ผู้จัดการรายวัน 360 - รองโฆษกดีเอสไอเผย คดีรถเบนซ์โบราณเจ้าอาวาสวัดปากน้ำเป็นคดีพิเศษแล้ว ส่งสำนวนให้สำนักภาษีอากรตรวจสอบต่อ คาดใช้เวลา 2-3 เดือนสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ด้านเจ้าของหจก.เอชทีวาย ออโต้พาร์ท พบดีเอสไอ หอบใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีตัวจริงเปรียบเทียบให้ดูกับของปลอม เผยไม่รู้จักผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดคดีรถเบนซ์หรู
วานนี้ (23 ก.พ.) เวลา 10.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษก ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นรถผิดกฎหมายทุกขั้นตอน ว่า หลังจาก ดีเอสไอ แถลงเรื่องการตรวจสอบรถโบราณของ สมเด็จช่วง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ในกระบวนการต่อไปโดยระบบกฎหมายของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบคือสำนักคดีภาษีอากรจะรับตัวสำนวนไปดำเนินการสอบสวนต่อไป
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า เรื่องของการสอบสวนข้อปฎิบัติหลัก ได้แก่ สำนักคดีเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่สืบสวนในชั้นต้นจะมีคำกล่าวโทษชี้ประเด็นในการสืบสวนพบความผิดในประเด็นเรื่องอะไร บุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมส่งสำนวนพยานหลักฐานไปให้สำนักคดีภาษีอากรเพื่อดำเนินการสอบสวน โดยทางสำนักคดีภาษีอากรจะรวบรวมพยานหลักฐานตามคำกล่าวหาก่อนและถ้าตรวจสอบเห็นว่ามีความผิดเพียงพอก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ถูกกล่าวหาและเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สัปดาห์นี้จะมีการเรียก สมเด็จช่วง มาให้ปากคำหรือไม่ พ.ต.ท.วรณัน กล่าวว่า คงจะกำหนดระยะเวลาไม่ได้ ต้องให้เวลาพิจารณาสำนวน
**โดนแอบอ้างใบประกอบภาษี
วานนี้ (23 ก.พ.)เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวีระชัย อินทร์ประเสริฐ อายุ 48 ปี พร้อมด้วย น.ส.พรทิพย์ รุ่งรัตน์ธวัชชัย 47 ปี เจ้าของ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 27 พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำหลังบริษัทถูกปลอมใบเสร็จรับเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับรถเบนซ์โบราณของสมเด็จช่วง
นายวีระชัย กล่าวว่า บริษัทตนนำเข้าอะไหล่รถจักรยานยนต์และจักรยานมาหลายสิบปีแล้วแต่ได้หยุดกิจการมาประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 27 ม.ค.59 ทางเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ โทรศัพท์มาแจ้งว่าทางบริษัทเกี่ยวข้องกับการทำรถจดประกอบรถเบนซ์โบราณของสมเด็จช่วงที่ปรากฎเป็นข่าวจึงทราบว่าบริษัทถูกคนปลอมแปลงเอกสารใบเสร็จรับเงินพร้อมกับแนะนำให้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.หลักสอง ในวันถัดมา คือ วันที่ 28 ม.ค.59
"ใบเสร็จรับเงินของจริงจะมีชื่อที่อยู่บริษัทและมีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านบนหัวกระดาษต้องเขียนชื่อผู้ซื้อและที่อยู่ด้วยลายมือ ส่วนใบเสร็จปลอมจะไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมดังกล่าวซึ่งเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ยืนยันว่าไม่รู้จัก นางกาญจนา มากเหมือน และ คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรถโบราณแต่อย่างใด" นายวีระชัย กล่าว
