เพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันใกล้ๆ สวนหลวง ร. 9 มีอาชีพเป็นครู สอนอยู่โรงเรียนวรรณวิทย์ โรงเรียนที่ถูกยกย่องในการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เด็กนักเรียนที่ยากไร้และด้อย โอกาสในการศึกษา
บ้านครูหญิงรายนี้ มีเด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงแวะเวียนมาพักอาศัยเป็นครั้งคราว เหมือนหอพักนักเรียน อยู่กันเป็นเดือนบ้าง เป็นปีบ้าง ก่อนทยอยจากไป ซึ่งส่วนใหญ่มารดาจะรับตัวไปอยู่ต่างประเทศ
เด็กโรงเรียนวรรณวิทย์ สุขุมวิทซอย 8 ผู้ปกครองไม่ได้ร่ำรวย ส่วนใหญ่มีอาชีพหาเช้ากินค่ำ ส่วนหนึ่งมาจากชุมชนละแวกใกล้เคียง เช่น ชุมชนยาสูบ ชุมชนซอยไผ่สิงโต หรือเป็นลูกของคนที่ทำมาหากินย่านถนนสุขุมวิท รวมทั้งผู้หญิงกลางคืนที่ทำงานสถานบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นักเรียนโรงเรียนวรรณวิทย์จำนวนหนึ่ง จึงมีหน้าตาเป็นลูกครึ่ง ผมแดง มารดามีสามีเป็นชาวต่างชาติ และย้ายไปอยู่กับสามี เมื่อจัดการด้านขั้นตอนขออนุญาตและงานด้านเอกสารเรียบร้อย จะรับตัวลูกตามไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งมักเป็นประเทศแถบยุโรป
เด็กนักเรียนที่มาอาศัยอยู่กับครูเพื่อนบ้าน คนแล้วคนเล่าต้องจากไป โดยมารดารับไปอยู่ด้วยที่อิตาลีบ้าง อังกฤษบ้าง ที่เยอรมนีก็มี
โรงเรียนวรรณวิทย์ ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อทุกแขนงมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะโรงเรียนที่เปี่ยมด้วยอุดมการณ์ มีความมุ่งมั่นช่วยเหลือเด็กให้มีการศึกษา โดยคิดอัตราค่าเทอมที่ต่ำมาก และผู้ปกครองที่มีฐานะยากจน สามารถผ่อนส่ง หรือไม่มีจริงๆ ไม่ต้องจ่ายยังไหว
การเป็นสถานการศึกษาในรูปแบบองค์กรการกุศล ทำให้โรงเรียนต้องควักทุนส่วนตัว จนเจ้าของแทบหมดเนื้อหมดตัว แต่ก็ไม่ท้อ ต่อสู้ดิ้นรนขายทรัพย์สินทุกอย่าง เพื่อมาจุนเจือการศึกษาเด็ก แต่ไม่ยอมขายโรงเรียนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ แม้จะมีนายทุนมาเสนอซื้อราคานับพันล้านบาทก็ตาม
ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์ วัย 94 ปี ทำหน้าที่ครูใหญ่ของโรงเรียนมายาวนาน แม้ปัจจุบันสังขารจะร่วงโรย แต่จิตใจยังยึดมั่นในอุดมการณ์ ยืนหยัดที่จะจรรโลงสังคมด้านการศึกษา
