พ.อ. “สัสดี จ.ยะลา” แจงเหตุการณ์ข่มขู่แม่ค้า สื่อเสนอข่าวไม่ไตร่ตรอง ฝั่งหญิงสาวเปิดใจเรื่องจริง ตามจีบ พอไม่เล่นด้วยเลยข่มขู่ ผวาต้องปิดร้าน ล่าสุด กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า สั่งย้าย “พ.อ.” ออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง
หลังจากเกิดกรณีคลิปอื้อฉาวของ “พ.อ.” ได้ใช้คำพูดข่มขู่หญิงสาวเจ้าของร้านขายเสื้อผ้ากลางเมืองยะลา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 ก.ค.59 ที่ผ่านมา และผู้เสียหายได้นำคลิปดังกล่าว โพสต์ลงในกลุ่มไลน์และเฟซบุ๊กเพื่อสอบถามว่า มีผู้ใดรู้จักบุคคลในคลิปบ้าง จนเป็นที่ทราบกันว่า บุคคลในคลิปวีดีโอ ที่แต่งกายเต็มยศด้วยเครื่องแบบทหารนั้นคือ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน สัสดีจังหวัดยะลา และกลายเป็นข่าวดังครึกโครมในเวลาต่อมา
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า มีผู้ใหญ่ในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เรียกตัวเข้าพบเพื่อชี้แจง โดย พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งให้ย้าย พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง โดยภายหลังเป็นข่าว สัสดีจังหวัดยะลา คนที่ตกเป็นข่าว ได้โพสต์ข้อความชี้แจงในกลุ่มไลน์ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร อย่าเพิ่งด่วนสรุปตัดสินใจ ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลให้ชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การโพสต์คลิปลงสื่อโซเซียลมีเดียในปัจจุบัน อาจจะเป็นการโพสต์เพื่อความสนุก แต่หากทหารมีการกระทำความผิดจริง กองทัพก็ต้องมีมาตรการในการลงโทษอย่างเด็ดขาด ขณะที่สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวดังกล่าว หากไม่เป็นความจริงตามข่าวที่ได้นำเสนอไป ก็ถือเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับกองทัพ สื่อก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยการออกมาขอโทษออกอากาศในทุกช่องทาง
นอกจากนี้ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน ยังได้โพสต์ข้อความชี้แจงต่อเนื่องอีกว่า อย่าฟังความเพียงด้านเดียว และได้เขียนข้อความบรรยายชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยทั้งสองข้อความที่ “สัสดี” คนดังกล่าวโพสต์ลงในกลุ่มไลน์นั้น มีความสับสน โดยเฉพาะข้อความแรกที่ได้โพสต์นั้น เหมือนจะเป็นการแสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ในฐานะทหารคนหนึ่งเท่านั้น โดยไม่ได้ระบุว่า บุคคลในคลิปคือตนเอง เนื่องจากมีข้อความช่วงหนึ่งที่ระบุว่า “ถ้าจริงดังโพสต์กองทัพจะได้ลงโทษทัณฑ์ ฟันหัวกะบาน __ทหารชั่_ ในโพส”
แต่ข้อความที่โพสต์ต่อมา กลับมีการชี้แจง ระบุวัน เวลา และการเดินทางไปรับประทานอาหารในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ และได้ไปพบกับหญิงสาวที่ร้านขายเสื้อผ้า จนเกิดมีปากเสียงและถูกถ่ายคลิปไว้ได้ ขณะใช้คำพูดข่มขู่หญิงสาวเจ้าของร้านขายเสื้อผ้า โดยได้ระบุว่า ผู้โพสต์คลิปดังกล่าว เป็นการโพสต์โกหกใส่ร้ายเจ้าหน้าที่
***แม่ค้าเปิดใจแฉวันเกิดเหตุ “พ.อ.” ขู่อุ้ม
ทางผู้เสียหาย คือ น.ส.ดาริกา รอดระกำ น้องสาวที่สัสดีจังหวัดยะลาไปจีบ น.ส.โสภิดา สุดสงวน เจ้าของร้าน และ ส.ต.ท.สราวุฒิ ลักษณาวิบูลย์กูล เจ้าของร้าน ซึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์วันดังกล่าวได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนั้นสัสดีคนดังกล่าวสวมเสื้อผ้าปกติธรรมดาทั่วไปได้มาวนเวียนอยู่ที่ร้านตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.59 โดยได้มาเดินวนเวียนไปมา และมองน้องสาวที่อยู่ภายในร้านคือ น.ส.ดาวิกา ก่อนที่จะชวนพูดคุยสอบถามว่าทำงานอยู่ที่นี่เหรอ ไม่กลัวหรืออย่างไร
