วานนี้ (31 มี.ค.) ร.อ.ทินพันธุ์ นาคาตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) พร้อมด้วยนายอลงกรณ์ พลบุตร และน.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท. และทีมโฆษกสปท. ร่วมพบปะสื่อมวลชนเพื่อพูดคุยคุยถึงผลงานของ สปท.ในรอบ 6 เดือน
ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวว่า เป็นเวลา 6 เดือน ที่สปท.ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องที่เร่งด่วนที่เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว 5 เรื่อง เช่น การจัดตั้งศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งครม.มีมติเมื่อ วันที่ 22 ธ.ค.58 และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. คาดว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้ จะสามารถออกเป็นกฎหมายได้
ทั้งนี้ ทางสปท. กำลังจะปรับแผนเรื่องโรดแมป เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับงานปฏิรูปใหม่ในรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 7 เม.ย.นี้ พร้อมกับจะมีการจัดประชุมสัมมนานอกสถานที่ ในวันที่ 29-30 เม.ย. เพื่อระดมสมองการทำงานช่วงที่เหลืออยู่ของ สปท.
นายอลงกรณ์ กล่าวถึงการปรับการทำงานของสปท. ตามร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นไปตามเทคนิคของการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อสปท. เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเก่า การที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ต้องสิ้นสภาพไปตามรัฐธรรมนูญใหม่อยู่แล้ว โดยมีการกำหนดแผน และขั้นตอนการปฏิรูปไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกับกำหนดองค์กรใหม่ขึ้นมาเพื่อสานงานปฏิรูปแล้ว ซึ่งระยะเวลาที่เหลืออยู่ 120 วัน ก็เพื่อเชื่อมต่อการทำงานระหว่างกันเท่านั้น มิใช่เป็นการปรับการทำงานที่มีเหตุผลมาจากความขัดแย้งกับ กรธ. สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคำพูดของกรธ. คนบาง ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่สปท. ยืนยันว่า ระหว่าง กรธ.กับ สปท. ไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิป สปท.แถลงว่า ที่ประชุมวิป มีมติเกี่ยวกับการเสนอความเห็นของสปท. ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อประกอบการพิจารณาในการตั้งคำถามประชามติ ดังนี้
1. ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นส่วนรวม 2. ควรเป็นประเด็นคำถามที่เกี่ยวกับการบริหารประเทศ หรือ มีผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศ 3. ควรเป็นคำถามที่สามารถนำความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศ เข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ด้วยความสงบเรียบร้อย 4. ควรเป็นคำถามที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การกำหนดทิศทางของประเทศ หรือ การบริหารประเทศได้ และ 5. ควรเป็นคำถามที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ เพื่อเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาของประเทศ
ทั้งนี้ สปท.ได้เปิดให้สมาชิกเสนอญัตติคำถาม เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา โดยขณะนี้มีผู้เสนอมาแล้ว 2 ญัตติ โดยเป็นญัตติของ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช และ นายวันชัย สอนศิริ สปท. ซึ่งคาดว่าจะมีสมาชิกคนอื่นเสนอญัตติเข้ามาอีก โดยจะมีการพิจารณาในการประชุม สปท. วันที่ 1 เม.ย. เวลา 14.00 น. เมื่อสมาชิกได้อภิปรายในประเด็นต่าง ๆ แล้ว หากเห็นว่าประเด็นคำถามใดควรจะเสนอต่อสนช.ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบเป็นมติจากที่ประชุม ซึ่งสปท.จะเสนอคำถามกี่คำถามก็ได้ เพื่อให้ สนช.พิจารณา หรือ ที่ประชุมอาจจะมีมติว่าไม่ต้องเสนอคำถามก็ได้
ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวว่า เป็นเวลา 6 เดือน ที่สปท.ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องที่เร่งด่วนที่เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้ว 5 เรื่อง เช่น การจัดตั้งศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งครม.มีมติเมื่อ วันที่ 22 ธ.ค.58 และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนช. คาดว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้ จะสามารถออกเป็นกฎหมายได้
ทั้งนี้ ทางสปท. กำลังจะปรับแผนเรื่องโรดแมป เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานกับหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวกับงานปฏิรูปใหม่ในรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันที่ 7 เม.ย.นี้ พร้อมกับจะมีการจัดประชุมสัมมนานอกสถานที่ ในวันที่ 29-30 เม.ย. เพื่อระดมสมองการทำงานช่วงที่เหลืออยู่ของ สปท.
นายอลงกรณ์ กล่าวถึงการปรับการทำงานของสปท. ตามร่างรัฐธรรมนูญ ว่า เป็นไปตามเทคนิคของการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อสปท. เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญเก่า การที่จะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ต้องสิ้นสภาพไปตามรัฐธรรมนูญใหม่อยู่แล้ว โดยมีการกำหนดแผน และขั้นตอนการปฏิรูปไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมกับกำหนดองค์กรใหม่ขึ้นมาเพื่อสานงานปฏิรูปแล้ว ซึ่งระยะเวลาที่เหลืออยู่ 120 วัน ก็เพื่อเชื่อมต่อการทำงานระหว่างกันเท่านั้น มิใช่เป็นการปรับการทำงานที่มีเหตุผลมาจากความขัดแย้งกับ กรธ. สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงคำพูดของกรธ. คนบาง ที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่สปท. ยืนยันว่า ระหว่าง กรธ.กับ สปท. ไม่ได้มีปัญหากันแต่อย่างใด
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกวิป สปท.แถลงว่า ที่ประชุมวิป มีมติเกี่ยวกับการเสนอความเห็นของสปท. ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อประกอบการพิจารณาในการตั้งคำถามประชามติ ดังนี้
1. ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นส่วนรวม 2. ควรเป็นประเด็นคำถามที่เกี่ยวกับการบริหารประเทศ หรือ มีผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศ 3. ควรเป็นคำถามที่สามารถนำความเห็นส่วนใหญ่ของประชาชนในประเทศ เข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศ เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ ด้วยความสงบเรียบร้อย 4. ควรเป็นคำถามที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การกำหนดทิศทางของประเทศ หรือ การบริหารประเทศได้ และ 5. ควรเป็นคำถามที่ร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ เพื่อเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหาของประเทศ
ทั้งนี้ สปท.ได้เปิดให้สมาชิกเสนอญัตติคำถาม เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา โดยขณะนี้มีผู้เสนอมาแล้ว 2 ญัตติ โดยเป็นญัตติของ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช และ นายวันชัย สอนศิริ สปท. ซึ่งคาดว่าจะมีสมาชิกคนอื่นเสนอญัตติเข้ามาอีก โดยจะมีการพิจารณาในการประชุม สปท. วันที่ 1 เม.ย. เวลา 14.00 น. เมื่อสมาชิกได้อภิปรายในประเด็นต่าง ๆ แล้ว หากเห็นว่าประเด็นคำถามใดควรจะเสนอต่อสนช.ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบเป็นมติจากที่ประชุม ซึ่งสปท.จะเสนอคำถามกี่คำถามก็ได้ เพื่อให้ สนช.พิจารณา หรือ ที่ประชุมอาจจะมีมติว่าไม่ต้องเสนอคำถามก็ได้
