xs
xsm
sm
md
lg

'สนธิ'ชี้รธน.ยังอยู่ใต้กลุ่มทุน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-“ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ” บรรยายพิเศษบุคลากร ม.รังสิต ชี้รัฐธรรมนูญไม่ว่ายุคไหนก็เป็นเพียงกรอบของทุน ไม่เคยร่างเพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม ไม่เคยเกิดประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ ไม่มีรัฐบาลไหนปกป้องประชาชนจากทุน ระบุโครงการประชารัฐสุดอำมหิตให้ลูกเจ้าสัวไปช่วยสตาร์ทอัพ เชื่อสุดท้ายก็ฮุบ เตือนเช่าที่ 99 ปีเกิดปัญหา ระบุปัญหาชาติอยู่ที่องค์ความรู้ ติงส่งเสริมข้าราชการมีอำนาจ แนะอย่าหลุดเข้าวัฏจักรแห่งกิเลส "นายกฯ"โต้ "สนธิ" วิจารณ์โครงการประชารัฐ มั่นใจเดินถูกทาง โวฉลาดพอที่จะไม่ปล่อยให้ถูกกลุ่มนายทุนฮุบ

วานนี้ (3 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยรังสิต นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ บรรยายพิเศษในงานประชุมบุคลากรของมหาวิทยาลัยถึงทศวรรษที่ 4 ของมหาวิทยาลัยรังสิตกับการปฏิรูปการเรียนการสอน ในหัวข้อ " ข้อควรคิดถ้าประเทศไทยจะเดินหน้าต่อไป " โดยกล่าวว่า กติกาใหม่ของโลกมี 4 ข้อที่จะเกิดขึ้น 1. การก้าวข้ามวัฒนธรรม 2. ความหลากหลาย ที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลก 3. เครือข่าย ซึ่งก็มีทั้งเพื่อทำประโยชน์ และหาประโยชน์ เช่น หลักสูตรบางองค์กรของรัฐ และ 4. การพึ่งพากันและกัน

นายสนธิกล่าวว่า รัฐธรรมนูญไม่ว่าจะยุคไหนก็ตาม เป็นเพียงแค่กรอบที่ตั้งเอาไว้ตามรัฐบาลที่เกิดขึ้น เพราะสาระในกรอบนั้นคือทุนที่ผูกขาด กรณีเผาป่าก็ไม่มีรัฐบาลชุดไหนสามารถจัดการได้ เพราะมีกลุ่มทุนอยู่เบื้องหลัง อย่างคำว่าการค้าเสรีก็เป็นเพียงแค่ในกลุ่มทุน เพื่อความสามารถในการฉกฉวยผลประโยชน์ให้แก่ตนเองให้มากที่สุด ไม่เคยมีใครมาบอกให้เราลดค่าใช้จ่าย มีเพียงแต่พยายามให้เราจับจ่าย จึงไม่น่าประหลาดใจที่หนี้สินครัวเรือนเยอะ และก็ไม่มีรัฐบาลไหนปกป้องประชาชนจากทุน ปัญหาหนี้นอกระบบที่มีส่วนมากเป็นคนที่อยู่ในโรงงานแต่รัฐบาลไม่เคยมีข้อมูล

นายสนธิกล่าวต่อว่า แผนการที่ลึกซึ้งและอำมหิตที่สุดคือโครงการประชารัฐ ที่ให้ลูกเจ้าสัวลงไปช่วยธุรกิจระดับล่าง แต่สุดท้ายก็เป็นการผ่องถ่ายการผูกขาดธุรกิจจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก เพราะเมื่อใดก็ตามที่คนรวยเข้าหุ้นกับคุณไม่นานมันก็จะเป็นเจ้าของธุรกิจคุณ ไม่มีวันที่จะให้เจริญเติบโตต่อไป ตนไม่เคยเชื่อว่าคนรวยจะช่วยคนจนจริง หรือไม่ต้องการอะไร ตนเข็ดจากคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว ที่บอกรวยแล้วไม่ต้องการอะไร ก็ใช่เขาไม่ต้องการอะไร แต่ต้องการทั้งหมด อย่างการให้เช่าที่ดิน 99 ปี ปัญหาที่จะเกิดขึ้นทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และที่ทำกิน สื่อมวลชนไทยก็เป็นทาสกลุ่มทุน ซึ่งต่างกับตะวันตกที่ยังคงจริยธรรมอยู่ ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยไม่ใช่เรื่องความมั่งคั่ง แต่เป็นปัญหาเรื่ององค์ความรู้ที่แตกต่าง ที่ทำให้คนที่มีความรู้ ความเข้าใจ รู้จักแก้ปัญหา และรู้จักที่จะใช้ประโยชน์หาประโยชน์จากเทคโนโลยี รวยขึ้น รัฐบาลจึงต้องมีหน้าที่ที่จะทำให้ช่องว่างมันแคบลง นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครคิด คิดแต่จะแจกเงินเพื่อก่อให้เกิดหนี้

“เราวันนี้มานั่งทะเลาะกันเรื่องเสรีภาพในรัฐธรรมนูญ มานั่งทะเลาะกันเรื่องใครจะเป็นนายกฯ ผิดประเด็นหมด ทำไมเราไม่นั่งทะเลาะกันเรื่องทุนผูกขาด ไม่นั่งทะเลาะกันว่าทำยังไงที่ทำให้คนมีองค์ความรู้มากขึ้น ทำไมไม่นั่งทะเลาะกันเพื่อให้ลูกหลานของเรามีโอกาสลืมตาอ้าปากจมูกเหนือน้ำได้เกิดขึ้นมา ทำไมไม่ทะเลาะกันว่าทำอย่างไรถึงจะให้ลูกหลานพวกเรามีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพในราคาที่มีเหตุผล นั่นคือคุณค่าชีวิต นั่นคือสิ่งที่เราควรทำ” นายสนธิกล่าว

นายสนธิกล่าวอีกว่า นอกจากนี้รัฐธรรมนูญทุกฉบับไม่เคยมีการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อความเท่าเทียมกันในสังคม มีแต่คำพูดทุกคนเกิดมามีสิทธิเท่าเทียมกันหมด แต่ว่าประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจไม่เคยเกิดขึ้น แล้วคนที่ออกมาโต้เถียงก็ไม่สนใจในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว วันนี้เรากำลังเจอผู้ปกครองที่ส่งเสริมให้ข้าราชการมีอำนาจ หัวต่างๆ ของหน่วยงานคือยอดฝีมือแห่งการสอพลอ ความคิดนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทุกวันนี้ประเทศไทยใช้กิเลสนำหน้า อยากได้ อยากมี อยากเป็น ถ้าเราจะเดินหน้าต่อไปต้องอย่าเข้าไปในวัฏจักร

***"นายกฯ"โต้ "สนธิ" วิจารณ์โครงการประชารัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวว่า ตนไม่สนใจ เพราะทำในสิ่งที่ดี คนที่พูดแล้วไม่ได้ทำ ก็ลองมาทำดูเองบ้าง และทำให้ได้อย่างตน ทุกคนที่ออกมาพูดถ้าไม่เคยทำ ได้แต่คิดและพูดมันง่ายเกินไป เพราะคนพูดไม่ได้เจอปัญหา มีแต่สร้างปัญหาความขัดแย้ง

"ผมยังไม่ก้าวก่ายงานของท่านเลย ยังเคยบอกหนังสือพิมพ์ หรืออะไรของท่านเขียนในเชิงสร้างความขัดแย้ง ยังไม่เคยว่าเลย ฉะนั้นอย่ามายุ่งกับผม แม้แต่คนที่มาช่วยโครงการสตาร์ทอัพ เขาจะมาฮุบอย่างไร บอกวิธีการฮุบมาสิ ผมจะไม่ฉลาดพอที่จะให้เขาฮุบเหรอ เขามาช่วยขับเคลื่อน ร่วมตั้งบริษัท และมีผลกำไรหรือเปล่า ผลกำไรอยู่ที่ไหน ดูตรงนี้ โครงการประชารัฐไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่ หรืออย่างไรนั้น เพื่อเอาประโยชน์มาสู่ประชาชน เพราะประชาชนเป็นหุ้นส่วนใหญ่ เงินที่ได้กลับมา ไม่ได้แบ่งปันผลประโยชน์ แต่เอามาเป็นค่าแรง ค่าจ้างเจ้าหน้าที่ ที่เหลือผลักเข้าสู่กองทุน นำไปใช้ขยายที่อื่น มันผิดตรงไหน"

เมื่อถามว่า นายกฯยังมั่นใจว่านโยบายนี้เป็นสิ่งที่ดี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ไม่มั่นใจจะทำทำไม เคยเข้าใจคำว่า โซเชี่ยล บิซิเนสหรือไม่ ถ้าไม่เข้าใจก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ธุรกิจเพื่อสังคมไปเปิดเว็บ เปิดยูทูปดู เขาทำอย่างไรกันมา ถ้าไม่ดูตรงนี้ก็คุยกันคนละเรื่อง สตาร์ทอัพมันจะเสียหายตรงไหน ในเมื่อเป็นการเอาเอสเอ็มอีรุ่นเก่า รุ่นใหม่มา ซึ่งรุ่นเก่าได้ให้ทุนไปแล้ว พอไม่ให้ทุน ก็หาว่าไม่จริงจัง ไม่ดูแลเอสเอ็มอี แต่ให้ไปก็บอกว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน เป็นเอ็นพีแอล ซึ่งประเทศไทยมีเอสเอ็มอีกว่าร้อยละ 90 จำนวน 2.6 ล้านราย และสตาร์ทอัพ ก็คือเอสเอ็มอีขนาดเล็ก เป็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ เป็นการให้การบริการใช้สมองคิดออกมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น