"สุริยะใส" แฉยังมีความพยายามดันถอนฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯต่อในป.ป.ช. ทำหลายคนอึดอัด มั่นใจกลุ่มอำนาจบงการเบื้องหลัง หวั่นกดดันต่อศาล แนะ ป.ป.ช. รีบหยุดก่อนทำลายบรรยากาศปฏิรูป ด้านเครือข่ายประชาชนฯ ตบเท้าให้กำลังใจ "ธนศักดิ์" ที่ถูกย้ายจากกรณีสร้างปราสาทพระวิหารจำลอง พร้อมขอความเป็นธรรมจาก"บิ๊กตู่" ชี้เป็นทหารน้ำดีควรรักษาไว้ ไม่ใช่มารังแกกัน
นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงกระแสข่าวกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.51 ว่า ตนไม่สบายใจที่มีข่าวจากวงในป.ป.ช. ที่ยังมีความพยายามที่จะผลักดันในเรื่องนี้ ทั้งๆที่กระแสสังคมไม่เห็นด้วย และมองว่าเรื่องนี้ส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจของ กรรมการป.ป.ช.บางส่วน เพราะเท่าที่ทราบ กรรมการ ป.ป.ช. หลายท่านอึดอัดในความพยายามนี้ เพราะนอกจากจะเป็นการท้าทายสังคมแล้วยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายเสียเอง ทำให้เรื่องนี้ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า ถูกบงการโดยกลุ่มคนและอำนาจพิเศษบางอย่าง
การถอนฟ้องคดี 7 ต.ค.51 เป็นเหมือน "Saving private ryan ภาคพิศดาร" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เอาพลทหารไปรบในสงครามจำนวนมาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่ายแพ้ ซึ่งกรณีนี้ก็เช่นเดียวกันจะผลักดันให้ได้ โดยไม่คำนึงว่าจะกระทบกับหลักการ ขื่อแปของบ้านเมืองแค่ไหนก็ตาม แต่ทำเพื่อเป้าหมายของใครบางคน โดยที่ ป.ป.ช.ก็ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาทั้งนั้น
“อนุกรรมการ ป.ป.ช. ที่ดูเรื่องนี้ก็อึดอัด เพราะมีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า ทั้งที่นักกฎหมายหลายคนก็ทักท้วงว่า เป็นเรื่องที่อยู่นอกเขตอำนาจ ป.ป.ช. ไปอยู่ในเขตอำนาจศาลแล้ว แม้แต่นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ก็บอกว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจและอาจเป็นการกระทำที่มิชอบเสียเอง ซึ่งเรื่องที่เป็นข้อห่วงใยของ ป.ป.ช. ภายในกันเอง ยังมีอีกประเด็นคือ หากเรื่องนี้ทำได้ถอนฟ้องได้ จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกหรือไม่ หรือจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีให้คดีอื่นผู้ถูกกล่าวหา ก็อาจใช้สิทธิเดินตามเอาอย่างร้องทุกข์ถอนฟ้องกันทั้งประเทศ แล้วป.ป.ช.จะใช้หลักอะไรเป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัยว่า ถอนได้หรือไม่ได้ และอาจถูกมองว่าถูกเลือกปฏิบัติได้ในที่สุด อีกหน่อยคงมีผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตจำนำข้าวขอใช้สิทธินี้บ้าง ป.ป.ช.จะอธิบายสังคมอย่างไร”
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ล่อแหลมและอ่อนไหวที่สุด จะถือเป็นการกดดันและผลักภาระไปให้ศาลหรือไม่ เพราะคดี 7 ต.ค.51 อยู่ระหว่างการไต่สวนคดี ดังนั้น กรรมการ ป.ป.ช. ที่ผลักดันถอนฟ้องจะรู้ได้อย่างไรว่า ศาลท่านเอาด้วยหรือยอมให้ถอนฟ้อง และอะไรทำให้มั่นใจกล้าผลักดันมติที่สุ่มเสี่ยงได้ขนาดนั้น และถ้าศาลท่านไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง ป.ป.ช.จะรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร หวังว่าคงไม่ออกมาบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของศาล ทาง ป.ป.ช.ต้องยุติให้เร็วที่สุด ไปต่อไม่ได้ก็ไม่ควรดื้อดึง เพราะกระทบและสวนทางกับบรรยากาศที่หลายฝ่ายอยากเห็นการปฏิรูป
ให้กำลังใจ"ธนศักดิ์"พิษ'พระวิหาร'จำลอง
