เมื่อวานนี้ (25ก.พ.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดบ้านพักซอยปิ่นประภาคม เพื่อให้สัมภาษณ์สื่้อมวลชนถึง ร่างรัฐธรรมนูญ และได้ทำจดหมายเปิดผนึก ถึงประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ
โดยจดหมายเปิดผนึกระบุว่า นับแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติ และความขัดแย้งของบ้านเมือง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ซึ่งสามารถระงับยับยั้งความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง แต่จากการบริหารงานมาครบ 2 ปี ปรากฏว่า แนวทางที่รัฐบาล คสช. กำลังดำเนินการ กลับมีแนวโน้มว่ากำลังจะนำไปสู่ความขัดแย้งในบ้านเมืองยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคเงินฝืด ประชาชนขาดกำลังซื้อ การส่งออกลดลงอย่างรุนแรง
ขณะที่การร่างรัฐธรรมนูญ ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการยกร่าง ก็ได้รับการต่อต้านจากหลายภาคส่วนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโครงสร้าง และเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง มิหนำซ้ำยังถอยหลังเข้าคลองหลายสิบปี แม้ร่างดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุง ก่อนไปสู่ขั้นตอนการจัดทำประชามติ ก็มีข่าวว่ารัฐบาลพยายามทุกวิถีทาง ผลักดันเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติให้ได้ ขณะเดียวกันภาคประชาชน ก็มีเครือข่ายเตรียมการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และไม่ให้ประชามติครั้งนี้ผ่านไปได้
" จากประสบการณ์ในชีวิตของข้าพเจ้า ที่ได้มีส่วนเข้าไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศช่วงที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าเป็นการยากที่คสช. และรัฐบาล จะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและรุมเร้าอยู่ได้ และทราบว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่ องค์การสหประชาชาติฝ่ายการเมืองและคณะ ได้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยหวังให้ไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย"
พล.อ.ชวลิต ระบุว่า จากปัญหาที่ซับซ้อนดังกล่าว การเสียสละอำนาจของคสช. ถ้าไม่เกิดขึ้นโดยเร็วก็ยากที่จะขจัดปัญหาให้หมดสิ้น ซึ่งจะตกเป็นภาระแก่ชนรุ่นหลัง ในฐานะนายทหารรุ่นพี่ ขอร้อง คสช.ไตร่ตรองปัญหาประเทศโดยเมื่อท่านได้ทำหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมืองแล้ว ก็ควรจะเสียสละอำนาจ ส่งต่อภาระหน้าที่ให้กับคณะกรรมการกลางที่จะมาจากภาคส่วนต่างๆร่วมกันบริหารจัดการให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ภายในปี 2559 เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ถึงร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตนกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยทำงานร่วมกันมา ก็ไม่ทราบว่าจะรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ แต่ขอให้ช่วยร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับที่ดีที่สุด จะได้ไม่ถูกฉีกอีก ทั้งนี้ขอให้นายมีชัยยืนอยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง อย่าถึงขั้นต้องรับคำสั่งโดยตรง อย่าต้องถึงขั้นเดินให้ตรงเป๊ะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้รับคำสั่งจากคสช. เพื่อให้ประชามติผ่านหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนมองว่า อยากให้ทหารถอนตัว เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาล คสช. จะอยู่ต่อช่วงเปลี่ยนผ่านไปอีก 5 ปี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าจะเป็นไปได้อย่างไร บอกหลายทีแล้วว่าคสช. มีภาระหน้าที่แค่ไหน ท่านเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเท่านั้น มีหน้าที่แค่นี้ จะขออยู่ต่ออีก 5 ปีได้อย่างไร แค่ 5 เดือนก็ไม่ไหวแล้ว เพราะตลอด 2 ปีที่บริหารประเทศ ก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ยิ่งมีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ก็ยิ่งแย่ เป็นไปไม่ได้ ส่วนถ้าคสช.อยู่ต่อแล้วอาจจะเหมือนอดีตรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ตอนเข้ามาได้ดอกไม้ พอออกไป ก็ได้รับก้อนอิฐ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการเคลื่อนไหว และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในช่วงนี้ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เชื่อว่าท่านคงพูดด้วยความเป็นห่วงบ้านเมือง
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าอยากให้คนไทยมีงานทำ อยากให้นายกฯ เอาของไปขายต่างประเทศ จะทำเป็นรถเข็น ใช้ชื่อ“รถจันทร์โอชา”ก็ได้ เป็นรถขายข้าวราดแกง เอาไปตั้งขายตามเมืองต่างๆ ที่บริโภคข้าวไทย ซึ่งจะทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น ทำเป็นจอมอนิเตอร์แสดงสินค้าโอทอปไปขายด้วยก็ดี คนไทยจะได้ไม่ตกงาน
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึง สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ว่า ทราบว่าขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ มีองค์กรชื่อว่า“แบล็กสวอน”หรือ “เหยี่ยวดำ” เกิดขึ้น ซึ่งเป็นองค์กรของกลุ่มไอซิส ไม่รู้ว่ารัฐบาลทราบหรือยัง เพราะขนาดตนยังรู้เลย ดังนั้น อยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบ และดูแลการข่าวให้เข้มกว่านี้ เพราะว่าขณะนี้รูปแบบการขัดแย้งในภาคใต้ มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องเปลี่ยนวิธีรับมือด้วย