นายวีระชัย กล่าวอีกว่า หลังจาก ดีเอสไอ ตรวจสอบพบข้อมูลเอกสารมีการปลอมจึงได้เชิญตนมาชี้แจงพร้อมนำใบเสร็จของจริงและปลอมมาเปรียบเทียบด้วย รวมทั้ง ดำเนินการแจ้งความเอาไว้ที่ ดีเอสไอ ซึ่งได้รับเป็นคดีพิเศษไปเรียบร้อยแล้วเพื่อจะเอาผิดกับคนปลอมเอกสารที่ทำให้ชื่อเสียงตนและบริษัทเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใบเสร็จรับเงินและกำกับภาษีของปลอม มีรายละเอียด ดังนี้ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 14/19 หมู่ 6 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 3012106258 ผู้ซื้อชื่อ นางกาญจนา มากเหมือน (เจ้าของอู่ เอ็น.พี.การาจ ที่โดนนำชื่ออู่รถไปจดทะเบียนรถประกอบและจดทะเบียนกับกรมขนส่ง) ลงวันที่ซื้อ 16 ส.ค.54 รายละเอียดรายการ ระบุว่า ค่าแรงประกอบรถยนต์ เลขตัวถัง18601400042/53 เลขเครื่องยนต์ 1869204500552 รวมเป็นเงิน 50,000 บาท แบ่งเป็น ค่าแรงและบริการ 46,500 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,500 บาท สำหรับใบเสร็จรับเงินและกำกับภาษีของจริง มีรายละเอียด ดังนี้ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 27 พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 3012106258ชื่อผู้ซื้อ ร้านจิวเจริญยนต์ ลงวันที่ 21 ธ.ค.53 ที่อยู่ 147/1 หมู่ 4 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี รายละเอียดรายการ ระบุว่า เครื่องมอเตอร์ไซต์เก่า ฮอนด้า เอ็นซี255-634 ซี644 จำนวนเงิน 6,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 420 บาท รวมเป็นเงิน 6,420 บาท
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดว่า นายกฯได้โทรหา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเสนอความเห็นส่วนตัวไปว่า ทำไมเราไม่โยนปัญหาความขัดแย้งต่างๆไปให้ มส.แก้ เพราะความน่าเชื่อถือ ศรัทธา รวมถึงคดีความต่างๆที่เกี่ยวโยงนั้น การจะเป็นประมุขทางสงฆ์ นอกเหนือจากความถูกต้องตามกฎกติกาแล้ว ต้องมีความสง่างาม ไม่มีมลทิน ไม่มีการติฉินนินทา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มส.ต้องคุยเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่คุยกันแต่ว่า ใครอาวุโสกว่าใคร
วานนี้ (23 ก.พ.) เวลา 10.30 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษก ดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบรถเบนซ์โบราณ หมายเลขทะเบียน ขม 99 กรุงเทพมหานคร ของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นรถผิดกฎหมายทุกขั้นตอน ว่า หลังจาก ดีเอสไอ แถลงเรื่องการตรวจสอบรถโบราณของ สมเด็จช่วง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาและรับเป็นคดีพิเศษแล้ว ในกระบวนการต่อไปโดยระบบกฎหมายของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา ทางพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบคือสำนักคดีภาษีอากรจะรับตัวสำนวนไปดำเนินการสอบสวนต่อไป
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า เรื่องของการสอบสวนข้อปฎิบัติหลัก ได้แก่ สำนักคดีเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่สืบสวนในชั้นต้นจะมีคำกล่าวโทษชี้ประเด็นในการสืบสวนพบความผิดในประเด็นเรื่องอะไร บุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง พร้อมส่งสำนวนพยานหลักฐานไปให้สำนักคดีภาษีอากรเพื่อดำเนินการสอบสวน โดยทางสำนักคดีภาษีอากรจะรวบรวมพยานหลักฐานตามคำกล่าวหาก่อนและถ้าตรวจสอบเห็นว่ามีความผิดเพียงพอก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ถูกกล่าวหาและเมื่อมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนในการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า สัปดาห์นี้จะมีการเรียก สมเด็จช่วง มาให้ปากคำหรือไม่ พ.ต.ท.วรณัน กล่าวว่า คงจะกำหนดระยะเวลาไม่ได้ ต้องให้เวลาพิจารณาสำนวน
