ผู้จัดการรายวัน360-ดีเอสไอ พร้อมทีมอัยการนัดสอบประเด็น ที่มารถเบนซ์โบราณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วันนี้ (16 ) ดีเดย์ 2 ทุ่ม สั่งห้ามบุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง คาดใช้เวลา 1 ชั่วโมง
วานนี้ (15 มี.ค.) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน สอบปากคำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรณีเป็นผู้ครอบครองรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 20.00 น. ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่า หลังจากมีการประชุมพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ส่วนใหญ่พูดคุยในประเด็นคดีที่เหลือซึ่งยังไม่ได้มีการหารือกันมาก่อนว่าจะดำเนินการวางแผนกันอย่างไรเนื่องจากมีจำนวนรถเลี่ยงภาษีมากกว่า 6,000 คันเพราะว่าเป็นเรื่องใหญ่
พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบปากคำ สมเด็จช่วง ได้พูดคุยเกี่ยวกับการเดินทางไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่าจะไปกันอย่างไร ส่วนประเด็นข้อซักถามนั้นเนื่องจากตนไม่ใช่พนักงานสอบสวนก็เลยมอบหมายให้ทีมพนักงานสอบสวนไปเตรียมข้อมูลให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเอง โดยตนไม่ทราบและที่เดินทางไปเพราะได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และไปในนามผู้ใหญ่ที่จะนำทีมไปแต่ว่าไม่ใช่พนักงานสอบสวนในคดีนี้ ทั้งนี้ การสอบสวนมอบหมายให้ สำนักภาษีอากร ดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
"การเดินทางไปสอบปากคำ สมเด็จช่วง นั้น ประกอบด้วย อัยการ 2 กับ ทีมพนักงานสอบสวน 5 รวมทั้งหมด 7 คนและจะร่วมกันสอบสวน สมเด็จช่วง โดยตรง คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ใช้เวลาสักระยะเพื่อให้เกิดความชัดเจน นอกจากนี้ ประเด็นการซักถามคาดว่าทางอัยการได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม การสอบปากคำ สมเด็จช่วง ต้องให้ปากคำคนเดียวกับพนักงานสอบสวน โดยไม่มีทนายความหรือผู้อื่นๆเข้าร่วมรับฟัง"
วานนี้ (15 มี.ค.) พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน สอบปากคำ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรณีเป็นผู้ครอบครองรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 16 มี.ค. เวลา 20.00 น. ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่า หลังจากมีการประชุมพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 14 มี.ค. ส่วนใหญ่พูดคุยในประเด็นคดีที่เหลือซึ่งยังไม่ได้มีการหารือกันมาก่อนว่าจะดำเนินการวางแผนกันอย่างไรเนื่องจากมีจำนวนรถเลี่ยงภาษีมากกว่า 6,000 คันเพราะว่าเป็นเรื่องใหญ่
พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการสอบปากคำ สมเด็จช่วง ได้พูดคุยเกี่ยวกับการเดินทางไปวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ว่าจะไปกันอย่างไร ส่วนประเด็นข้อซักถามนั้นเนื่องจากตนไม่ใช่พนักงานสอบสวนก็เลยมอบหมายให้ทีมพนักงานสอบสวนไปเตรียมข้อมูลให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเอง โดยตนไม่ทราบและที่เดินทางไปเพราะได้รับมอบหมายจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และไปในนามผู้ใหญ่ที่จะนำทีมไปแต่ว่าไม่ใช่พนักงานสอบสวนในคดีนี้ ทั้งนี้ การสอบสวนมอบหมายให้ สำนักภาษีอากร ดีเอสไอ เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด
"การเดินทางไปสอบปากคำ สมเด็จช่วง นั้น ประกอบด้วย อัยการ 2 กับ ทีมพนักงานสอบสวน 5 รวมทั้งหมด 7 คนและจะร่วมกันสอบสวน สมเด็จช่วง โดยตรง คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็ใช้เวลาสักระยะเพื่อให้เกิดความชัดเจน นอกจากนี้ ประเด็นการซักถามคาดว่าทางอัยการได้พูดคุยกับพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม การสอบปากคำ สมเด็จช่วง ต้องให้ปากคำคนเดียวกับพนักงานสอบสวน โดยไม่มีทนายความหรือผู้อื่นๆเข้าร่วมรับฟัง"