,500,000 บาท พบว่ามีพฤติการณ์ไม่สุจริต ฮั้วราคา ที่เดิมนั้นสภากรุงเทพมหานครไม่อนุมัติให้ดำเนินการตามงบปกติ จึงใช้งบฉุกเฉินซึ่งมีไว้เฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วน แม้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของผู้ว่าฯ ก็ใช้โดยไม่ชอบ เพราะไม่ได้ทำตามวิธีการงบประมาณตามปกติ น่าเชื่อว่ามีการทุจริตในความรับผิดชอบของผู้ว่าฯ กับผู้บริหารระดับสูง 2 คน รวมทั้งคระกรรมการที่มีบทบาทหน้าที่กำหนดเรื่อง TOR จะรีบทำสำนวนส่งป.ป.ช. โดยถ้อยคำแถลงของจำเลยนั้น ทำให้ประชาชน เข้าใจ และเชื่อว่าโครงการไฟประดับนี้ โจทก์นำงบประมาณมาใช้ผิดประเภท และมีการนำงบฉุกเฉินมาใช้โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน มีการฮั้วประมูลโครงการ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ และจะต้องดำเนินคดีอาญาต่อโจทก์ ที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งที่จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่ต้องออกมาแถลงข่าว ซึ่งจำเลยไม่มีอำนาจตามกฎหมายโดยตรง ในการดำเนินการเรื่องทุจริต หรือความผิดต่อการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ซึ่งภายหลังจากที่ ป.ป.ช. รับเรื่องจากจำเลยแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อโจทก์แต่อย่างใด แต่จำเลยกลับนำเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และไม่ใช่อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยตรงของตนมาแถลงข่าวเป็นรายวัน
การกระทำดังกล่าวของจำเลย ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่น เหตุเกิดที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท โจทก์จึงขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องพิจารณาพิพากษาตามกฎหมายต่อไป และขอให้ศาลสั่งจำเลยลงประกาศคำพิพากษาทั้งหมดลงในหนังสือพิมพ์รายวัน 11 ฉบับ เป็นเวลา 30 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบคดีหมายเลขดำ ที่ อ. 2474/2559 เพื่อมีคำสั่งต่อไป
ด้านนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มี นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. จะมอบหมายให้ นายสัก กอแสงเรือง ยื่นฟ้องตน ในข้อหาหมิ่นประมาท ว่าตนยินดี และคิดว่าสิ่งที่ตนพูดไปเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นความจริง การที่ฟ้องร้องตนเป็นเรื่องดีมาก เพราะตนจะได้เรียกเอกสารที่เคยขอแล้วไม่ได้มาทั้งหมด
“ทุกอย่างที่ผมพูดตามข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น เรื่องรถดับเพลิง เรื่องอุโมงค์ไฟ ส่วนจะเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ยินดี ถ้าจะฟ้อง จะได้พิสูจน์ความจริง ผมไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่เป็นความจริง ก็อาจจะโดนฟ้องกลับก็เป็นได้ แต่คิดว่าเขาคงไม่ไปถึงจุดที่ฟังแก้เกี้ยว และผมจะได้นำเอกสารข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้ที่มีหน้าที่เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เพราะทุกวันนี้เอกสารหายาก หากเป็นอย่างนั้นก็ขอให้ดำเนินการ” นายวิลาศกล่าว
คำฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค.59 เวลากลางวัน จำเลยได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เกี่ยวกับโครงการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งกรุงเทพมหานคร จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.58 - 31 ม.ค.59 ว่า คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพิจารณาผลการตรวจสอบโครงการไฟประดับมูลค่า 39,500,000 บาท พบว่ามีพฤติการณ์ไม่สุจริต ฮั้วราคา ที่เดิมนั้นสภากรุงเทพมหานครไม่อนุมัติให้ดำเนินการตามงบปกติ จึงใช้งบฉุกเฉินซึ่งมีไว้เฉพาะกรณีจำเป็นเร่งด่วน แม้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของผู้ว่าฯ ก็ใช้โดยไม่ชอบ เพราะไม่ได้ทำตามวิธีการงบประมาณตามปกติ น่าเชื่อว่ามีการทุจริตในความรับผิดชอบของผู้ว่าฯ กับผู้บริหารระดับสูง 2 คน รวมทั้งคระกรรมการที่มีบทบาทหน้าที่กำหนดเรื่อง TOR จะรีบทำสำนวนส่งป.ป.ช. โดยถ้อยคำแถลงของจำเลยนั้น ทำให้ประชาชน เข้าใจ และเชื่อว่าโครงการไฟประดับนี้ โจทก์นำงบประมาณมาใช้ผิดประเภท และมีการนำงบฉุกเฉินมาใช้โดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน มีการฮั้วประมูลโครงการ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ และจะต้องดำเนินคดีอาญาต่อโจทก์ ที่ทำผิดกฎหมาย ทั้งที่จำเลยไม่มีอำนาจหน้าที่ต้องออกมาแถลงข่าว ซึ่งจำเลยไม่มีอำนาจตามกฎหมายโดยตรง ในการดำเนินการเรื่องทุจริต หรือความผิดต่อการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. ซึ่งภายหลังจากที่ ป.ป.ช. รับเรื่องจากจำเลยแล้ว ก็ไม่ปรากฏว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการเอาผิดต่อโจทก์แต่อย่างใด แต่จำเลยกลับนำเรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น และไม่ใช่อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายโดยตรงของตนมาแถลงข่าวเป็นรายวัน
การกระทำดังกล่าวของจำเลย ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง และถูกดูหมิ่น เหตุเกิดที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท โจทก์จึงขอให้ศาลไต่สวนมูลฟ้องพิจารณาพิพากษาตามกฎหมายต่อไป และขอให้ศาลสั่งจำเลยลงประกาศคำพิพากษาทั้งหมดลงในหนังสือพิมพ์รายวัน 11 ฉบับ เป็นเวลา 30 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ศาลรับคำฟ้องไว้ในสารบบคดีหมายเลขดำ ที่ อ. 2474/2559 เพื่อมีคำสั่งต่อไป
ด้านนายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มี นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. จะมอบหมายให้ นายสัก กอแสงเรือง ยื่นฟ้องตน ในข้อหาหมิ่นประมาท ว่าตนยินดี และคิดว่าสิ่งที่ตนพูดไปเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นความจริง การที่ฟ้องร้องตนเป็นเรื่องดีมาก เพราะตนจะได้เรียกเอกสารที่เคยขอแล้วไม่ได้มาทั้งหมด
“ทุกอย่างที่ผมพูดตามข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่น เรื่องรถดับเพลิง เรื่องอุโมงค์ไฟ ส่วนจะเป็นการฟ้องแก้เกี้ยวหรือไม่ ผมไม่ทราบ แต่ยินดี ถ้าจะฟ้อง จะได้พิสูจน์ความจริง ผมไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่เป็นความจริง ก็อาจจะโดนฟ้องกลับก็เป็นได้ แต่คิดว่าเขาคงไม่ไปถึงจุดที่ฟังแก้เกี้ยว และผมจะได้นำเอกสารข้อมูลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือผู้ที่มีหน้าที่เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติม เพราะทุกวันนี้เอกสารหายาก หากเป็นอย่างนั้นก็ขอให้ดำเนินการ” นายวิลาศกล่าว