ผู้จัดการรายวัน 360 - “ศานิตย์” ลุย สน.ทองหล่อตามคดี “ทายาทกระทิงแดง” ขับรถชน “ดาบวิเชียร” ดับ เผยคืบหน้าไปมาก แต่ต้องสอบพยานเพิ่ม ขณะที่ “ภรรยานายดาบเหยื่อซิ่ง” เปิดใจยังไม่ได้รับเงินค่าชดเชย-ติดใจเรื่องคดีความอยู่ ด้าน ป.ป.ท. ส่งหนังสือถึง สน.ทองหล่อ จี้สาเหตุคดีล่าช้า สภ.พระอินทร์ราชาโดนด้วย ด้าน ผบช.ภ.1 เผยสำนวน “เสี่ยตีนผี” คืบ 80% ส่งอัยการได้ เม.ย.นี้ จ่อปันวินัย ผกก.-รอง ผกก.
จากกรณีที่ นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ เสียชีวิตเหตุเกิดปี 2555 แต่พนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีปล่อยให้ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ที่ยื่นฟ้องดำเนินคดี ทายาทกระทิงแดงขาดอายุความ จนเกิดเป็นข้อครหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วานนี้ (31 มี.ค.) ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน (รรท.) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เดินทางมาตรวจดูความคืบหน้าการทำสำนวนคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งได้เรียก พ.ต.อ.ขจรพงษ์ จิตค์ภาคภูมิ ผู้กำกับ (ผกก.) สน.ทองหล่อ และพ.ต.ท.ศราวุทฒเดชศรี สารวัตรสอบสวน สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้ทำคดีดังกล่าว เข้าร่วมประชุม
และเมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.นงนุช แสงประพาฬ ภรรยาของ ด.ต.วิเชียร เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมโดย พล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง ใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น น.ส.นงนุช เดินทางกลับโดยให้สัมภาษณ์สั้นๆถึงเรื่องเงินชดเชยว่า "ยังไม่ได้รับเงินชดเชย" และเมื่อถามว่าติดใจในคดีดังกล่าวหรือไม่ ตอบเพียงว่า “ติดใจ แต่ขอไม่พูดอะไร" ก่อนเดินทางกลับ
** น.1ลั่นคนทำผิดรวยล้นฟ้าก็ไม่รอด
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติม ทั้งนี้ขอยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและจะเร่งรัดดำเนินคดีให้เสร็จโดยเร็ว ใครที่ทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ถูกลงโทษ กฎหมายมีไว้ใช้เพื่อคุ้มครองคนดี ซึ่งคนดีในที่นี้คือคนที่ไม่ทำผิดกฎหมาย แม้ยากจน ไม่มีเงิน ก็ต้องได้รับการคุ้มครอง รวมทั้งลงโทษผู้ทำไม่ดีหรือทำผิด ไม่ว่าจะมีเงินล้นฟ้าก็ซื้ออิสรภาพไม่ได้
“ผมทำงานเป็นพนักงานสอบสวนตั้งแต่ ร.ต.ต. ไม่ใช่ พล.ต.ท.โครงการสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์คือหลักประกันในเรื่องของการอำนวยความยุติธรรม ใน บช.น.มีใครกล้าบิดเบือนข้อเท็จจริงบ้าง หรือมีใครหาผลประโยชน์จากการทำสำนวน ถ้ามีช่วยบอกด้วย ขอให้พี่น้อง ไม่ต้องกังวล รายละเอียดในทางคดีปล่อยให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการไป" พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนทั้งหมดยังอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า บางคนกระจัดกระจายไปแล้ว ส่วน บช.น.ตนสอบในเรื่องข้อเท็จจริง ในส่วนพื้นที่ บช.น.ตนดำเนินการเอง ถ้านอกพื้นที่ บช.น.ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการ ยืนยันว่า เรายึดหลักการความถูกต้องมาก่อนถูกใจ ไม่ได้คิดเจตนาที่จะเอาผิดอะไรกับใคร แต่ทำเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเท่านั้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจในการทำงานของตำรวจไทยต่อไป
** แจงข้อหา “เมาหลังขับ” แค่สื่อสารผิด
ขณะที่ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก สตช. เปิดเผยว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นกล่าวหานายวรยุทธ ทั้งหมด 4 ข้อกล่าวหา สั่งฟ้อง 2 ข้อหา คือขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถช่วยเหลือผู้ถูกชน และพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง 2 ข้อหา คือขับรถเร็วและเมาแล้วขับ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ สำนวนนี้สรุปส่งให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอน ต่อไปต้องรอให้พนักงานอัยการพิจารณาว่ามีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในกรณีที่ 1 ถ้ามีความเห็นสั่งฟ้องต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวนายวรยุทธ มาฟ้องต่อศาล กรณีที่ 2 ถ้าไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหาได้ ต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวต่อว่า ประเด็น ที่ประชาชนอาจจะสับสนว่าการดำเนินคดี มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด เรื่องนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ ชี้แจงไปหมดแล้ว แต่จะมีบางประเด็นที่ต้องสอบสวนต่อ คือพนักงานสอบสวนมีความบกพร่องในการดำเนินคดีหรือไม่อย่างไร ส่วนกรณีข้อสงสัย ว่ามีการวิ่งเต้นจนหลุดคดีนั้นกำลังตรวจสอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ประวิงเวลา สำหรับข้อหา เมาหลังขับ ยืนยันว่า ไม่มีในข้อกฎหมาย เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด
