แม่-ทนายหนุ่มพิการ มอบหลักฐานภาพวงจรปิดให้ตำรวจ สน.โชคชัย เอาผิด 2 แฟนโจ๋พฤติกรรมยุยงให้ฆ่า-ข่มขู่ญาติผู้ตายที่ รพ. ส่วน 6 ผู้ต้องหาในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง เหตุโทรศัพท์ตามพวกและมีการเตรียมอาวุธมีด หากยังไม่แจ้งข้อหาจ่อชงเรื่องกองปราบฯ ต่อ ฝากขอโทษตำรวจน้ำดี ขณะที่แม่กล่าวทั้งน้ำตาขอความเป็นธรรมให้ลูก
วานนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.โชคชัย นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความของญาตินายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ อายุ 36 ปี ผู้พิการที่เสียชีวิต พร้อมด้วยนางทองคำ ศรีจันทร์ อายุ 64 ปี มารดาของนายสมเกียรติ และนายเมธัส ผลประเสริฐ หลาชนาย เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อลงกรณ์ ศิริสงคราม รอง ผกก. (สอบสวน) เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มต่อ น.ส.ณัฐณิชา ฤทธิ์ล้ำเลิศ อายุ 19 ปี ในข้อหาข่มขู่ พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดมามอบให้พนักงานสอบสวน
นายอนันตชัยกล่าวว่า ในวันนี้เดินทางมาเพื่อนำพยานหลักฐานมายืนยันให้การเอาผิดต่อกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมถึงแจ้งข้อหาข่มขู่ต่อ น.ส.ณัฐณิชา เนื่องจากภาพที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่า น.ส.ณัฐณิชา และ น.ส.เฟิร์น (ขอสสงวนชื่อ-สกุล) มีการพูดยุยงส่งเสริมให้กลุ่มผู้ต้องหารุมทำร้ายนายสมเกียรติ อีกทั้งในวันเกิดเหตุ น.ส.ณัฐณิชา และ น.ส.เฟิร์นได้เดินทางไปข่มขู่ ด่าทอ พูดจาหยาบคายกับทางญาตินายสมเกียรติที่โรงพยาบาลด้วย
ส่วนการตั้งข้อหาต่อ น.ส.เฟิร์นหรือไม่นั้น อยู่ในฐานะพยานในที่เกิดเหตุ ให้อยู่ในดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวมีทั้งหมด 8 ราย ทั้งนี้จะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
นายอนันตชัยกล่าวว่า ตนยังได้ลำดับภาพถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิด พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้โทรศัพท์เรียกพวก และมีการเตียมอาวุธมีดมาจากที่อื่น ซึ่งมีเวลากว่า 11 นาทีในการไตร่ตรอง ดังนั้นจึงสามารถตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ อย่างไรก็ตาม ตนยังคงเชื่อมั่นในการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย หากยังไม่มีการดำเนินการแจ้งข้อหาก็จะดำเนินการทำเรื่องส่งไปยังกองบังคับการปราบปรามต่อไป
เนื่องจากข่าวดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตนอย่างขอโทษจากใจที่ทำให้ตำรวจดีๆ หลายคนจะต้องมาพบเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าตำรวจดีๆ ก็ยังคงมีอย่างแน่นอน และตนไม่ได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้ง แต่ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ปรากฏเท่านั้น
ด้านนายเมธัสกล่าวว่า ตนยืนยันว่าจะเอาผิดต่อผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าจะไม่มีการฌาปนกิจศพนายสมเกียรติจนกว่าจะคดีจะสิ้นสุด และกล่าวขอบคุณสื่อมวลชน ตำรวจ และสังคมที่ให้ความสนใจ
ส่วนนางทองคำกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนอยากให้ลูกได้รับความเป็นธรรม เหตุใดคนพิการคนเดียวถึงต้องทำกันขณะนี้ พร้อมทั้งยกมือไหว้
ด้าน พ.ต.ท.อลงกรณ์กล่าวว่า สำหรับกรณี น.ส.เฟิร์นนั้น จากการตรวจพบว่า น.ส.เฟิร์นได้อยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่ยังไม่มีพยานยืนยันว่า น.ส.เฟิร์นได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้ก่อนที่จะนำเรียนผู้บังคับบัญชาและดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.ท.อลงกรณ์ เป็นตัวแทนรับหนังสือขอความเป็นธรรม จากนางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของ นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ หนุ่มพิการที่ถูกวัยรุ่นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต พร้อมกล่าวต่อว่า เตรียมทำการสอบปากคำ พยาน รวม 4 ปาก คดีนี้ มีการทำงานในรูปแบบของคณะทำงาน โดยมี พ.ต.อ. ทวีรัชต์ ศรีธวัขพงศ์ รอง ผบก. น. 4 เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมส่ง ผกก.อีก 2 นาย ใน บกน. 4 มาร่วมสอบสวน และคณะทำงานของสน. โชคชัย โดยมี พ.ต.อ. ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก. สน. โชคชัย และตนร่วมสอบสวนด้วย ส่วน คดีนี้ กลุ่มผู้ต้องหา ยังไม่ได้รับการประกันตัว ส่วนสำนวนคดี ก็จะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว คาดว่า จะสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จในการฝากขังผัดที่ 4
วานนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.โชคชัย นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความของญาตินายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ชายพิการ อายุ 36 ปี ผู้พิการที่เสียชีวิต พร้อมด้วยนางทองคำ ศรีจันทร์ อายุ 64 ปี มารดาของนายสมเกียรติ และนายเมธัส ผลประเสริฐ หลาชนาย เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.อลงกรณ์ ศิริสงคราม รอง ผกก. (สอบสวน) เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มต่อ น.ส.ณัฐณิชา ฤทธิ์ล้ำเลิศ อายุ 19 ปี ในข้อหาข่มขู่ พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดมามอบให้พนักงานสอบสวน
นายอนันตชัยกล่าวว่า ในวันนี้เดินทางมาเพื่อนำพยานหลักฐานมายืนยันให้การเอาผิดต่อกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมถึงแจ้งข้อหาข่มขู่ต่อ น.ส.ณัฐณิชา เนื่องจากภาพที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่า น.ส.ณัฐณิชา และ น.ส.เฟิร์น (ขอสสงวนชื่อ-สกุล) มีการพูดยุยงส่งเสริมให้กลุ่มผู้ต้องหารุมทำร้ายนายสมเกียรติ อีกทั้งในวันเกิดเหตุ น.ส.ณัฐณิชา และ น.ส.เฟิร์นได้เดินทางไปข่มขู่ ด่าทอ พูดจาหยาบคายกับทางญาตินายสมเกียรติที่โรงพยาบาลด้วย
ส่วนการตั้งข้อหาต่อ น.ส.เฟิร์นหรือไม่นั้น อยู่ในฐานะพยานในที่เกิดเหตุ ให้อยู่ในดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่าเข้าข่ายการกระทำความผิดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวมีทั้งหมด 8 ราย ทั้งนี้จะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ
นายอนันตชัยกล่าวว่า ตนยังได้ลำดับภาพถึงพฤติกรรมของกลุ่มผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิด พบว่ากลุ่มผู้ต้องหาได้โทรศัพท์เรียกพวก และมีการเตียมอาวุธมีดมาจากที่อื่น ซึ่งมีเวลากว่า 11 นาทีในการไตร่ตรอง ดังนั้นจึงสามารถตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ อย่างไรก็ตาม ตนยังคงเชื่อมั่นในการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โชคชัย หากยังไม่มีการดำเนินการแจ้งข้อหาก็จะดำเนินการทำเรื่องส่งไปยังกองบังคับการปราบปรามต่อไป
เนื่องจากข่าวดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ตนอย่างขอโทษจากใจที่ทำให้ตำรวจดีๆ หลายคนจะต้องมาพบเหตุการณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าตำรวจดีๆ ก็ยังคงมีอย่างแน่นอน และตนไม่ได้มีเจตนาที่จะกลั่นแกล้ง แต่ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่ปรากฏเท่านั้น
ด้านนายเมธัสกล่าวว่า ตนยืนยันว่าจะเอาผิดต่อผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าจะไม่มีการฌาปนกิจศพนายสมเกียรติจนกว่าจะคดีจะสิ้นสุด และกล่าวขอบคุณสื่อมวลชน ตำรวจ และสังคมที่ให้ความสนใจ
ส่วนนางทองคำกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนอยากให้ลูกได้รับความเป็นธรรม เหตุใดคนพิการคนเดียวถึงต้องทำกันขณะนี้ พร้อมทั้งยกมือไหว้
ด้าน พ.ต.ท.อลงกรณ์กล่าวว่า สำหรับกรณี น.ส.เฟิร์นนั้น จากการตรวจพบว่า น.ส.เฟิร์นได้อยู่ในที่เกิดเหตุจริง แต่ยังไม่มีพยานยืนยันว่า น.ส.เฟิร์นได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องไว้ก่อนที่จะนำเรียนผู้บังคับบัญชาและดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.ท.อลงกรณ์ เป็นตัวแทนรับหนังสือขอความเป็นธรรม จากนางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของ นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ หนุ่มพิการที่ถูกวัยรุ่นรุมทำร้ายจนเสียชีวิต พร้อมกล่าวต่อว่า เตรียมทำการสอบปากคำ พยาน รวม 4 ปาก คดีนี้ มีการทำงานในรูปแบบของคณะทำงาน โดยมี พ.ต.อ. ทวีรัชต์ ศรีธวัขพงศ์ รอง ผบก. น. 4 เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน พร้อมส่ง ผกก.อีก 2 นาย ใน บกน. 4 มาร่วมสอบสวน และคณะทำงานของสน. โชคชัย โดยมี พ.ต.อ. ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก. สน. โชคชัย และตนร่วมสอบสวนด้วย ส่วน คดีนี้ กลุ่มผู้ต้องหา ยังไม่ได้รับการประกันตัว ส่วนสำนวนคดี ก็จะเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว คาดว่า จะสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จในการฝากขังผัดที่ 4