ผู้จัดการรายวัน360 - พล.ต.อ.จักรทิพย์ เผยผลตรวจสารเสพติด “เจนภพ” มีสารออกฤทธิ์ทางประสาทแต่ไม่รู้ชนิด สั่ง “ศานิตย์” เร่งคดีทายาทกระทิงแดงชนตำรวจ ด้านผู้ตรวจฯ จ่อเรียกผู้เกี่ยวข้องชี้แจง หลัง “แพรวา” ยื่นร้องถูกจนท.คุมประพฤติข่มขู่
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงผลการตรวจสารเสพติดของนายเจนภพ วีรพร ผู้ต้องหาขับรถเบนซ์ชนท้ายรถฟอร์ดเป็นเหตุให้นิสิตปริญญาโทเสียชีวิต 2 คนว่า ผลการตรวจจาก รพ.สมเด็จเจ้าพระยาออกมาแล้ว เบื้องต้นพบสารที่ออกฤทธิ์ทางประสาท แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารประเภทใด โดยนายเจนภพมีประวัติการรักษาโรคซึมเศร้า
เมื่อถามว่าผู้ต้องหาจะใช้ช่องทางนี้ในการสู้คดีได้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นสิทธิของผู้ต้องหาซึ่งต้องสู้ตามข้อกฎหมาย ตรงนี้ตำรวจไม่กังวล แต่อย่าไปมองว่าตำรวจช่วยเหลือผู้ต้องหา ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย ตำรวจไม่สามารถไปลดโทษใครได้ บางครั้งเราสั่งฟ้องไปถึงศาล ศาลอาจจะสั่งยกฟ้องก็ได้ ซึ่งกรณีแบบนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก
ถามต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบประวัติการรักษาของผู้ต้องหาหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวน ตนไม่ทราบลึกขนาดนั้น ส่วนเรื่องข้อกฎหมายการปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ของผู้ต้องหา ถ้าผู้ต้องหาปฏิเสธก็ให้สันนิษฐานว่าเมา
ด้าน พ.ต.อ.ณฐพล สามแสน รองผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 (รอง ผบก.ศพฐ.) กล่าวว่า จากการตรวจพิสูจน์หลักฐานของ ศพฐ.1 เบื้องต้นยังไม่ยืนยันความเร็วของรถเบนซ์ที่นายเจนภพขับชน 2 นิสิตปริญญาโท ต้องใช้เวลาในการดำเนินการไม่ต่ำกว่า 2-3 วันจึงจะสามารถตรวจพิสูจน์ได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างวัตถุอื่นๆ ประกอบด้วยซึ่งมีหลายรายการ ส่วนกรณีที่ข่าวปรากฏตามสื่อออนไลน์ว่าใช้ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ตนไม่ทราบ และไม่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในเรื่องนี้
*** สั่ง “ศานิตย์” เร่งคดีทายาทกระทิงแดง
วานนี้ (22 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ขับรถเฟอร์รารีพุ่งชนตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 47 กลางดึกของวันที่ 3 ก.ย. 2555 ว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบรายละเอียดเพราะคดีเกิดขึ้นมานานและไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
ส่วนกรณีที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดระบุว่า การดำเนินคดีนี้มีความล่าช้าเนื่องจากพนักงานสอบสวนส่งสำนวนล่าช้า พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ทุกอย่างมีระเบียบอยู่แล้ว ต้องดูว่าล่าช้าตรงไหน ต้องดูตามขั้นตอนกระบวนการ ถ้าช้าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเร่งรัด ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลย ยังไงก็ถูกดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้สั่งให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) ให้เร่งรัดคดีอยู่
*** คดี “แพรวา” อ้างถูกข่มขู่
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กรณีน.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา สาวซีวิค ยื่นคำร้องถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอความเป็นธรรมจากการที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมควบคุมความประพฤติใช้คำพูดข่มขู่ ว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นการร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกรมควบคุมความประพฤติ จ.นนทบุรี ว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลเยาวชนหรือไม่ ซึ่งในคำร้องที่ร้องมานั้นก็มีประเด็นเรื่องการข่มขู่ ที่มีเจ้าหน้าที่ข่มขู่ด้วยวาจา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นว่าถูกลวนลาม
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้นำเหตุนี้มาเป็นข่าวเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจขึ้นกับญาติผู้เสียชีวิต และเห็นว่าการตรวจสอบเรื่องนี้ต้องใช้ความเมตรธรรมบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงไม่ใช่การไล่ล่า เพราะน.ส.แพรวา ก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาแล้ว ศาลยังให้โอกาสอยู่ และขณะนี้น.ส.แพรวาก็อยู่ระหว่างการควบคุมความประพฤติ ซึ่งในการตรวจสอบผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องให้มาชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป
