“พงศพัศ”ถกติดตามคดีคนร้ายฉกเหรียญทองคำเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ เผยคนร้ายยังมาทำงานตามปกติ ขู่คนซื้อไป ต้องเอามาคืน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หากไม่คืนเจอข้อหารับของโจร ผอ.สำนักกษาปณ์เตรียมปรับระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ ล่าสุดตำรวจจ่อออกหมายแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.สมรัก ตั้งในคุณธรรม อายุ 59 ปี ผอ.สำนักกษาปณ์ ได้เข้าแจ้งความว่ามีคนร้ายลักทรัพย์เหรียญกษาปณ์ทองคำที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปจากเซฟโรงกษาปณ์ รวม 50 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญทองคำแท้ ด้านหน้ามีพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านหลังมีข้อความพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ประเทศไทย 16,000 บาท เป็นเหรียญที่ระลึกที่มีตำหนิรอการทำลาย 318 เหรียญ จากที่ผลิต 5,000 เหรียญ ถูกคนร้ายลักไป 50 เหรียญ มูลค่า 1.5 ล้านบาท และพบว่าหายไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (11 ก.ค.) ที่ สภ.คลองหลวง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้เดินทางมาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พ.ต.ท.นิมิตร นูโพนทอง รอง ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.ท.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว.สส.สภ.คลองหลวง พร้อมชุดสืบสวนนำเอกสารข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้เสนอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องโดยใช้เวลาการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง.ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญพยานเข้าให้ปากคำจำนวนหลายปากแล้ว จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงกษาปณ์ พบว่า ผู้ถือกุญแจเซฟนิรภัยที่เก็บเหรียญกษาปณ์ มี 3 คน คือ 1.น.ส.จำลอง สุขขันนี ผู้ช่วยของนายสมยศ จันทร์แก้ว ช่างตีตรา 2.นายสุชาติ เติมต่อ หัวหน้าช่าง และ 3.นายสมยศ จันทร์แก้ว ช่างตีตรา ซึ่งจากการสอบปากคำ ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเหรียญกษาปณ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวคนร้ายแล้ว และพบว่ายังมาทำงานตามปกติ ซึ่งอยากจะบอกถึงผู้ที่ครอบครองเหรียญกษาปณ์ หากเห็นว่าได้มาไม่ปกติ สามารถนำมาคืนได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ หากไม่คืน จะมีความผิดฐานรับของโจร
ด้านพล.ต.ต.ถาวร กล่าวเสริมว่า ตู้นิรภัยไม่มีร่องรอยการถูกงัดหรือทำลาย เชื่อว่าเป็นการเปิดเข้าไป โดยได้มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว 18 ปาก ซึ่งได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับแล้ว
ขณะที่ น.ส.สมรัก กล่าวว่า คนผิดน่าจะคนใน เพราะเหตุการณ์ลักทรัพย์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว เรื่องแดงขึ้น เพราะเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สุกัญญา ชูช่วย ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพ นักวิชาการกษาปณ์ชำนาญการพิเศษ ได้เข้ามาถ่ายรูป เพื่อทำผลงาน โดยมีหนึ่งในผู้ถือกุญแจเซฟนิรภัยเป็นคนมาเปิดให้ จึงพบว่าเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 2 ถาด หรือ 50 เหรียญ หายไป
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรแล้ว อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดธัญบุรีต่อผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นก่อน 1 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.สมรัก ตั้งในคุณธรรม อายุ 59 ปี ผอ.สำนักกษาปณ์ ได้เข้าแจ้งความว่ามีคนร้ายลักทรัพย์เหรียญกษาปณ์ทองคำที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปจากเซฟโรงกษาปณ์ รวม 50 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญทองคำแท้ ด้านหน้ามีพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านหลังมีข้อความพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ประเทศไทย 16,000 บาท เป็นเหรียญที่ระลึกที่มีตำหนิรอการทำลาย 318 เหรียญ จากที่ผลิต 5,000 เหรียญ ถูกคนร้ายลักไป 50 เหรียญ มูลค่า 1.5 ล้านบาท และพบว่าหายไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (11 ก.ค.) ที่ สภ.คลองหลวง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วารินทร์ ทองตรา รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ได้เดินทางมาร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยมี พ.ต.ท.นิมิตร นูโพนทอง รอง ผกก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.ท.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว.สส.สภ.คลองหลวง พร้อมชุดสืบสวนนำเอกสารข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐานต่างๆ ที่ได้รวบรวมไว้เสนอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องโดยใช้เวลาการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง.ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เชิญพยานเข้าให้ปากคำจำนวนหลายปากแล้ว จากการสอบปากคำเจ้าหน้าที่โรงกษาปณ์ พบว่า ผู้ถือกุญแจเซฟนิรภัยที่เก็บเหรียญกษาปณ์ มี 3 คน คือ 1.น.ส.จำลอง สุขขันนี ผู้ช่วยของนายสมยศ จันทร์แก้ว ช่างตีตรา 2.นายสุชาติ เติมต่อ หัวหน้าช่าง และ 3.นายสมยศ จันทร์แก้ว ช่างตีตรา ซึ่งจากการสอบปากคำ ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเหรียญกษาปณ์ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ตัวคนร้ายแล้ว และพบว่ายังมาทำงานตามปกติ ซึ่งอยากจะบอกถึงผู้ที่ครอบครองเหรียญกษาปณ์ หากเห็นว่าได้มาไม่ปกติ สามารถนำมาคืนได้ที่สถานีตำรวจทั่วประเทศ หากไม่คืน จะมีความผิดฐานรับของโจร
ด้านพล.ต.ต.ถาวร กล่าวเสริมว่า ตู้นิรภัยไม่มีร่องรอยการถูกงัดหรือทำลาย เชื่อว่าเป็นการเปิดเข้าไป โดยได้มีการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว 18 ปาก ซึ่งได้มีการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอให้ศาลพิจารณาออกหมายจับแล้ว
ขณะที่ น.ส.สมรัก กล่าวว่า คนผิดน่าจะคนใน เพราะเหตุการณ์ลักทรัพย์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของการรักษาความปลอดภัยต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว เรื่องแดงขึ้น เพราะเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.สุกัญญา ชูช่วย ผู้อำนวยการส่วนควบคุมคุณภาพ นักวิชาการกษาปณ์ชำนาญการพิเศษ ได้เข้ามาถ่ายรูป เพื่อทำผลงาน โดยมีหนึ่งในผู้ถือกุญแจเซฟนิรภัยเป็นคนมาเปิดให้ จึงพบว่าเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน 2 ถาด หรือ 50 เหรียญ หายไป
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานได้พอสมควรแล้ว อยู่ระหว่างให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดธัญบุรีต่อผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นก่อน 1 ราย
