วานนี้ (24ก.พ.) ที่รัฐสภา พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงการพิจารณาปรับปรุงรายงานการศึกษาว่าด้วยกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ ว่า ขณะนี้ กมธ.ได้ส่ง ร่าง พ.ร.บ.ที่แก้ไขปรับปรุงไปให้ประธานสปท.พิจารณา เพื่อส่งต่อไปยังครม.แล้ว โดยกมธ.ได้พิจารณาให้ยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งเป็นกรอบแม่บทหลักในการพัฒนาประเทศนั้น บังคับให้มีการปรับปรุงทุกๆ 5 ปี หรือเมื่อมีสถานการณ์กระทบต่อวัตถุประสงค์หลักของยุทธศาสตร์ชาติเพื่อความมั่นคงของประเทศ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด รวมทั้งต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศ และกำหนดการประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพให้ชัดเจน
นอกจากนี้ ยังให้เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และค่าตอบแทนอื่นๆ ของประธาน โดยกำหนดให้เป็นพระราชกฤษฎีกา ทั้งนี้ยังปรับปรุงกระบวนการพิจารณายุทธศาสตร์ชาติ ที่เสนอโดยคณะกรรมการต่อรัฐสภา หากเห็นไม่ตรงกัน ให้ตั้งกมธ.ร่วมกันพิจารณา และหากยังเห็นไม่ตรงกันอีก ให้นำเสนอรัฐสภาพิจารณา โดยรัฐสภามีมติอย่างใด ก็ให้ดำเนินการตามนั้น อีกทั้งยังให้สำนักงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เป็นนิติบุคคล ปราศจากการครอบงำทางการเมือง
พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า รายงานดังกล่าวเป็นเพียงผลการศึกษาตามหน้าที่ของกมธ. และสปท. เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ส่วนกรณีที่ให้ สนช. เป็นผู้คัดเลือกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน ยืนยันว่า ไม่ใช่การวางกรอบสืบทอดอำนาจ แต่เชื่อว่า สนช.มีดุลพินิจพิจารณาคนที่เหมาะสมมาทำประโยชน์ให้ประเทศ ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติที่สปท. จะส่งให้ครม.พิจารณานั้น ยังไม่ใช่เนื้อหาสุดท้าย เพราะครม. และสนช. สามารถนำไปแก้ไขได้ ส่วนกรอบเวลายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ถือว่า นานเกินไป เพราะเป็นแค่กรอบกว้างๆ ให้รัฐบาลดำเนินการ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกๆ 5 ปี อย่างไรก็ดี ทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา ล้วนมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ เช่น มาเลเซีย มีแผนยุทธศาสตร์ชาติถึง 30 ปี
พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึง การจัดแผนยุทธศาสตร์กองทัพ 20 ปี ว่า กองบัญชาการกองทัพไทย ได้รวบรวมแผนยุทธศาสตร์ของเหล่าทัพมารวมเป็นแผนของกองทัพไทย 20 ปี โดยมีการประชุมพูดคุยกันว่าใน 20 ปีข้างหน้าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนั้นกองทัพจะรับมืออย่างไร สรุปคือ กองทัพต้องป้องกันรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ รักษาผลประโยชน์ และทรัพยากรของชาติไว้ให้ได้ เพราะในอีก 20-30 ปีข้างหน้า จะมีการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติสูงขึ้น กองทัพจึงต้องเตรียมความพร้อม ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังให้เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และค่าตอบแทนอื่นๆ ของประธาน โดยกำหนดให้เป็นพระราชกฤษฎีกา ทั้งนี้ยังปรับปรุงกระบวนการพิจารณายุทธศาสตร์ชาติ ที่เสนอโดยคณะกรรมการต่อรัฐสภา หากเห็นไม่ตรงกัน ให้ตั้งกมธ.ร่วมกันพิจารณา และหากยังเห็นไม่ตรงกันอีก ให้นำเสนอรัฐสภาพิจารณา โดยรัฐสภามีมติอย่างใด ก็ให้ดำเนินการตามนั้น อีกทั้งยังให้สำนักงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เป็นนิติบุคคล ปราศจากการครอบงำทางการเมือง
พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า รายงานดังกล่าวเป็นเพียงผลการศึกษาตามหน้าที่ของกมธ. และสปท. เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ ส่วนกรณีที่ให้ สนช. เป็นผู้คัดเลือกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน ยืนยันว่า ไม่ใช่การวางกรอบสืบทอดอำนาจ แต่เชื่อว่า สนช.มีดุลพินิจพิจารณาคนที่เหมาะสมมาทำประโยชน์ให้ประเทศ ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติที่สปท. จะส่งให้ครม.พิจารณานั้น ยังไม่ใช่เนื้อหาสุดท้าย เพราะครม. และสนช. สามารถนำไปแก้ไขได้ ส่วนกรอบเวลายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ไม่ถือว่า นานเกินไป เพราะเป็นแค่กรอบกว้างๆ ให้รัฐบาลดำเนินการ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ทุกๆ 5 ปี อย่างไรก็ดี ทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนา ล้วนมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ เช่น มาเลเซีย มีแผนยุทธศาสตร์ชาติถึง 30 ปี
พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวถึง การจัดแผนยุทธศาสตร์กองทัพ 20 ปี ว่า กองบัญชาการกองทัพไทย ได้รวบรวมแผนยุทธศาสตร์ของเหล่าทัพมารวมเป็นแผนของกองทัพไทย 20 ปี โดยมีการประชุมพูดคุยกันว่าใน 20 ปีข้างหน้าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนั้นกองทัพจะรับมืออย่างไร สรุปคือ กองทัพต้องป้องกันรักษาอธิปไตยของประเทศชาติ รักษาผลประโยชน์ และทรัพยากรของชาติไว้ให้ได้ เพราะในอีก 20-30 ปีข้างหน้า จะมีการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติสูงขึ้น กองทัพจึงต้องเตรียมความพร้อม ถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบหนึ่ง
