นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในการดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยให้กระทรวงการคลัง ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดว่า กรณีนี้เป็นเรื่องเก่าที่ สตง. ส่งมาให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความนานแล้ว ตั้งแต่ปี 2557 แต่ยังพิจารณาไม่เสร็จ เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดเก่าหมดวาระไป พอแต่งตั้งชุดใหม่ จึงต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง
ทั้งนี้ การจะเรียกคืนท่อก๊าซตามมติ สตง. หรือไม่ อย่างไรนั้น รัฐบาลพอทราบแนวทางแล้ว แต่ยังไม่ควรพูด โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ได้เชิญ สตง. ปตท. กระทรวงการคลัง อัยการ และกฤษฎีกา มาหารือกัน ซึ่งยังไม่ได้คำตอบ แต่ทำให้รู้แนวทางว่า เรื่องนี้มีเรื่องค้างอยู่ 2 ส่วน คือ เรื่องที่กฤษฎีกา และเรื่องที่ค้างอยู่ศาลปกครอง ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นฟ้องเอาไว้ ส่วนกระทรวงการคลัง แม้พอจะรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่ต้องประชุมภายในกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การให้ปตท.กับกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นคู่กรณีกันมาพูดคุยกัน ถือว่าไม่แปลก เพราะทั้งหมดเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ฝ่ายตรวจสอบก็ทำหน้าที่ไป การนั่งคุยดังกล่าวไม่ได้มาซูเอี๋ย สตง. มายืนยันว่าปตท.ต้องทำอย่างไร ส่วนปตท.บอกว่าได้ทำครบถ้วนแล้ว เมื่อเถียงกันไม่จบ ก็ไปศาล แต่สิ่งสำคัญที่ทราบจากการพูดคุยดังกล่าวคือกรณีที่กระทรวงการคลังรอมติของสตง. ซึ่งทางสตง.บอกว่าจะไม่ส่งอะไรมา เพียงแต่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเท่านั้น และเป็นการปฏิบัติตามสิ่งที่ สตง. เคยแจ้งกระทรวงการคลัง เมื่อปี 2551 โดยให้ใช้อันนั้นเป็นหลัก จากนี้จะไม่ส่งอะไรมาเพิ่มแล้ว
ทั้งนี้ การจะเรียกคืนท่อก๊าซตามมติ สตง. หรือไม่ อย่างไรนั้น รัฐบาลพอทราบแนวทางแล้ว แต่ยังไม่ควรพูด โดยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ได้เชิญ สตง. ปตท. กระทรวงการคลัง อัยการ และกฤษฎีกา มาหารือกัน ซึ่งยังไม่ได้คำตอบ แต่ทำให้รู้แนวทางว่า เรื่องนี้มีเรื่องค้างอยู่ 2 ส่วน คือ เรื่องที่กฤษฎีกา และเรื่องที่ค้างอยู่ศาลปกครอง ที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ยื่นฟ้องเอาไว้ ส่วนกระทรวงการคลัง แม้พอจะรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่ต้องประชุมภายในกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การให้ปตท.กับกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นคู่กรณีกันมาพูดคุยกัน ถือว่าไม่แปลก เพราะทั้งหมดเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ได้เป็นศัตรูกัน ฝ่ายตรวจสอบก็ทำหน้าที่ไป การนั่งคุยดังกล่าวไม่ได้มาซูเอี๋ย สตง. มายืนยันว่าปตท.ต้องทำอย่างไร ส่วนปตท.บอกว่าได้ทำครบถ้วนแล้ว เมื่อเถียงกันไม่จบ ก็ไปศาล แต่สิ่งสำคัญที่ทราบจากการพูดคุยดังกล่าวคือกรณีที่กระทรวงการคลังรอมติของสตง. ซึ่งทางสตง.บอกว่าจะไม่ส่งอะไรมา เพียงแต่ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเท่านั้น และเป็นการปฏิบัติตามสิ่งที่ สตง. เคยแจ้งกระทรวงการคลัง เมื่อปี 2551 โดยให้ใช้อันนั้นเป็นหลัก จากนี้จะไม่ส่งอะไรมาเพิ่มแล้ว