ทุกวันนี้โรงเรียนวรรณวิทย์ต้องอยู่อย่างขาดแคลน เพราะปัญหาด้านทุนทรัพย์เงินสนับสนุนจากรัฐและองค์กรที่มาบริจาคไม่เพียงพอ จนครูทั้งโรงเรียนต้องเข้ามาช่วยกันหารายได้จุนเจือ โดยช่วงเวลาพักจะทำหน้าที่แม่ค้าขายอาหาร ขายขนม ขายน้ำดื่มให้นักเรียน และไม่เปิดให้พ่อค้าแม่ค้าคนนอกเข้าไปขาย ส่วนกำไรทั้งหมดนำเข้าโรงเรียน
โรงเรียนวรรณวิทย์ ครูใหญ่ม.ร.ว.รุจีสมร ถูกพูดในแง่ดีมาตลอด มีแต่เสียงชื่นชมสรรเสริญคุณงามความดี มีแต่คำกล่าวในเชิงสร้างสรรค์ ในฐานะบุคคลที่เป็นแบบอย่างของการเสียสละ มีอุดมการณ์แน่วแน่เพื่อสังคม ไม่เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว ทั้งที่มีโอกาสเสวยสุขได้อย่างเต็มที่ จากทรัพย์สมบัติมหาศาลที่มีอยู่
เพิ่งจะมีมนุษย์อุบาทว์แสดงทัศนคติในแง่ร้ายกับม.ร.ว.รุจีสมรและโรงเรียนวรรณวิทย์ไม่กี่วันมานี้
แฟนเพจ “ขอกูพูดบ้างเหอะ” ซึ่งมักลงเรื่องราวสนับสนุนคนเสื้อแดง แสดงความเห็นทุเรศๆ โดยระบุว่า ถ้าครูใหญ่โรงเรียนวรรณวิทย์มีอุดมการณ์จริง ควรยกโรงเรียนให้รัฐบาลดูแล และยังสบประมาทว่า ถ้าวันไหนไม่มีครูใหญ่ โรงเรียนแห่งนี้จะถูกขายให้นายทุนอยู่ดี และวันนั้นอุดมการณ์ของครูใหญ่จะสูญสิ้นไป
แค่จั่วหัวแฟนเพจว่า “ขอกูพูดบ้างเหอะ” ก็สะท้อนถึงความเป็นคนถ่อยอยู่แล้ว และยิ่งแสดงทัศนะดูถูก ลบหลู่ถากถางคนดีที่เสียสละทำงานเพื่อสังคม ยิ่งตอกย้ำความเป็นคนอุบาทว์
ถ้าย้อนดูแนวคิดและพฤติกรรมของแฟนเพจรายนี้ คงต้องสรุปว่า เป็นแนวร่วมคนเสื้อแดง จึงไม่น่าแปลกใจในทัศนะบ้าๆ เท่าไหร่
เพราะคนเสื้อแดงไม่ยกย่องคนดี ไม่ศรัทธาคนที่มีคุณธรรม ไม่สนับสนุนคนที่มีอุดมการณ์เสียสละเพื่อสังคมอยู่แล้ว และจ้องทำลายล้างคนดีมาตลอด โดยเฉพาะคนดีที่ต่อต้านคนโกงอย่างนายทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนายทักษิณ คนเสื้อแดงไม่เห็นใครดี นอกจากคนในตระกูลชินวัตรแล้ว คนเสื้อแดงไม่เคยชื่นชมใคร นอกจากขี้ข้า “ทักษิณ” แล้ว คนเสื้อแดงไม่เคยเชื่อใคร
การตั้งคำถามเกี่ยวกับอุดมการณ์ของม.ร.ว.รุจีสมร เป็นความจงใจอันชั่วร้าย เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของโรงเรียนวรรณวิทย์
ข้อเสนอให้ครูใหญ่ ม.ร.ว.รุจีสมร ยกโรงเรียนวรรณวิทย์ให้รัฐบาลดูแล เป็นข้อเสนอของคนที่บรมโง่ โง่จนไม่รู้เลยหรือว่า โรงเรียนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐ บริหารจัดการกันอย่างไร มีคุณภาพหรือไม่ ดูแลเอาใจใส่นักเรียนขนาดไหน