วานนี้ (16 พ.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศไทย นำโดย พ.ท.พญ. กมลพรรณ ชีวะพันธ์ศรี เลขาธิการเครือข่ายฯ ได้ยื่นดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้ พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ อดีตผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 6 สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พร้อมหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ หลังถูกผู้บังคับบัญชาโยกย้าย จากกรณีการก่อสร้างปราสาทพระวิหารจำลอง บนผามออีแดง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทางเครือข่ายเห็นว่า การที่ พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ ได้มีความคิดริเริ่มในการก่อสร้างปราสาทดังกล่าว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของคนไทย
ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกเสียใจกับการตัดสินของศาลโลกแต่ก็เคารพการตัดสินของศาลโลกระหว่างประเทศที่ต้องจำใจยอมรับ การสร้างปราสาทพระวิหารจำลอง บนผามมออีแดง ซึ่งเป็นผืนแผ่นดินไทย ทำให้ชดเชยความรู้สึกสูญเสียเขาพระวิหารที่แต่เดิมนั้นเป็นของไทยให้เขมร และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ชาวต่างประเทศอยากมาเยี่ยมชม
นอกจากนี้พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ ยังเป็นนายทหารที่ทำงานในพื้นที่มายาวนาน และยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงรัฐบาลคสช. เกินกว่าหน้าที่ในหลายๆด้าน เช่น ริเริ่มทำโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน โดยใช้ภูมิปัญญาที่ไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากในการแก้ปัญหาน้ำแล้ง อีกทั้งยังมีผลงานด้านการปราบยาเสพติด การลักลอบตัดไม้ และบ่อนการพนัน บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างความปรองดองในพื้นที่ สามารถนำแกนนำ นปช.ภาคอีสาน มาปรับความรู้สึกด้านลบต่อคสช. จนสามารถซื้อใจคนเสื้อแดงในภาคอีสาน และกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้กับ คสช.
ดังนั้น ทางเครือข่ายฯ เห็นว่ากองทัพบกควรจะรักษานายทหารเช่นนี้ไว้อย่างดีที่สุด ไม่ใช่มาหาเหตุมารังแกแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราไม่บังอาจก้าวก่ายในการแต่งตั้งโยกย้ายภายในกองทัพบกได้ แต่ในฐานะภาคประชาชนไม่อาจจะทนเห็นการถูกรังแกต่อหน้าต่อตาโดยไม่แสดงออกไม่ได้ มิฉะนั้นจะไม่มีนายทหารน้ำดี ที่มีความรู้สึกนึกคิด เหมือนกับท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทุกลมหายใจมีแต่ประเทศชาติ และประชาชน มาทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนถึงทุกวันนี้
นายสุริยะใส กตะศิลา อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงกระแสข่าวกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถอนฟ้องคดีสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.51 ว่า ตนไม่สบายใจที่มีข่าวจากวงในป.ป.ช. ที่ยังมีความพยายามที่จะผลักดันในเรื่องนี้ ทั้งๆที่กระแสสังคมไม่เห็นด้วย และมองว่าเรื่องนี้ส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจของ กรรมการป.ป.ช.บางส่วน เพราะเท่าที่ทราบ กรรมการ ป.ป.ช. หลายท่านอึดอัดในความพยายามนี้ เพราะนอกจากจะเป็นการท้าทายสังคมแล้วยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำที่ผิดกฎหมายเสียเอง ทำให้เรื่องนี้ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่า ถูกบงการโดยกลุ่มคนและอำนาจพิเศษบางอย่าง
การถอนฟ้องคดี 7 ต.ค.51 เป็นเหมือน "Saving private ryan ภาคพิศดาร" ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เอาพลทหารไปรบในสงครามจำนวนมาก ทั้งๆ ที่รู้ว่าพ่ายแพ้ ซึ่งกรณีนี้ก็เช่นเดียวกันจะผลักดันให้ได้ โดยไม่คำนึงว่าจะกระทบกับหลักการ ขื่อแปของบ้านเมืองแค่ไหนก็ตาม แต่ทำเพื่อเป้าหมายของใครบางคน โดยที่ ป.ป.ช.ก็ไม่สนใจเสียงนกเสียงกาทั้งนั้น
“อนุกรรมการ ป.ป.ช. ที่ดูเรื่องนี้ก็อึดอัด เพราะมีการตั้งธงไว้ล่วงหน้า ทั้งที่นักกฎหมายหลายคนก็ทักท้วงว่า เป็นเรื่องที่อยู่นอกเขตอำนาจ ป.ป.ช. ไปอยู่ในเขตอำนาจศาลแล้ว แม้แต่นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ก็บอกว่า ป.ป.ช.ไม่มีอำนาจและอาจเป็นการกระทำที่มิชอบเสียเอง ซึ่งเรื่องที่เป็นข้อห่วงใยของ ป.ป.ช. ภายในกันเอง ยังมีอีกประเด็นคือ หากเรื่องนี้ทำได้ถอนฟ้องได้ จะมีเรื่องอื่นตามมาอีกหรือไม่ หรือจะกลายเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีให้คดีอื่นผู้ถูกกล่าวหา ก็อาจใช้สิทธิเดินตามเอาอย่างร้องทุกข์ถอนฟ้องกันทั้งประเทศ แล้วป.ป.ช.จะใช้หลักอะไรเป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัยว่า ถอนได้หรือไม่ได้ และอาจถูกมองว่าถูกเลือกปฏิบัติได้ในที่สุด อีกหน่อยคงมีผู้ถูกกล่าวหาคดีทุจริตจำนำข้าวขอใช้สิทธินี้บ้าง ป.ป.ช.จะอธิบายสังคมอย่างไร”
