พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรเปิดเผยว่ารัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการโอทอปวิสาหกิจชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานราก กระตุ้นการสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศ ภายใต้โครงการยกระดับโอทอปด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้วยการมอบ“คูปองวิทย์เพื่อโอทอป”สนับสนุนเงินทุน และองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการโอทอปทั่วประเทศ
" คูปองวิทย์ฯ จะครอบคลุมการให้บริการ 6 เรื่อง คือ พัฒนาคุณภาพวัตถุดิบ ออกแบบกระบวนการผลิต ออกแบบเครื่องจักร ออกแบบบรรจุภัณฑ์ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พัฒนาระบบมาตรฐาน สำหรับ 1 ) ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการโอทอปที่เพิ่งเริ่มต้น เช่น ประชาชนทั่วไป กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนโอทอป 2) ผู้ประกอบการโอทอปที่ขึ้นทะเบียนแล้ว และ 3) ผู้ประกอบการโอทอปที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน และต้องการเพิ่มศักยภาพ โดยผู้ที่จะขอรับคูปองวิทย์ฯได้ จะต้องนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้ในการยกระดับหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป และผลิตภัณฑ์นั้นต้องแสดงออกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น เน้นการนำวัตถุดิบในพื้นที่มาใช้ หรือก่อให้เกิดการจ้างงานในชุมชน"
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่มีองค์ความรู้ อย่างเช่น กระทรวงวิทย์ ฯ เข้ามาช่วยผู้ประกอบการพัฒนารูปแบบและคุณภาพของสินค้า เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสินค้าท้องถิ่น ให้สามารถแข่งขันได้ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดโลก โดยรัฐบาลเริ่มมอบคูปองวิทย์ มาตั้งแต่ ม.ค.59 และคาดว่าในปี 60 จะสามารถสร้างผู้ประกอบการโอทอปใหม่นี้ 330 ราย มีผลิตภัณฑ์โอทอป ที่ได้รับการยกระดับมาตรฐาน 620 ผลิตภัณฑ์ เกิดโอทอประดับ SMEs 105 ราย และส่งออก 20 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากประมาณ 5,000 ล้านบาท ต่อปี
" ท่านนายกฯ กำชับให้ วท.ไปดูแลเรื่องการต่อยอด สนับสนุนผู้ประกอบการหลังจากได้รับเงินทุน หรือองค์ความรู้จากคูปองวิทย์ฯ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ผู้ประกอบการและชุมชน สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง โดยเชื่อมโยงกับโครงการอื่นที่ วท. หรือหน่วยงานอื่นมีอยู่ เช่น สนับสนุนเงินทุนให้เปล่าเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม วางจำหน่ายสินค้าในร้านประชารัฐสุขใจ Shop หรือ ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไปขายยังตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ การสนับสนุนคูปองวิทย์ฯ จะให้เป็นเงินทุน 3แสน–5แสนบาท/ปี/ราย ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ หรือการจ้างงาน โดยผู้ประกอบการ อาจร่วมลงทุนได้ทั้งในรูปของตัวเงินหรือไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อเสริมให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ประชาชนสามารถติดต่อขอรับคูปองได้ที่หน่วยงานภายใต้ วท. ทุกหน่วยงาน หรือโทร. สายด่วน 1313 " พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
" คูปองวิทย์ฯ จะครอบคลุมการให้บริการ 6 เรื่อง คือ พัฒนาคุณภาพวัตถุดิบ ออกแบบกระบวนการผลิต ออกแบบเครื่องจักร ออกแบบบรรจุภัณฑ์ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ พัฒนาระบบมาตรฐาน สำหรับ 1 ) ผู้ผลิตหรือผู้ประกอบการโอทอปที่เพิ่งเริ่มต้น เช่น ประชาชนทั่วไป กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนโอทอป 2) ผู้ประกอบการโอทอปที่ขึ้นทะเบียนแล้ว และ 3) ผู้ประกอบการโอทอปที่เป็นบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน และต้องการเพิ่มศักยภาพ โดยผู้ที่จะขอรับคูปองวิทย์ฯได้ จะต้องนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ไปใช้ในการยกระดับหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์โอทอป และผลิตภัณฑ์นั้นต้องแสดงออกถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น เน้นการนำวัตถุดิบในพื้นที่มาใช้ หรือก่อให้เกิดการจ้างงานในชุมชน"
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่มีองค์ความรู้ อย่างเช่น กระทรวงวิทย์ ฯ เข้ามาช่วยผู้ประกอบการพัฒนารูปแบบและคุณภาพของสินค้า เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของสินค้าท้องถิ่น ให้สามารถแข่งขันได้ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดโลก โดยรัฐบาลเริ่มมอบคูปองวิทย์ มาตั้งแต่ ม.ค.59 และคาดว่าในปี 60 จะสามารถสร้างผู้ประกอบการโอทอปใหม่นี้ 330 ราย มีผลิตภัณฑ์โอทอป ที่ได้รับการยกระดับมาตรฐาน 620 ผลิตภัณฑ์ เกิดโอทอประดับ SMEs 105 ราย และส่งออก 20 ราย ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับฐานรากประมาณ 5,000 ล้านบาท ต่อปี
" ท่านนายกฯ กำชับให้ วท.ไปดูแลเรื่องการต่อยอด สนับสนุนผู้ประกอบการหลังจากได้รับเงินทุน หรือองค์ความรู้จากคูปองวิทย์ฯ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ผู้ประกอบการและชุมชน สามารถยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง โดยเชื่อมโยงกับโครงการอื่นที่ วท. หรือหน่วยงานอื่นมีอยู่ เช่น สนับสนุนเงินทุนให้เปล่าเครือข่ายวิสาหกิจนวัตกรรม วางจำหน่ายสินค้าในร้านประชารัฐสุขใจ Shop หรือ ส่งเสริมการส่งออกสินค้าไปขายยังตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ การสนับสนุนคูปองวิทย์ฯ จะให้เป็นเงินทุน 3แสน–5แสนบาท/ปี/ราย ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ หรือการจ้างงาน โดยผู้ประกอบการ อาจร่วมลงทุนได้ทั้งในรูปของตัวเงินหรือไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อเสริมให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น ประชาชนสามารถติดต่อขอรับคูปองได้ที่หน่วยงานภายใต้ วท. ทุกหน่วยงาน หรือโทร. สายด่วน 1313 " พล.ต.สรรเสริญ กล่าว