สัจธรรมจาก Analog สู่ Digital เมื่อบางสิ่งจะถูกทิ้งลงในกระแสกาลเวลา

สิ่งที่แน่นอนเหลือหลายก็คือความไม่แน่นอน

Kodak เป็นรายแรกของโลกที่ผลิตกล้องดิจิตอลได้สำเร็จ แต่ตัวเองกลับยึดติดกับ ฟิลม์ถ่ายรูปจนคนอื่นๆ เขาแซงหน้าไปหมดแล้ว

โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วทุกคนต้องปรับตัวไม่เช่นนั้นจะล้าสมัยตกยุค (Obsolete) จนสุดท้ายก็ล้มละลาย ต้องปิดโรงงาน ระเบิดโรงงานทิ้ง อ่านข่าวนี้แล้วแทบไม่อยากจะเชื่อ นี่คือเบอร์หนึ่งของโลก

เรื่องนี้ทำให้นึกถึง Wang Lab ที่เคยเป็นผู้ผลิต Slide rule เบอร์หนึ่งของโลก และมีวิสัยทัศน์ว่าจะเป็นผู้ผลิตสไลด์รูลที่ดีที่สุดของโลก ก็เกิดมา Texas Instrument ขึ้นมาผลิตเครื่องคิดเลขต่างๆ มากมาย ไม่มีใครในโลกนี้ใช้ Slide Rule อีกแล้ว คนใช้ slide rule หรือเครื่องคิดเลขก็เพื่อการคำนวณ จะอะไรก็ได้ ถ้าคำนวณได้ง่ายได้สะดวกกว่าคนก็ใช้อันนั้น

Nokia เองก็เป็นหนึ่งในนั้น Android และ iPhone เข้ามาแทนที่ Nokia ปรับตัวเข้ามาหาโลกดิจิตอลไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องหายไป

สัจธรรมคือ ไม่ยากที่จะเป็นที่หนึ่ง แต่ยากที่สุดที่จะเป็นที่หนึ่งได้ตลอดไป

มีเรื่องเล่ากันว่า ภารโรงที่ทำเนียบรัฐบาล กวาดพื้นอย่างอารมณ์ดี ฮัมเพลง จอมพล ป. นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารบก ทหารสูงสุด เดินผ่านด้วยความหงุดหงิด ปวดหัว เลยไปถามภารโรงท่านนี้ว่าทำไมลื้ออารมณ์ดีนัก อั๊วแย่แล้วปวดหัว อารมณ์เสียมาก ภารโรงก็ตอบว่า ผมมันตัวเล็กตัวน้อย เป็นแค่ภารโรง ยังมีช่องว่าง มีโอกาสให้รุ่งเรืองได้บ้างตามอัตภาพ แต่สงสารท่าน ทางพลเรือนท่านก็สูงสุดจนเป็นนายกรัฐมนตรี ทางทหารท่านก็สูงสุดแล้วเป็น ผบ.ทบ. ต่อไปนี้ชีวิตท่านจะมีแต่ทางลงไม่มีทางขึ้นแล้ว น่าเห็นใจท่านอย่างยิ่ง นี่ผู้หลักผู้ใหญ่ท่านเล่ามาให้ฟังอย่างนี้

สามบริษัทที่ว่ามานี้ เคยเป็นที่หนึ่งของโลกทั้งนั้น สุดท้ายล้วนเป็นอนิจจัง

นี่คือโลก Analog ที่เปลี่ยนมาเป็นโลกดิจิตอล อย่างรวดเร็ว Bill Gates เองเคยเขียนถึงองค์การและกลยุทธ์เอาไว้ในหนังสือชื่อ Business at the speed of thought หรือ ธุรกิจที่ความเร็วแห่งความคิดว่า องค์การที่ดีและกลยุทธ์ที่ดีต้องเหมือนร่างกายมนุษย์ ที่ในทางสรีรวิทยารู้จักที่จะปรับตัวได้ตามสถานการณ์ให้เข้าสู่สมดุล อากาศจะร้อนหนาวฝน ขาดแคลนอาหาร ร่างกายเราก็ปรับตัวเข้าสู่สมดุล กลไกดังกล่าวเรียกว่า Homeostasis ใครที่เรียนชีวะวิทยามาสมัยมัธยมศึกษาตอนปลายคงนึกถึงคำนี้ออก ถ้าไม่ปรับตัวธุรกิจหรือองค์การเองก็อยู่ไม่รอด

Internet of Things กำลังเข้ามา ทุกสิ่งอย่างที่เป็นอุปกรณ์เครื่องมือรอบตัวเรา ตั้งแต่ ตู้เย็น พัดลม เครื่องปรับอากาศ รถยนต์ บ้านเราทั้งหลัง กำลังจะเชื่อมต่อด้วยคอมพิวเตอร์กับอินเทอร์เน็ต เครื่องจักร อุปกรณ์ เหล่านี้ จะฉลาดมากขึ้น คิดเองได้มากขึ้นเพราะปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และเครื่องจักร อุปกรณ์เหล่านี้จะพูดกันเอง และจะพูดกับเราด้วย บางทีมันจะคิดแทนเราเสียด้วยซ้ำไป

Internet of things จะทำให้เกิดข้อมูลมากมายมหาศาล เกิด Big Data และจะเปลี่ยนโลกไปอีกขั้นหนึ่ง ของที่เราเคยเห็นจะหายไป และแน่นอนว่าธุรกิจที่เคยรุ่งเรืองในยุคดิจิตอลก็จะหายไปเช่นกัน ใครที่ปรับตัวไม่ได้ก็จะอยู่ไม่รอด ในขณะเดียวกันผู้ที่อ่านเกมได้ขาด มองเห็นล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะได้โอกาสทางธุรกิจ

ถ้าโกดักไม่ยึดติดกับรูปแบบคือการผลิตฟิลม์และกล้องถ่ายรูป แต่มุ่งไปที่การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวให้ได้ดีที่สุด เพราะนั่นคือ End Results จริงๆ ที่ทุกคนต้องการ ก็จะไม่มีวันล้มละลายเช่นวันนี้

ผ่านแถววิภาวดีทีไร อดมองไปที่สำนักงานใหญ่โกดักในประเทศไทยที่กลายเป็นสถานีโทรทัศน์ Voice TV ไม่ได้

โทรทัศน์ เอย สื่อสิ่งพิมพ์ เอย ก็จะลงเอยไม่ต่างกัน เนื้อหาสื่อ หรือ media ต่างหากที่จะอยู่ ส่วนช่องทาง Channel นั้นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จะยึดติดในรูปแบบมากกว่าเนื้อหาไม่ได้

หลักการบัญชีนั้นบอกว่า Substance over form เนื้อหาสาระสำคัญกว่ารูปแบบ เราจำเป็นต้องมองให้ทะลุว่าอะไรคือรูปแบบ อะไรคือสาระสำคัญที่แท้จริง

ผู้ที่มองออกคือผู้ที่ได้ไปต่อ จงดำรงชีวิตบนความไม่ประมาท ธรรมสวัสดีจงมีแต่ทุกท่าน