พล.อ.จิระ โกมุทพงศ์ โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงความคืบหน้าการทำงานของกมธ.ว่า การจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560-2564) นั้นกมธ.พบปัญหาสำคัญที่ทำให้แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติฉบับที่ผ่านมาไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เพราะประสบปัญหาการขาดความเชื่อมโยงกับหน่วยงานที่ปฏิบัติ คือ กรมพลศึกษา และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) โดย 2 หน่วยงานดังกล่าวได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ขึ้นเพื่อปฏิบัติงาน แต่ขาดความเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนแม่บท จึงส่งผลให้แผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ไม่สามารถเชื่อมโยงไปสู่ภาคปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น กมธ.จึงจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 โดยนำข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปกีฬาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) บรรจุในแผนดังกล่าว ให้ครอบคลุมในทุกมิติของการปฏิบัติ และสามารถเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับแผนปฏิบัติการของกรมพลศึกษา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ตลอดจนประสานงานในเรื่องการให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกันกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบ ซึ่ง สปท.ได้มีมติเห็นชอบรายงาน พร้อมร่างแผนฯ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.แล้ว และส่งให้ครม. โดยจะประกาศใช้ในเดือน ต.ค.59 ต่อไป ทั้งนี้ กมธ.ได้จัดทำช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ในชื่อ “คนไทยไชโย.com”ด้วย
ด้านนายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ช่วยโฆษก กมธ. คนที่ 2 แถลงถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปด้านวัฒนธรรม ว่า กมธ.มีข้อเสนอการจัดการพื้นที่มรดกวัฒนธรรมของชาติ เพื่อเพิ่มคุณค่า และมูลค่าทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ และร่าง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญในการให้กรมศิลปากร สามารถจัดซื้อ หรือเวนคืนที่ดินที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถาน มาเป็นสมบัติของชาติได้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานและแหล่งประวัติศาสตร์ หากไม่อาจซื้อ หรือเวนคืนได้ ก็อาจให้มี การจ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของ หรือผู้ครอบครองโบราณสถาน หรือที่ดินบริเวณโดยรอบ และหากเกิดการชำรุด ให้กรมศิลปากร มีอำนาจเข้าซ่อมแซมได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ดังนั้น กมธ.จึงจัดทำแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 โดยนำข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปกีฬาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) บรรจุในแผนดังกล่าว ให้ครอบคลุมในทุกมิติของการปฏิบัติ และสามารถเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับแผนปฏิบัติการของกรมพลศึกษา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ตลอดจนประสานงานในเรื่องการให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกันกับส่วนราชการและหน่วยงานอื่นที่รับผิดชอบ ซึ่ง สปท.ได้มีมติเห็นชอบรายงาน พร้อมร่างแผนฯ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.แล้ว และส่งให้ครม. โดยจะประกาศใช้ในเดือน ต.ค.59 ต่อไป ทั้งนี้ กมธ.ได้จัดทำช่องทางการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ในชื่อ “คนไทยไชโย.com”ด้วย
ด้านนายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ช่วยโฆษก กมธ. คนที่ 2 แถลงถึงความคืบหน้าในการปฏิรูปด้านวัฒนธรรม ว่า กมธ.มีข้อเสนอการจัดการพื้นที่มรดกวัฒนธรรมของชาติ เพื่อเพิ่มคุณค่า และมูลค่าทางวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้มีการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ และร่าง พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญในการให้กรมศิลปากร สามารถจัดซื้อ หรือเวนคืนที่ดินที่เกี่ยวข้องกับโบราณสถาน มาเป็นสมบัติของชาติได้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์โบราณสถานและแหล่งประวัติศาสตร์ หากไม่อาจซื้อ หรือเวนคืนได้ ก็อาจให้มี การจ่ายค่าทดแทนให้แก่เจ้าของ หรือผู้ครอบครองโบราณสถาน หรือที่ดินบริเวณโดยรอบ และหากเกิดการชำรุด ให้กรมศิลปากร มีอำนาจเข้าซ่อมแซมได้ แต่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของหรือผู้ครอบครอง