หลังจากนั้น วันที่ 15 ก.ค.59 ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า สัสดีคนดังกล่าวก็มาอีกครั้งโดยครั้งนี้ สวมเครื่องแบบเต็มยศ มาพูคุยโอ้อวดจะฝากงานให้น้องสาวทำเป็นทหารหญิง ได้ทำงานสบายนั่งห้องแอร์ ซึ่งเคยฝากมาแล้วหลายคน จากนั้นตนเองก็ออกมาพูดคุย และถามตรงๆ ว่า งานอื่นมีไหมที่ไม่ต้องฝาก สัสดีคนดังกล่าวก็บอกว่า ทำงานทหารเท่จะตาย มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะแยะ
น.ส.โสภิดา ก็เลยถามตรงๆ ว่าจะมาจีบน้องสาวตนเองเหรออย่างไร จากนั้นก็เกิดปากเสียงกันขึ้น กล่าวหาว่าพูดจาไม่ให้เกียรติตำแหน่งของเขา และหลังจากนั้น สัสดีคนดังกล่าวก็พูดจาข่มขู่ จะสั่งลูกน้องมาวางระเบิดที่ร้านบ้าง จะสั่งลูกน้องมาอุ้มขึ้นรถไปบ้าง แล้วอย่าร้องขอชีวิต ตามคลิปที่พี่ชายได้บันทึกไว้ได้
ส.ต.ท.สราวุฒิซึ่งเป็นพี่ชายกล่าวว่า ตั้งแต่เปิดร้านมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเสียความรู้สึกต่อเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ แล้วยังเป็นนายทหารยศระดับนายพันอีกด้วย มาข่มขู่ ทำตัวกร่างกับชาวบ้าน แล้วชาวบ้านจะฝากชีวิตไว้กับใคร ขณะนี้ตนเอง และน้องสาวยังไม่ได้เปิดร้าน เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ก็ยังคงหวาดกลัวอันตราย และขอดูสถานการณ์ไปก่อน ซึ่งอยากฝากให้ผู้ใหญ่ หรือผู้บังคับบัญชาช่วยตรวจสอบ บุคคลที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีสถานการณ์อยู่แล้ว หากให้คนแบบนี้ลงมาทำงานก็จะยิ่งสร้างปัญหาให้แก่พื้นที่ และเกิดความอับอายต่อองค์กรเอง
ล่าสุด ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท. วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทราบเรื่องดังกล่าว และสั่งย้ายสัสดีคนดังกล่าว ออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมให้ทางกองทัพตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการลงโทษตามวินัย
จากการสืบประวัติ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน สัสดีจังหวัดยะลา ก็ทราบว่า ได้ย้ายมาจากจังหวัดชุมพร ด้วยปัญหาในลักษณะเดียวกัน อีกทั้งชอบทำตัวโอ้อวด สร้างภาพ ชอบที่จะแจกนามบัตรให้แก่หญิงสาวที่ดูดี.
หลังจากเกิดกรณีคลิปอื้อฉาวของ “พ.อ.” ได้ใช้คำพูดข่มขู่หญิงสาวเจ้าของร้านขายเสื้อผ้ากลางเมืองยะลา เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 ก.ค.59 ที่ผ่านมา และผู้เสียหายได้นำคลิปดังกล่าว โพสต์ลงในกลุ่มไลน์และเฟซบุ๊กเพื่อสอบถามว่า มีผู้ใดรู้จักบุคคลในคลิปบ้าง จนเป็นที่ทราบกันว่า บุคคลในคลิปวีดีโอ ที่แต่งกายเต็มยศด้วยเครื่องแบบทหารนั้นคือ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน สัสดีจังหวัดยะลา และกลายเป็นข่าวดังครึกโครมในเวลาต่อมา
ล่าสุด มีกระแสข่าวว่า มีผู้ใหญ่ในกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้เรียกตัวเข้าพบเพื่อชี้แจง โดย พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 ได้มีคำสั่งให้ย้าย พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน ออกจากพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง โดยภายหลังเป็นข่าว สัสดีจังหวัดยะลา คนที่ตกเป็นข่าว ได้โพสต์ข้อความชี้แจงในกลุ่มไลน์ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า ขอให้สังคมใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร อย่าเพิ่งด่วนสรุปตัดสินใจ ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลให้ชัดเจนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การโพสต์คลิปลงสื่อโซเซียลมีเดียในปัจจุบัน อาจจะเป็นการโพสต์เพื่อความสนุก แต่หากทหารมีการกระทำความผิดจริง กองทัพก็ต้องมีมาตรการในการลงโทษอย่างเด็ดขาด ขณะที่สื่อมวลชนที่นำเสนอข่าวดังกล่าว หากไม่เป็นความจริงตามข่าวที่ได้นำเสนอไป ก็ถือเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับกองทัพ สื่อก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยการออกมาขอโทษออกอากาศในทุกช่องทาง