โดยจดหมายเปิดผนึกระบุว่า นับแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาของชาติ และความขัดแย้งของบ้านเมือง ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ซึ่งสามารถระงับยับยั้งความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง แต่จากการบริหารงานมาครบ 2 ปี ปรากฏว่า แนวทางที่รัฐบาล คสช. กำลังดำเนินการ กลับมีแนวโน้มว่ากำลังจะนำไปสู่ความขัดแย้งในบ้านเมืองยิ่งขึ้น ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อน เศรษฐกิจเข้าสู่ยุคเงินฝืด ประชาชนขาดกำลังซื้อ การส่งออกลดลงอย่างรุนแรง
ขณะที่การร่างรัฐธรรมนูญ ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการยกร่าง ก็ได้รับการต่อต้านจากหลายภาคส่วนมากยิ่งขึ้น เนื่องจากโครงสร้าง และเนื้อหาสาระของร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง มิหนำซ้ำยังถอยหลังเข้าคลองหลายสิบปี แม้ร่างดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุง ก่อนไปสู่ขั้นตอนการจัดทำประชามติ ก็มีข่าวว่ารัฐบาลพยายามทุกวิถีทาง ผลักดันเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านประชามติให้ได้ ขณะเดียวกันภาคประชาชน ก็มีเครือข่ายเตรียมการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และไม่ให้ประชามติครั้งนี้ผ่านไปได้
" จากประสบการณ์ในชีวิตของข้าพเจ้า ที่ได้มีส่วนเข้าไปแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศช่วงที่ผ่านมา เชื่อได้ว่าเป็นการยากที่คสช. และรัฐบาล จะสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและรุมเร้าอยู่ได้ และทราบว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ผู้ช่วยเลขาธิการใหญ่ องค์การสหประชาชาติฝ่ายการเมืองและคณะ ได้เดินทางมาประเทศไทย เพื่อติดตามสถานการณ์ทางการเมือง โดยหวังให้ไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย"
พล.อ.ชวลิต ระบุว่า จากปัญหาที่ซับซ้อนดังกล่าว การเสียสละอำนาจของคสช. ถ้าไม่เกิดขึ้นโดยเร็วก็ยากที่จะขจัดปัญหาให้หมดสิ้น ซึ่งจะตกเป็นภาระแก่ชนรุ่นหลัง ในฐานะนายทหารรุ่นพี่ ขอร้อง คสช.ไตร่ตรองปัญหาประเทศโดยเมื่อท่านได้ทำหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมืองแล้ว ก็ควรจะเสียสละอำนาจ ส่งต่อภาระหน้าที่ให้กับคณะกรรมการกลางที่จะมาจากภาคส่วนต่างๆร่วมกันบริหารจัดการให้มีการเลือกตั้งทั่วไป ภายในปี 2559 เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ถึงร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตนกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยทำงานร่วมกันมา ก็ไม่ทราบว่าจะรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ แต่ขอให้ช่วยร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับที่ดีที่สุด จะได้ไม่ถูกฉีกอีก ทั้งนี้ขอให้นายมีชัยยืนอยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง อย่าถึงขั้นต้องรับคำสั่งโดยตรง อย่าต้องถึงขั้นเดินให้ตรงเป๊ะ
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ ได้รับคำสั่งจากคสช. เพื่อให้ประชามติผ่านหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา แต่ตนมองว่า อยากให้ทหารถอนตัว เพราะไม่ใช่หน้าที่ของทหาร
เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาล คสช. จะอยู่ต่อช่วงเปลี่ยนผ่านไปอีก 5 ปี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าจะเป็นไปได้อย่างไร บอกหลายทีแล้วว่าคสช. มีภาระหน้าที่แค่ไหน ท่านเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเท่านั้น มีหน้าที่แค่นี้ จะขออยู่ต่ออีก 5 ปีได้อย่างไร แค่ 5 เดือนก็ไม่ไหวแล้ว เพราะตลอด 2 ปีที่บริหารประเทศ ก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ยิ่งมีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ก็ยิ่งแย่ เป็นไปไม่ได้ ส่วนถ้าคสช.อยู่ต่อแล้วอาจจะเหมือนอดีตรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ตอนเข้ามาได้ดอกไม้ พอออกไป ก็ได้รับก้อนอิฐ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการเคลื่อนไหว และการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในช่วงนี้ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า เชื่อว่าท่านคงพูดด้วยความเป็นห่วงบ้านเมือง
เมื่อถามว่าอยากฝากอะไรถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต กล่าวว่าอยากให้คนไทยมีงานทำ อยากให้นายกฯ เอาของไปขายต่างประเทศ จะทำเป็นรถเข็น ใช้ชื่อ“รถจันทร์โอชา”ก็ได้ เป็นรถขายข้าวราดแกง เอาไปตั้งขายตามเมืองต่างๆ ที่บริโภคข้าวไทย ซึ่งจะทำให้คนรู้จักประเทศไทยมากขึ้น ทำเป็นจอมอนิเตอร์แสดงสินค้าโอทอปไปขายด้วยก็ดี คนไทยจะได้ไม่ตกงาน
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึง สถานการณ์ชายแดนภาคใต้ว่า ทราบว่าขณะนี้ในพื้นที่ภาคใต้ มีองค์กรชื่อว่า“แบล็กสวอน”หรือ “เหยี่ยวดำ” เกิดขึ้น ซึ่งเป็นองค์กรของกลุ่มไอซิส ไม่รู้ว่ารัฐบาลทราบหรือยัง เพราะขนาดตนยังรู้เลย ดังนั้น อยากให้รัฐบาลเข้าไปตรวจสอบ และดูแลการข่าวให้เข้มกว่านี้ เพราะว่าขณะนี้รูปแบบการขัดแย้งในภาคใต้ มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องเปลี่ยนวิธีรับมือด้วย