** ป.ป.ท.บี้ ตร.บกพร่องคดีคนรวย
อีกด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ป.ป.ท.ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 69/2558 ในเรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบ ทำหนังสือไปยัง สน.ทองหล่อ สอบถามข้อเท็จจริงในคดีนายวรยุทธ ทายาทเจ้าของกระทิงแดง ก่อเหตุขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 ทั้งนี้เพื่อการสอบถามข้อเท็จจริงการทำคดีว่า มีพนักงานสอบสวนบุคคลใดบ้างรับผิดชอบ เนื่องจากสังคมมีข้อสงสัย และเคลือบแคลงใจว่าคดีมีข้อบกพร่องในการทำคดีหรือไม่อย่างไร ดังนั้น ป.ป.ท.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ จึงต้องการทราบในรายละเอียดข้อเท็จจริง
นายประยงค์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ท.ก็ได้ทำหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงไปยังสถานีตำรวจภูธร (สภ.) พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากประชาชนมีข้อสงสัยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดี นายเจนภพ วีรพร ขับรถเบนซ์พุ่งชน 2 นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาเช่นกัน
** เผยสำนวน “เสี่ยตีนผี” คืบ 80%
ขณะที่ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีของนายเจนภพว่า สำนวนคดีขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานในคดี ไปกว่า 30 ปาก ยืนยันไม่หนักใจในการดำเนินคดี และมั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ตนได้กำชับการดำเนินการทุกฝ่ายไปแล้ว เนื่องจากคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน และทางนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการลงมาและอยากให้คดีดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่าง
พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลการสอบสวน พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง รอง ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา ที่ถูกโยกย้ายให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 นั้น ในเบื้องต้น พบความบกพร่องในหน้าที่ กรณีการรับดำเนินคดีล่าช้า และการกำกับดูแลใส่ใจการปฏิบัติหน้าที่และผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีนี้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ระหว่างทำรายงานการสอบสวนเพื่อเสนอมายังตน พิจารณาข้อเท็จจริงลงโทษทางวินัย และทางปกครอง แต่ไม่มีการลงโทษทางอาญา ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทั้ง 2 นายด้วย.
จากกรณีที่ นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ พุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ เสียชีวิตเหตุเกิดปี 2555 แต่พนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีปล่อยให้ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ที่ยื่นฟ้องดำเนินคดี ทายาทกระทิงแดงขาดอายุความ จนเกิดเป็นข้อครหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมในการลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมาย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วานนี้ (31 มี.ค.) ที่ สน.ทองหล่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทน (รรท.) ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เดินทางมาตรวจดูความคืบหน้าการทำสำนวนคดีดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมทั้งได้เรียก พ.ต.อ.ขจรพงษ์ จิตค์ภาคภูมิ ผู้กำกับ (ผกก.) สน.ทองหล่อ และพ.ต.ท.ศราวุทฒเดชศรี สารวัตรสอบสวน สน.ทองหล่อ และพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้ทำคดีดังกล่าว เข้าร่วมประชุม
และเมื่อเวลา 13.30 น. น.ส.นงนุช แสงประพาฬ ภรรยาของ ด.ต.วิเชียร เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมโดย พล.ต.ท.ศานิตย์ เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง ใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้น น.ส.นงนุช เดินทางกลับโดยให้สัมภาษณ์สั้นๆถึงเรื่องเงินชดเชยว่า "ยังไม่ได้รับเงินชดเชย" และเมื่อถามว่าติดใจในคดีดังกล่าวหรือไม่ ตอบเพียงว่า “ติดใจ แต่ขอไม่พูดอะไร" ก่อนเดินทางกลับ
** น.1ลั่นคนทำผิดรวยล้นฟ้าก็ไม่รอด
ขณะที่ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้คดีคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติม ทั้งนี้ขอยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและจะเร่งรัดดำเนินคดีให้เสร็จโดยเร็ว ใครที่ทำผิดก็ต้องถูกดำเนินคดี ถูกลงโทษ กฎหมายมีไว้ใช้เพื่อคุ้มครองคนดี ซึ่งคนดีในที่นี้คือคนที่ไม่ทำผิดกฎหมาย แม้ยากจน ไม่มีเงิน ก็ต้องได้รับการคุ้มครอง รวมทั้งลงโทษผู้ทำไม่ดีหรือทำผิด ไม่ว่าจะมีเงินล้นฟ้าก็ซื้ออิสรภาพไม่ได้