นอกจากนี้ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน ยังได้โพสต์ข้อความชี้แจงต่อเนื่องอีกว่า อย่าฟังความเพียงด้านเดียว และได้เขียนข้อความบรรยายชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยทั้งสองข้อความที่ “สัสดี” คนดังกล่าวโพสต์ลงในกลุ่มไลน์นั้น มีความสับสน โดยเฉพาะข้อความแรกที่ได้โพสต์นั้น เหมือนจะเป็นการแสดงความคิดเห็นถึงเหตุการณ์ในฐานะทหารคนหนึ่งเท่านั้น โดยไม่ได้ระบุว่า บุคคลในคลิปคือตนเอง เนื่องจากมีข้อความช่วงหนึ่งที่ระบุว่า “ถ้าจริงดังโพสต์กองทัพจะได้ลงโทษทัณฑ์ ฟันหัวกะบาน __ทหารชั่_ ในโพส”
แต่ข้อความที่โพสต์ต่อมา กลับมีการชี้แจง ระบุวัน เวลา และการเดินทางไปรับประทานอาหารในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุ และได้ไปพบกับหญิงสาวที่ร้านขายเสื้อผ้า จนเกิดมีปากเสียงและถูกถ่ายคลิปไว้ได้ ขณะใช้คำพูดข่มขู่หญิงสาวเจ้าของร้านขายเสื้อผ้า โดยได้ระบุว่า ผู้โพสต์คลิปดังกล่าว เป็นการโพสต์โกหกใส่ร้ายเจ้าหน้าที่
***แม่ค้าเปิดใจแฉวันเกิดเหตุ “พ.อ.” ขู่อุ้ม
ทางผู้เสียหาย คือ น.ส.ดาริกา รอดระกำ น้องสาวที่สัสดีจังหวัดยะลาไปจีบ น.ส.โสภิดา สุดสงวน เจ้าของร้าน และ ส.ต.ท.สราวุฒิ ลักษณาวิบูลย์กูล เจ้าของร้าน ซึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์วันดังกล่าวได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนั้นสัสดีคนดังกล่าวสวมเสื้อผ้าปกติธรรมดาทั่วไปได้มาวนเวียนอยู่ที่ร้านตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.59 โดยได้มาเดินวนเวียนไปมา และมองน้องสาวที่อยู่ภายในร้านคือ น.ส.ดาวิกา ก่อนที่จะชวนพูดคุยสอบถามว่าทำงานอยู่ที่นี่เหรอ ไม่กลัวหรืออย่างไร
หลังจากนั้น วันที่ 15 ก.ค.59 ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า สัสดีคนดังกล่าวก็มาอีกครั้งโดยครั้งนี้ สวมเครื่องแบบเต็มยศ มาพูคุยโอ้อวดจะฝากงานให้น้องสาวทำเป็นทหารหญิง ได้ทำงานสบายนั่งห้องแอร์ ซึ่งเคยฝากมาแล้วหลายคน จากนั้นตนเองก็ออกมาพูดคุย และถามตรงๆ ว่า งานอื่นมีไหมที่ไม่ต้องฝาก สัสดีคนดังกล่าวก็บอกว่า ทำงานทหารเท่จะตาย มีหนุ่มๆ มาจีบเยอะแยะ
น.ส.โสภิดา ก็เลยถามตรงๆ ว่าจะมาจีบน้องสาวตนเองเหรออย่างไร จากนั้นก็เกิดปากเสียงกันขึ้น กล่าวหาว่าพูดจาไม่ให้เกียรติตำแหน่งของเขา และหลังจากนั้น สัสดีคนดังกล่าวก็พูดจาข่มขู่ จะสั่งลูกน้องมาวางระเบิดที่ร้านบ้าง จะสั่งลูกน้องมาอุ้มขึ้นรถไปบ้าง แล้วอย่าร้องขอชีวิต ตามคลิปที่พี่ชายได้บันทึกไว้ได้
ส.ต.ท.สราวุฒิซึ่งเป็นพี่ชายกล่าวว่า ตั้งแต่เปิดร้านมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งเสียความรู้สึกต่อเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ แล้วยังเป็นนายทหารยศระดับนายพันอีกด้วย มาข่มขู่ ทำตัวกร่างกับชาวบ้าน แล้วชาวบ้านจะฝากชีวิตไว้กับใคร ขณะนี้ตนเอง และน้องสาวยังไม่ได้เปิดร้าน เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ก็ยังคงหวาดกลัวอันตราย และขอดูสถานการณ์ไปก่อน ซึ่งอยากฝากให้ผู้ใหญ่ หรือผู้บังคับบัญชาช่วยตรวจสอบ บุคคลที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีสถานการณ์อยู่แล้ว หากให้คนแบบนี้ลงมาทำงานก็จะยิ่งสร้างปัญหาให้แก่พื้นที่ และเกิดความอับอายต่อองค์กรเอง
ล่าสุด ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท. วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทราบเรื่องดังกล่าว และสั่งย้ายสัสดีคนดังกล่าว ออกนอกพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง พร้อมให้ทางกองทัพตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการลงโทษตามวินัย
จากการสืบประวัติ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน สัสดีจังหวัดยะลา ก็ทราบว่า ได้ย้ายมาจากจังหวัดชุมพร ด้วยปัญหาในลักษณะเดียวกัน อีกทั้งชอบทำตัวโอ้อวด สร้างภาพ ชอบที่จะแจกนามบัตรให้แก่หญิงสาวที่ดูดี.