**โดนแอบอ้างใบประกอบภาษี
วานนี้ (23 ก.พ.)เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายวีระชัย อินทร์ประเสริฐ อายุ 48 ปี พร้อมด้วย น.ส.พรทิพย์ รุ่งรัตน์ธวัชชัย 47 ปี เจ้าของ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 27 พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รอง ผบ.สำนักคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำหลังบริษัทถูกปลอมใบเสร็จรับเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับรถเบนซ์โบราณของสมเด็จช่วง
นายวีระชัย กล่าวว่า บริษัทตนนำเข้าอะไหล่รถจักรยานยนต์และจักรยานมาหลายสิบปีแล้วแต่ได้หยุดกิจการมาประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 27 ม.ค.59 ทางเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ โทรศัพท์มาแจ้งว่าทางบริษัทเกี่ยวข้องกับการทำรถจดประกอบรถเบนซ์โบราณของสมเด็จช่วงที่ปรากฎเป็นข่าวจึงทราบว่าบริษัทถูกคนปลอมแปลงเอกสารใบเสร็จรับเงินพร้อมกับแนะนำให้ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.หลักสอง ในวันถัดมา คือ วันที่ 28 ม.ค.59
"ใบเสร็จรับเงินของจริงจะมีชื่อที่อยู่บริษัทและมีกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านบนหัวกระดาษต้องเขียนชื่อผู้ซื้อและที่อยู่ด้วยลายมือ ส่วนใบเสร็จปลอมจะไม่มีกรอบสี่เหลี่ยมดังกล่าวซึ่งเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ ยืนยันว่าไม่รู้จัก นางกาญจนา มากเหมือน และ คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรถโบราณแต่อย่างใด" นายวีระชัย กล่าว
นายวีระชัย กล่าวอีกว่า หลังจาก ดีเอสไอ ตรวจสอบพบข้อมูลเอกสารมีการปลอมจึงได้เชิญตนมาชี้แจงพร้อมนำใบเสร็จของจริงและปลอมมาเปรียบเทียบด้วย รวมทั้ง ดำเนินการแจ้งความเอาไว้ที่ ดีเอสไอ ซึ่งได้รับเป็นคดีพิเศษไปเรียบร้อยแล้วเพื่อจะเอาผิดกับคนปลอมเอกสารที่ทำให้ชื่อเสียงตนและบริษัทเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใบเสร็จรับเงินและกำกับภาษีของปลอม มีรายละเอียด ดังนี้ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 14/19 หมู่ 6 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 3012106258 ผู้ซื้อชื่อ นางกาญจนา มากเหมือน (เจ้าของอู่ เอ็น.พี.การาจ ที่โดนนำชื่ออู่รถไปจดทะเบียนรถประกอบและจดทะเบียนกับกรมขนส่ง) ลงวันที่ซื้อ 16 ส.ค.54 รายละเอียดรายการ ระบุว่า ค่าแรงประกอบรถยนต์ เลขตัวถัง18601400042/53 เลขเครื่องยนต์ 1869204500552 รวมเป็นเงิน 50,000 บาท แบ่งเป็น ค่าแรงและบริการ 46,500 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 3,500 บาท สำหรับใบเสร็จรับเงินและกำกับภาษีของจริง มีรายละเอียด ดังนี้ หจก.เอช ที วาย ออโต้พาร์ท เลขที่ 27 พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 10 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เลขประจำตัวผู้เสียภาษี 3012106258ชื่อผู้ซื้อ ร้านจิวเจริญยนต์ ลงวันที่ 21 ธ.ค.53 ที่อยู่ 147/1 หมู่ 4 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี รายละเอียดรายการ ระบุว่า เครื่องมอเตอร์ไซต์เก่า ฮอนด้า เอ็นซี255-634 ซี644 จำนวนเงิน 6,000 บาท และภาษีมูลค่าเพิ่ม 420 บาท รวมเป็นเงิน 6,420 บาท
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม. เปิดว่า นายกฯได้โทรหา นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และเสนอความเห็นส่วนตัวไปว่า ทำไมเราไม่โยนปัญหาความขัดแย้งต่างๆไปให้ มส.แก้ เพราะความน่าเชื่อถือ ศรัทธา รวมถึงคดีความต่างๆที่เกี่ยวโยงนั้น การจะเป็นประมุขทางสงฆ์ นอกเหนือจากความถูกต้องตามกฎกติกาแล้ว ต้องมีความสง่างาม ไม่มีมลทิน ไม่มีการติฉินนินทา ทั้งต่อหน้าและลับหลัง มส.ต้องคุยเรื่องนี้ด้วย ไม่ใช่คุยกันแต่ว่า ใครอาวุโสกว่าใคร