“ผมทำงานเป็นพนักงานสอบสวนตั้งแต่ ร.ต.ต. ไม่ใช่ พล.ต.ท.โครงการสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์คือหลักประกันในเรื่องของการอำนวยความยุติธรรม ใน บช.น.มีใครกล้าบิดเบือนข้อเท็จจริงบ้าง หรือมีใครหาผลประโยชน์จากการทำสำนวน ถ้ามีช่วยบอกด้วย ขอให้พี่น้อง ไม่ต้องกังวล รายละเอียดในทางคดีปล่อยให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการไป" พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พนักงานสอบสวนทั้งหมดยังอยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า บางคนกระจัดกระจายไปแล้ว ส่วน บช.น.ตนสอบในเรื่องข้อเท็จจริง ในส่วนพื้นที่ บช.น.ตนดำเนินการเอง ถ้านอกพื้นที่ บช.น.ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ดำเนินการ ยืนยันว่า เรายึดหลักการความถูกต้องมาก่อนถูกใจ ไม่ได้คิดเจตนาที่จะเอาผิดอะไรกับใคร แต่ทำเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมเท่านั้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจในการทำงานของตำรวจไทยต่อไป
** แจงข้อหา “เมาหลังขับ” แค่สื่อสารผิด
ขณะที่ พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษก สตช. เปิดเผยว่า สำนักงานอัยการสูงสุด ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นกล่าวหานายวรยุทธ ทั้งหมด 4 ข้อกล่าวหา สั่งฟ้อง 2 ข้อหา คือขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และไม่หยุดรถช่วยเหลือผู้ถูกชน และพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง 2 ข้อหา คือขับรถเร็วและเมาแล้วขับ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ สำนวนนี้สรุปส่งให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอน ต่อไปต้องรอให้พนักงานอัยการพิจารณาว่ามีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ในกรณีที่ 1 ถ้ามีความเห็นสั่งฟ้องต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวนายวรยุทธ มาฟ้องต่อศาล กรณีที่ 2 ถ้าไม่สามารถติดตามตัวผู้ต้องหาได้ ต้องขออนุมัติศาลออกหมายจับ
พล.ต.ต.ทรงพลกล่าวต่อว่า ประเด็น ที่ประชาชนอาจจะสับสนว่าการดำเนินคดี มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด เรื่องนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ ชี้แจงไปหมดแล้ว แต่จะมีบางประเด็นที่ต้องสอบสวนต่อ คือพนักงานสอบสวนมีความบกพร่องในการดำเนินคดีหรือไม่อย่างไร ส่วนกรณีข้อสงสัย ว่ามีการวิ่งเต้นจนหลุดคดีนั้นกำลังตรวจสอบ ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ประวิงเวลา สำหรับข้อหา เมาหลังขับ ยืนยันว่า ไม่มีในข้อกฎหมาย เป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด
** ป.ป.ท.บี้ ตร.บกพร่องคดีคนรวย
อีกด้าน นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ป.ป.ท.ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 69/2558 ในเรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบ ทำหนังสือไปยัง สน.ทองหล่อ สอบถามข้อเท็จจริงในคดีนายวรยุทธ ทายาทเจ้าของกระทิงแดง ก่อเหตุขับรถพุ่งชน ด.ต.วิเชียร เสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 ทั้งนี้เพื่อการสอบถามข้อเท็จจริงการทำคดีว่า มีพนักงานสอบสวนบุคคลใดบ้างรับผิดชอบ เนื่องจากสังคมมีข้อสงสัย และเคลือบแคลงใจว่าคดีมีข้อบกพร่องในการทำคดีหรือไม่อย่างไร ดังนั้น ป.ป.ท.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ จึงต้องการทราบในรายละเอียดข้อเท็จจริง
นายประยงค์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ท.ก็ได้ทำหนังสือสอบถามข้อเท็จจริงไปยังสถานีตำรวจภูธร (สภ.) พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากประชาชนมีข้อสงสัยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดี นายเจนภพ วีรพร ขับรถเบนซ์พุ่งชน 2 นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมาเช่นกัน
** เผยสำนวน “เสี่ยตีนผี” คืบ 80%
ขณะที่ พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีของนายเจนภพว่า สำนวนคดีขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 80% แล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานในคดี ไปกว่า 30 ปาก ยืนยันไม่หนักใจในการดำเนินคดี และมั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ ตนได้กำชับการดำเนินการทุกฝ่ายไปแล้ว เนื่องจากคดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน และทางนายกรัฐมนตรี รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการลงมาและอยากให้คดีดังกล่าวเป็นกรณีตัวอย่าง
พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนผลการสอบสวน พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง รอง ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา ที่ถูกโยกย้ายให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 1 นั้น ในเบื้องต้น พบความบกพร่องในหน้าที่ กรณีการรับดำเนินคดีล่าช้า และการกำกับดูแลใส่ใจการปฏิบัติหน้าที่และผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งกรณีนี้ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ระหว่างทำรายงานการสอบสวนเพื่อเสนอมายังตน พิจารณาข้อเท็จจริงลงโทษทางวินัย และทางปกครอง แต่ไม่มีการลงโทษทางอาญา ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับตำรวจทั้ง 2 นายด้วย.