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ล่อแหลมและอ่อนไหวที่สุด จะถือเป็นการกดดันและผลักภาระไปให้ศาลหรือไม่ เพราะคดี 7 ต.ค.51 อยู่ระหว่างการไต่สวนคดี ดังนั้น กรรมการ ป.ป.ช. ที่ผลักดันถอนฟ้องจะรู้ได้อย่างไรว่า ศาลท่านเอาด้วยหรือยอมให้ถอนฟ้อง และอะไรทำให้มั่นใจกล้าผลักดันมติที่สุ่มเสี่ยงได้ขนาดนั้น และถ้าศาลท่านไม่อนุญาตให้ถอนฟ้อง ป.ป.ช.จะรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร หวังว่าคงไม่ออกมาบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของศาล ทาง ป.ป.ช.ต้องยุติให้เร็วที่สุด ไปต่อไม่ได้ก็ไม่ควรดื้อดึง เพราะกระทบและสวนทางกับบรรยากาศที่หลายฝ่ายอยากเห็นการปฏิรูป
ให้กำลังใจ"ธนศักดิ์"พิษ'พระวิหาร'จำลอง
วานนี้ (16 พ.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศไทย นำโดย พ.ท.พญ. กมลพรรณ ชีวะพันธ์ศรี เลขาธิการเครือข่ายฯ ได้ยื่นดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจให้ พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ อดีตผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 6 สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พร้อมหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับ พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ หลังถูกผู้บังคับบัญชาโยกย้าย จากกรณีการก่อสร้างปราสาทพระวิหารจำลอง บนผามออีแดง อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยทางเครือข่ายเห็นว่า การที่ พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ ได้มีความคิดริเริ่มในการก่อสร้างปราสาทดังกล่าว เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจของคนไทย
ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่รู้สึกเสียใจกับการตัดสินของศาลโลกแต่ก็เคารพการตัดสินของศาลโลกระหว่างประเทศที่ต้องจำใจยอมรับ การสร้างปราสาทพระวิหารจำลอง บนผามมออีแดง ซึ่งเป็นผืนแผ่นดินไทย ทำให้ชดเชยความรู้สึกสูญเสียเขาพระวิหารที่แต่เดิมนั้นเป็นของไทยให้เขมร และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ชาวต่างประเทศอยากมาเยี่ยมชม
นอกจากนี้พ.อ.(พิเศษ) ธนศักดิ์ ยังเป็นนายทหารที่ทำงานในพื้นที่มายาวนาน และยังเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงรัฐบาลคสช. เกินกว่าหน้าที่ในหลายๆด้าน เช่น ริเริ่มทำโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน โดยใช้ภูมิปัญญาที่ไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมากในการแก้ปัญหาน้ำแล้ง อีกทั้งยังมีผลงานด้านการปราบยาเสพติด การลักลอบตัดไม้ และบ่อนการพนัน บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างความปรองดองในพื้นที่ สามารถนำแกนนำ นปช.ภาคอีสาน มาปรับความรู้สึกด้านลบต่อคสช. จนสามารถซื้อใจคนเสื้อแดงในภาคอีสาน และกลายเป็นแนวร่วมมุมกลับให้กับ คสช.
ดังนั้น ทางเครือข่ายฯ เห็นว่ากองทัพบกควรจะรักษานายทหารเช่นนี้ไว้อย่างดีที่สุด ไม่ใช่มาหาเหตุมารังแกแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เราไม่บังอาจก้าวก่ายในการแต่งตั้งโยกย้ายภายในกองทัพบกได้ แต่ในฐานะภาคประชาชนไม่อาจจะทนเห็นการถูกรังแกต่อหน้าต่อตาโดยไม่แสดงออกไม่ได้ มิฉะนั้นจะไม่มีนายทหารน้ำดี ที่มีความรู้สึกนึกคิด เหมือนกับท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทุกลมหายใจมีแต่ประเทศชาติ และประชาชน มาทำหน้าที่ปกป้องช่วยเหลือประชาชน ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนถึงทุกวันนี้