ผู้จัดการรายวัน 360 - “ธัมมชโย” ป่วยกะทันหัน “หน้ามืด-เป็นลม-บ้านหมุน” จนขึ้นรถมามอบตัวไม่ได้ หลังประสานขอพบ พนง.สอบสวน ที่ สภ.คลองหลวง “อัยการ” แนะไป รพ.ธรรมศาสตร์ฯเพื่อรักษาก็ไม่ยอมไป “ธรรมกาย” แถลงยินดีให้ความร่วมมือ แต่ป่วยเสียก่อน “ดีเอสไอ” นัดประชุมวันนี้จ่อขอหมายค้นบุกวัด ปัดใช้รถหุ้มเหราะ-โรยตัว ยันยังให้เกียรติ “ไพบูลย์” ซัดจัดฉาก “ไพศาล” ปูดกลัว จนท.แล้วโดนอายัดตัว
จากกรณีที่ พนักงานสอบสวนดีเอสไอ (ดีเอสไอ) ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในคดีความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร หลังมีชื่อเป็นผู้รับเช็คบริจาคจาก นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยกำหนดให้ พระธัมมชโย เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ ภายในวันที่ 26 พ.ค.59 นั้น
วานนี้ (26 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดพระธรรมกายตั้งแต่ช่วงเช้า เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรดาศิษยานุศิษย์ยังคงปฏิบัติกิจวัตรตามปกติ และคอยต้อนรับคณะสื่อมวลชนจากหลายสำนักที่เดินทางปักหลักรอติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้มีกระแสข่าวการระดมมวลชนเข้าวัด ตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด
พระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า พระธัมมชโย ยังคงพักรักษาอาการอาพาธอยู่ภายในวัด ภายใต้การดูแลของคณะแพทย์ผู้รักษาอย่างใกล้ชิด ไม่ได้เดินทางหลบหนีออกไปภายนอกวัด หรือหลบหนีไปต่างประเทศแต่อย่างใด ส่วนวีซ่าของอเมริกาก็ได้ยกเลิกไปนานแล้วตามที่มีข้อสงสัยแต่อย่างใด พร้อมยืนยันด้วยว่า ศิษยานุศิษย์ไม่ได้มีการทำกิจกรรมอื่นใดที่นอกเหนือจากการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันเท่านั้น ยืนยันว่าไม่มีการระดมมวลชน ทั้งนี้ ในส่วนเวลาบ่ายโมง ทางเจ้าหน้าที่จะพาทัวร์รอบวัดว่าไม่มีการระดมพล และเวลาบ่าย 3 หมอจะแถลงอาการล่าสุด
** พระลูกวัด-ศิษย์ล้อม สภ.คลองหลวง
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ดีเอสไอ นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 ได้ร่วมประชุมกับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักคดีการเงินการธนาคาร ภายหลังได้รับการประสานจาก ทีมทนายความพระธัมมชโย เพื่อขอมอบตัวและกำหนดสถานที่มอบตัว โดย นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะเดินทางไปรับมอบตัว พระธัมมชโย นอกดีเอสไอ แต่ทั้งนี้ต้องเป็น หากเป็นสถานที่ราชการที่อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ของกฎหมายเท่านั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น ทีมทนายความ พระธัมมชโยได้ประสานด้วยวาจามาทางดีเอสไอเพื่อต่อรองขอเข้ามอบตัว แต่สถานที่ไม่ใช่ที่ดีเอสไอ เบื้องต้นประสานที่สถานีตำรวจภูธร (สภ.) คลองหลวง จ.ปทุมธานี อย่างไรก็ตามดีเอสไอจะประชุมคณะพนักงานสอบสวนในช่วงบ่ายนี้ และอยู่ระหว่างรอหนังสือประสานอย่างเป็นทางการ จากทีมทนายความอีกครั้ง
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้รับการยืนยันจาก พระมหานพพร ว่า พระธัมมชโย จะเข้ามอบตัวกับทางดีเอสไอ ที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในเวลา 14.30 น. ซึ่งทาง สภ.คลองหลวง ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ไว้พร้อมแล้ว ขณะที่บรรยากาศด้านหน้า สภ.คลองหลวง ได้มีพระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ ประมาณ 500 คน เดินทางมารวมตัวเพื่อเตรียมให้กำลังใจพระธัมมชโย เช่นเดียวกับคณะสื่อมวลชนที่ปักหลักติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมี พล.ต.ต.เมธี กุศลสร้าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางมาดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในพื้นที่อีกด้วย