โรงเรียนรัฐหลายแห่งเรียกค่าแป๊ะเจี๊ยะ ทุจริตการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน แจกซองผ้าป่ากฐินให้ผู้ปกครอง ขอเงินบริจาคประจำ ครูใหญ่ครูน้อยหมกมุ่นแต่เล่นหวย จ้องแต่หาลำไพ่พิเศษ แทนที่จะทุ่มเทกับการสอน
แฟนเพจ “ขอกูพูดบ้างเหอะ” สรุปแล้วเป็นแนวร่วมคนเสื้อแดง และลัทธิคนเสื้อแดงก็เป็นอย่างนี้แหละ ต่อต้านคนดี แต่รักคนชั่วอย่างงมงาย
คนดีมีอุดมการณ์เสียสละอย่างครูใหญ่โรงเรียนวรรณวิทย์ ควรค่าแก่การยกย่องเชิดชู คนเสื้อแดงกับถากถางทำลาย แต่คนโกงอย่าง “ทักษิณ” กลับหลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นจะเป็นจะตายกัน บ้าห้าร้อยจำพวกจริงๆ
บ้านครูหญิงรายนี้ มีเด็กนักเรียนทั้งชายและหญิงแวะเวียนมาพักอาศัยเป็นครั้งคราว เหมือนหอพักนักเรียน อยู่กันเป็นเดือนบ้าง เป็นปีบ้าง ก่อนทยอยจากไป ซึ่งส่วนใหญ่มารดาจะรับตัวไปอยู่ต่างประเทศ
เด็กโรงเรียนวรรณวิทย์ สุขุมวิทซอย 8 ผู้ปกครองไม่ได้ร่ำรวย ส่วนใหญ่มีอาชีพหาเช้ากินค่ำ ส่วนหนึ่งมาจากชุมชนละแวกใกล้เคียง เช่น ชุมชนยาสูบ ชุมชนซอยไผ่สิงโต หรือเป็นลูกของคนที่ทำมาหากินย่านถนนสุขุมวิท รวมทั้งผู้หญิงกลางคืนที่ทำงานสถานบริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นักเรียนโรงเรียนวรรณวิทย์จำนวนหนึ่ง จึงมีหน้าตาเป็นลูกครึ่ง ผมแดง มารดามีสามีเป็นชาวต่างชาติ และย้ายไปอยู่กับสามี เมื่อจัดการด้านขั้นตอนขออนุญาตและงานด้านเอกสารเรียบร้อย จะรับตัวลูกตามไปอยู่ต่างประเทศ ซึ่งมักเป็นประเทศแถบยุโรป
เด็กนักเรียนที่มาอาศัยอยู่กับครูเพื่อนบ้าน คนแล้วคนเล่าต้องจากไป โดยมารดารับไปอยู่ด้วยที่อิตาลีบ้าง อังกฤษบ้าง ที่เยอรมนีก็มี
โรงเรียนวรรณวิทย์ ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อทุกแขนงมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะโรงเรียนที่เปี่ยมด้วยอุดมการณ์ มีความมุ่งมั่นช่วยเหลือเด็กให้มีการศึกษา โดยคิดอัตราค่าเทอมที่ต่ำมาก และผู้ปกครองที่มีฐานะยากจน สามารถผ่อนส่ง หรือไม่มีจริงๆ ไม่ต้องจ่ายยังไหว
การเป็นสถานการศึกษาในรูปแบบองค์กรการกุศล ทำให้โรงเรียนต้องควักทุนส่วนตัว จนเจ้าของแทบหมดเนื้อหมดตัว แต่ก็ไม่ท้อ ต่อสู้ดิ้นรนขายทรัพย์สินทุกอย่าง เพื่อมาจุนเจือการศึกษาเด็ก แต่ไม่ยอมขายโรงเรียนเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ แม้จะมีนายทุนมาเสนอซื้อราคานับพันล้านบาทก็ตาม
