พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. แถลงผลการประชุมครม. ว่า ได้หารือประเด็นสำคัญ เช่น มาตรการทางการเงิน พ.ร.บ. งบประมาณ เรื่องการทำความเข้าใจกับระบบผังเมืองให้ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของการทำโครงการต่างๆ ที่จะต้องผ่านการพิจารณาเรื่องของพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ซึ่งทั้งหมดทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะไปมองประเด็นเดียวคือ ไม่ไว้วางใจ แต่มันไม่ใช่ เพราะเราต้องการให้ประเทศเดินหน้า และประชาชนมีความสุข มีรายได้ที่สูงขึ้น ทั้งเกษตรกร และคนที่ทำอาชีพอิสระ กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) ซึ่งทั้งหมดเราต้องเดินหน้าทำโครงสร้างด้วย ซึ่งโครงสร้างดังกล่าวรัฐบาลไม่ได้สั่งการแล้วทำได้เลย เพราะทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการทำโครงสร้างทั้งสิ้น คือประชารัฐ ที่รัฐกับประชาชนร่วมมือกัน มันถึงจะเดินหน้า
วันนี้เราจะต้องช่วยกันลดก๊าซเรืองนกระจกให้ได้ อย่างน้อย 25-30 เปอร์เซ็นต์ภายใน 20 ปีให้ได้ ด้วยวิธีการต่างๆทั้งการใช้ยานพาหนะ ที่เป็นเรื่องพลังไฟฟ้า หรือระบบไฮบริด รัฐบาลพร้อมจะส่งเสริม และไทยพร้อมจะเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์ในอาเซียน หลังจากเราได้พูดคุยกับบริษัทรถยนต์ในเมืองไทย แต่เขาขอให้เราทบทวนในปัญหาที่เขาเผชิญในช่วงระยะที่ผ่านมา และช่วยแก้ไข เช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะเสียสิทธิประโยชน์ แต่มันต้องได้ประโยชน์ที่เท่าเทียม เราพร้อมจะเป็นศูนย์กลางที่ใช้ไบโอดีเซล บี 20 บี 15 ซึ่งจะไปสอดคล้องกับ วาระการพัฒนาและการลดโลกร้อน ในขณะเดียวกันเราจะส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์มมาเป็นส่วนผสมด้วย หรือเรื่องรถไฟฟ้า ก็เช่นเดียวกันเพื่อไม่ใช้พลังงานที่สร้างมลพิษ ซึ่งทั้งหมดจะต้องร่วมกันวางแผน ไม่ใช่คิดจะดำเนินการอย่างเดียว แล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องของการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่มีการระแวงว่า จะมีการซูเอี๋ยกัน ว่า มันไม่ใช่ ตนคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า สิ่งสำคัญคือ ใครที่มีรายชื่อก็ต้องสอบสวนว่าทำมาเมื่อไหร่ อย่างไร หากมีความผิดก็ต้องถูกลงโทษ แต่ถ้าไม่ผิด ก็คือไม่ผิด และหากใครเคยผิดและถูกลงโทษไปแล้ว ก็ต้องมาร่วมมือกัน ว่าจะไม่ทำผิดอีกต่อไป
“ไม่ใช่ว่าจะไปยกโทษ ไปฟอกผิดมันทำไม่ได้ มันพูดบางทีก็เร็วไป บางทีคำถามก็เรา เขาก็คิดช้ากว่าผมนิดนึง บางทีก็ตอบพูดหลุดๆ ไปนิดนึง ส่วนผมบางทีก็พูดเร็วเกินไปท่านก็เข้าใจผิดอีก แต่ผมยืนยันว่า ทุกอย่างต้องเป็นรูปธรรม ต้องเป็นธรรม เราต้องให้ความเป็นธรรมเขา ศาสนายังสอน องคุลีมาล ยังตัดนิ้วไป 900 คน หากทำดี ก็โอเค แต่หากยังทำชั่วอยู่ ก็ให้อภัยไม่ได้ ไปคิดเอา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
วันนี้เราจะต้องช่วยกันลดก๊าซเรืองนกระจกให้ได้ อย่างน้อย 25-30 เปอร์เซ็นต์ภายใน 20 ปีให้ได้ ด้วยวิธีการต่างๆทั้งการใช้ยานพาหนะ ที่เป็นเรื่องพลังไฟฟ้า หรือระบบไฮบริด รัฐบาลพร้อมจะส่งเสริม และไทยพร้อมจะเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์ในอาเซียน หลังจากเราได้พูดคุยกับบริษัทรถยนต์ในเมืองไทย แต่เขาขอให้เราทบทวนในปัญหาที่เขาเผชิญในช่วงระยะที่ผ่านมา และช่วยแก้ไข เช่น เรื่องสิทธิประโยชน์ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะเสียสิทธิประโยชน์ แต่มันต้องได้ประโยชน์ที่เท่าเทียม เราพร้อมจะเป็นศูนย์กลางที่ใช้ไบโอดีเซล บี 20 บี 15 ซึ่งจะไปสอดคล้องกับ วาระการพัฒนาและการลดโลกร้อน ในขณะเดียวกันเราจะส่งเสริมการใช้น้ำมันปาล์มมาเป็นส่วนผสมด้วย หรือเรื่องรถไฟฟ้า ก็เช่นเดียวกันเพื่อไม่ใช้พลังงานที่สร้างมลพิษ ซึ่งทั้งหมดจะต้องร่วมกันวางแผน ไม่ใช่คิดจะดำเนินการอย่างเดียว แล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องของการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่มีการระแวงว่า จะมีการซูเอี๋ยกัน ว่า มันไม่ใช่ ตนคิดว่าเป็นการเข้าใจผิดกันมากกว่า สิ่งสำคัญคือ ใครที่มีรายชื่อก็ต้องสอบสวนว่าทำมาเมื่อไหร่ อย่างไร หากมีความผิดก็ต้องถูกลงโทษ แต่ถ้าไม่ผิด ก็คือไม่ผิด และหากใครเคยผิดและถูกลงโทษไปแล้ว ก็ต้องมาร่วมมือกัน ว่าจะไม่ทำผิดอีกต่อไป
“ไม่ใช่ว่าจะไปยกโทษ ไปฟอกผิดมันทำไม่ได้ มันพูดบางทีก็เร็วไป บางทีคำถามก็เรา เขาก็คิดช้ากว่าผมนิดนึง บางทีก็ตอบพูดหลุดๆ ไปนิดนึง ส่วนผมบางทีก็พูดเร็วเกินไปท่านก็เข้าใจผิดอีก แต่ผมยืนยันว่า ทุกอย่างต้องเป็นรูปธรรม ต้องเป็นธรรม เราต้องให้ความเป็นธรรมเขา ศาสนายังสอน องคุลีมาล ยังตัดนิ้วไป 900 คน หากทำดี ก็โอเค แต่หากยังทำชั่วอยู่ ก็ให้อภัยไม่ได้ ไปคิดเอา” นายกรัฐมนตรี กล่าว