** สุดท้ายเบี้ยวนัดอ้างป่วย
จนเมื่อเวลา 14.40 น. ที่ สภ.คลองหลวง นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายความวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ตามที่พระธัมมชโยได้นัดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 14.30 น.นั้น เมื่อเวลา 14.00น. ระหว่างที่มีการเคลื่อนย้าย พระธัมมชโย จากห้องพักมายังรถยนต์ พระธัมมชโยได้เกิดอาการอาพาธกระทันหัน โดยมีอาการหน้ามืด บ้านหมุน เป็นลม เวียนศีรษะอย่างหนัก ไม่สามารถเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาได้ ทางทีมทนายความจึงรีบเข้ามาแจ้งพนักงานสอบสวนให้ทราบ และขอเลื่อนไปจนกว่าอาการจะทุเลา พร้อมยืนยันว่าพระธัมมชโย ยินดีที่จะเข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ โดยทีมทนายความได้เตรียมเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท เพื่อประกันตัวในชั้นสอบสวนตามที่ได้ประสานกับทางดีเอสไอไว้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ยังทราบว่าพระธัมมชโยจะสามารถออกมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเองได้เมื่อใด แต่ยังยืนยันว่าภายในวันนี้อย่างแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่า ทางพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้รับทราบ และให้เวลาครึ่งชั่วโมงในการรอให้พระธัมมชโยเดินทางมาพบที่ สภ.คลองหลวง ตามที่นัดหมาย ส่วนบรรยากาศด้านนอก กลุ่มพระลูกวัด และศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ได้ทยอยเดินทางกลับกลับวัดทันที
** แถ “หน้ามืด-เป็นลม” เคลื่อนย้ายไม่ได้
เมื่อเวลา 15.30 น. ที่วัดพระธรรมกาย นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ วัดพระธรรมกาย แถลงข่าวว่า วัดธรรมกายขอยืนยันความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโย และยินดีปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งได้กระทำมาโดยตลอด แม้ยังมีอาการอาพาธหัก พระธัมมชโยก็ยินดีให้ความร่วมมือกับทางราชการ แต่เนื่องจากขณะกำลังเคลื่อนย้ายจากเตียงผู้ป่วย เพื่อขึ้นรถพยาบาลได้เกิดอาการอาพาธ โดยมีอาการลมตีขึ้น เวียนศีระษะ หน้ามืดเป็นลม จึงไม่สามารถรับทราบข้อกล่าวหา ตามเวลาที่แจ้งไว้ในเบื้องต้นได้ ซึ่งทีมแพทย์ผู้รักษาไม่แนะนำให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพราะอาพาธหนัก ขาบวมเปล่งตลอดเวลา ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปไหนได้
“ท่านมีสิทธิ์ของผู้ป่วย สามารถเลือกรักษาตามสถานที่ ซึ่งคือที่วัดแห่งนี้ มีทั้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ ไม่เคยหลบหนีไปไหน แม้จะเจ็บหนัก ก็พยายามแสดงความบริสุทธิ์ และท่านเคารพกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด แต่หากขึ้นรถพยาบาลได้ตามเวลา ท่านก็จะปฏิบัติตามขั้นตอนของกฏหมายบนรถ” โฆษกคณะศิษยานุศิษย์ ระบุ
** นัดประชุมวางแผนรวบตัว “ธัมมชโย”
อีกด้าน ที่ สภ.คลองหลวง นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 สำนักงานการสอบสวน ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังจากที่มีการยืนยันแล้วว่า พระธัมมชโย ไม่เดินทางมามอบตัวกับพนักงานสอบสวนของดีเอสไอตามที่ได้มีการนัดหมายว่า วันนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ได้เดินทางมาที่ สภ.คลองหลวง ตามหนังสือเรื่องขอความอนุเคราะห์ให้มาแจ้งข้อกล่าวหาที่ สภ.