วันนี้ (22 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงผลการตรวจสารเสพติดของนายเจนภพ วีรพร ผู้ต้องหาขับรถเบนซ์ชนท้ายรถฟอร์ดเป็นเหตุให้นิสิตปริญญาโทเสียชีวิต 2 คนว่า ผลการตรวจจาก รพ.สมเด็จเจ้าพระยาออกมาแล้ว เบื้องต้นพบสารที่ออกฤทธิ์ทางประสาท แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารประเภทใด โดยนายเจนภพมีประวัติการรักษาโรคซึมเศร้า
เมื่อถามว่าผู้ต้องหาจะใช้ช่องทางนี้ในการสู้คดีได้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นสิทธิของผู้ต้องหาซึ่งต้องสู้ตามข้อกฎหมาย ตรงนี้ตำรวจไม่กังวล แต่อย่าไปมองว่าตำรวจช่วยเหลือผู้ต้องหา ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย ตำรวจไม่สามารถไปลดโทษใครได้ บางครั้งเราสั่งฟ้องไปถึงศาล ศาลอาจจะสั่งยกฟ้องก็ได้ ซึ่งกรณีแบบนี้เกิดขึ้นจำนวนมาก
ถามต่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบประวัติการรักษาของผู้ต้องหาหรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในสำนวน ตนไม่ทราบลึกขนาดนั้น ส่วนเรื่องข้อกฎหมายการปฏิเสธการตรวจแอลกอฮอล์ของผู้ต้องหา ถ้าผู้ต้องหาปฏิเสธก็ให้สันนิษฐานว่าเมา
ด้าน พ.ต.อ.ณฐพล สามแสน รองผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 (รอง ผบก.ศพฐ.) กล่าวว่า จากการตรวจพิสูจน์หลักฐานของ ศพฐ.1 เบื้องต้นยังไม่ยืนยันความเร็วของรถเบนซ์ที่นายเจนภพขับชน 2 นิสิตปริญญาโท ต้องใช้เวลาในการดำเนินการไม่ต่ำกว่า 2-3 วันจึงจะสามารถตรวจพิสูจน์ได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างวัตถุอื่นๆ ประกอบด้วยซึ่งมีหลายรายการ ส่วนกรณีที่ข่าวปรากฏตามสื่อออนไลน์ว่าใช้ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ตนไม่ทราบ และไม่เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในเรื่องนี้
*** สั่ง “ศานิตย์” เร่งคดีทายาทกระทิงแดง
วานนี้ (22 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงคดีนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา อายุ 31 ปี ทายาทธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ขับรถเฟอร์รารีพุ่งชนตำรวจสายตรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบริเวณถนนสุขุมวิท ซอย 47 กลางดึกของวันที่ 3 ก.ย. 2555 ว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบรายละเอียดเพราะคดีเกิดขึ้นมานานและไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
ส่วนกรณีที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุดระบุว่า การดำเนินคดีนี้มีความล่าช้าเนื่องจากพนักงานสอบสวนส่งสำนวนล่าช้า พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ทุกอย่างมีระเบียบอยู่แล้ว ต้องดูว่าล่าช้าตรงไหน ต้องดูตามขั้นตอนกระบวนการ ถ้าช้าในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเร่งรัด ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลย ยังไงก็ถูกดำเนินคดีทั้งหมด ซึ่งเรื่องนี้สั่งให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รรท.ผบช.น.) ให้เร่งรัดคดีอยู่
*** คดี “แพรวา” อ้างถูกข่มขู่
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์กรณีน.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา สาวซีวิค ยื่นคำร้องถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอความเป็นธรรมจากการที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมควบคุมความประพฤติใช้คำพูดข่มขู่ ว่า การยื่นคำร้องครั้งนี้เป็นการร้องขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของกรมควบคุมความประพฤติ จ.นนทบุรี ว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลเยาวชนหรือไม่ ซึ่งในคำร้องที่ร้องมานั้นก็มีประเด็นเรื่องการข่มขู่ ที่มีเจ้าหน้าที่ข่มขู่ด้วยวาจา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นว่าถูกลวนลาม
อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้นำเหตุนี้มาเป็นข่าวเพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความโศกเศร้าเสียใจขึ้นกับญาติผู้เสียชีวิต และเห็นว่าการตรวจสอบเรื่องนี้ต้องใช้ความเมตรธรรมบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงไม่ใช่การไล่ล่า เพราะน.ส.แพรวา ก็ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาแล้ว ศาลยังให้โอกาสอยู่ และขณะนี้น.ส.แพรวาก็อยู่ระหว่างการควบคุมความประพฤติ ซึ่งในการตรวจสอบผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องให้มาชี้แจงเพิ่มเติมต่อไป