คลองหลวง ของทนายความพระธัมมชโย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใกล้วัดพระธรรมกาย ซึ่งหากพระธัมมชโยมามอบตัว ก็พร้อมให้ประกันตัวตามที่ได้ประสานไปก่อนหน้านี้ กระทั่งถึงเวลาที่กำหนดคือเวลา 14.30. ทนายความของพระธัมมชโยได้แจ้งว่า พระธัมมชโยเกิดอาการอาพาธกะทันหันบ้านหมุนไม่สามารถเดินทางมาได้ เจ้าหน้าที่จึงให้ทนายความเข้าไปที่วัดเพื่อหารือร่วมกับทีมแพทย์และพระธัมมชโยอีกครั้ง และให้นำตัวพระธัมมชโยเดินทางไปที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ใกล้เคียง ทางดีเอสไอก็ได้เตรียมรถพยาบาลของ รพ.ตำรวจ และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถนำพระธัมมชโยเดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติได้ รวมทั้งจะมีการไปแจ้งข้อกล่าวหาที่โรงพยาบาล แต่ทางพระธัมมชโยก็ไม่ตอบรับ
“ถ้าในวันนี้พระธัมมชโยไม่เดินทางมามอบตัวเพื่อรับทราบข้อกล่าวหากับทางพนักงานสอบสวนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) จะประชุมส่วนเกี่ยวข้องเพื่อขอหมายค้น และดำเนินการจับกุมตัว ทั้งนี้ได้ฝากไปยังทนายความของพระธัมมชโยว่าให้เห็นแก่ประเทศชาติและความศรัทธาเลื่อมใสของประชาชน ไม่อยากทำให้ให้เกิดความวุ่นวายขึ้น” นายขจรศักดิ์ กล่าว
** คาดขอ “หมายค้น” ไม่นาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อ พระธัมมชโย ไม่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงไม่เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหากับพระธรรมชโยภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า การจะเข้าไปในเคหะสถานหรือสถานที่รโหฐานจะต้องมีหมายค้น เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปก็จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่ให้เกียรติท่าน ทั้งนี้คาดว่าการขอหมายค้นคงใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากมีการออกหมายจับไว้แล้ว แต่ขั้นตอนการจับกุมนั้นต้องประชุมหารือก่อน ซึ่งทางดีเอสไอจะไม่ใช้วิธีการรุนแรง
เมื่อถามว่า จะใช้ชุดปฏิบัติการพิเศษ โรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ หรือใช้รถหุ้มเกราะเข้าไปจับกุมพระธัมมชโยหรือไม่ นายขจรศักดิ์กล่าวว่า "เราจะไม่ใช้วิธีนั้น"
ส่วนที่จะมีการขอกำลังตำรวจร่วมกับดีเอสไอเข้าจับกุมพระธัมมชโยหรือไม่นั้น นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า "คงไม่จำเป็นต้องใช้กำลังตำรวจ เชื่อว่าดีเอสไอมีประสิทธิภาพพอในการดำเนินการ ยืนยันการมาในวันนี้ไม่มีอาวุธ เป็นการให้เกียรติพระธัมมชโยทุกอย่าง"
** ปูดกลัวถูกอายัดตัว-ความแตก
ด้าน นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คระบุถึงกรณ๊ของพระธัมมชโยว่า “แหล่งข่าวระบุว่า ที่ไม่มาเพราะ ถ้ามาแล้ว ดีเอสไอ จะแจ้งข้อกล่าวหา แล้วเขาสามารถอายัดตัว แล้วนำไปตรวจร่างกายที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ซึ่งความอาจแตกก็ได้ เพราะถ้าไปที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ก็จะต้องแอดมิด และจะอยู่ในความดูแลของแพทย์เจ้าของไข้ทันที ลูกศิษย์หมอ และคนอื่นเข้าไปยุ่งไม่ได้"
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตร การปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การอ้างว่าพระธัมมชโยหน้ามืดเป็นลมเป็นการจัดฉากเตรียมเอาไว้แล้ว แค่ต้องการสร้างภาพให้เห็นว่า จะมามอบตัว แต่อาการป่วยหนักขึ้นมา เมื่อพระธัมมชโยไม่มาตามนัด ทั้งที่ดีเอสไอให้โอกาสมามอบตัวและพร้อมให้ประกันตัว ถือว่าเป็นการอลุ่มอะล่วยที่สุดแล้ว ดังนั้นสุดท้ายก็ต้องไปจับกุมตัว เชื่อว่าจับได้ อันนั้นเป็นความเสียหายของพระธัมมชโยมากที่สุด มันจะลุกลามไปถึงเรื่องอาจจะต้องถูกจับสึก และสิ่งที่ไม่อยากเห็นก็คงจะได้เห็นคือ ศิษย์วัดพระธรรมกาย แกนนำหลายคน คงอาจจะตกเป็นผู้ที่มีคดีอาญาในหลายเหตุขึ้นมาในสิ่งที่จะเกิดขึ้น.