ม.ร.ว.รุจีสมร สุขสวัสดิ์ วัย 94 ปี ทำหน้าที่ครูใหญ่ของโรงเรียนมายาวนาน แม้ปัจจุบันสังขารจะร่วงโรย แต่จิตใจยังยึดมั่นในอุดมการณ์ ยืนหยัดที่จะจรรโลงสังคมด้านการศึกษา
ทุกวันนี้โรงเรียนวรรณวิทย์ต้องอยู่อย่างขาดแคลน เพราะปัญหาด้านทุนทรัพย์เงินสนับสนุนจากรัฐและองค์กรที่มาบริจาคไม่เพียงพอ จนครูทั้งโรงเรียนต้องเข้ามาช่วยกันหารายได้จุนเจือ โดยช่วงเวลาพักจะทำหน้าที่แม่ค้าขายอาหาร ขายขนม ขายน้ำดื่มให้นักเรียน และไม่เปิดให้พ่อค้าแม่ค้าคนนอกเข้าไปขาย ส่วนกำไรทั้งหมดนำเข้าโรงเรียน
โรงเรียนวรรณวิทย์ ครูใหญ่ม.ร.ว.รุจีสมร ถูกพูดในแง่ดีมาตลอด มีแต่เสียงชื่นชมสรรเสริญคุณงามความดี มีแต่คำกล่าวในเชิงสร้างสรรค์ ในฐานะบุคคลที่เป็นแบบอย่างของการเสียสละ มีอุดมการณ์แน่วแน่เพื่อสังคม ไม่เห็นแก่ประโยชน์สุขส่วนตัว ทั้งที่มีโอกาสเสวยสุขได้อย่างเต็มที่ จากทรัพย์สมบัติมหาศาลที่มีอยู่
เพิ่งจะมีมนุษย์อุบาทว์แสดงทัศนคติในแง่ร้ายกับม.ร.ว.รุจีสมรและโรงเรียนวรรณวิทย์ไม่กี่วันมานี้
แฟนเพจ “ขอกูพูดบ้างเหอะ” ซึ่งมักลงเรื่องราวสนับสนุนคนเสื้อแดง แสดงความเห็นทุเรศๆ โดยระบุว่า ถ้าครูใหญ่โรงเรียนวรรณวิทย์มีอุดมการณ์จริง ควรยกโรงเรียนให้รัฐบาลดูแล และยังสบประมาทว่า ถ้าวันไหนไม่มีครูใหญ่ โรงเรียนแห่งนี้จะถูกขายให้นายทุนอยู่ดี และวันนั้นอุดมการณ์ของครูใหญ่จะสูญสิ้นไป
แค่จั่วหัวแฟนเพจว่า “ขอกูพูดบ้างเหอะ” ก็สะท้อนถึงความเป็นคนถ่อยอยู่แล้ว และยิ่งแสดงทัศนะดูถูก ลบหลู่ถากถางคนดีที่เสียสละทำงานเพื่อสังคม ยิ่งตอกย้ำความเป็นคนอุบาทว์
ถ้าย้อนดูแนวคิดและพฤติกรรมของแฟนเพจรายนี้ คงต้องสรุปว่า เป็นแนวร่วมคนเสื้อแดง จึงไม่น่าแปลกใจในทัศนะบ้าๆ เท่าไหร่
เพราะคนเสื้อแดงไม่ยกย่องคนดี ไม่ศรัทธาคนที่มีคุณธรรม ไม่สนับสนุนคนที่มีอุดมการณ์เสียสละเพื่อสังคมอยู่แล้ว และจ้องทำลายล้างคนดีมาตลอด โดยเฉพาะคนดีที่ต่อต้านคนโกงอย่างนายทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนายทักษิณ คนเสื้อแดงไม่เห็นใครดี นอกจากคนในตระกูลชินวัตรแล้ว คนเสื้อแดงไม่เคยชื่นชมใคร นอกจากขี้ข้า “ทักษิณ” แล้ว คนเสื้อแดงไม่เคยเชื่อใคร
การตั้งคำถามเกี่ยวกับอุดมการณ์ของม.ร.ว.รุจีสมร เป็นความจงใจอันชั่วร้าย เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของโรงเรียนวรรณวิทย์
ข้อเสนอให้ครูใหญ่ ม.ร.ว.รุจีสมร ยกโรงเรียนวรรณวิทย์ให้รัฐบาลดูแล เป็นข้อเสนอของคนที่บรมโง่ โง่จนไม่รู้เลยหรือว่า โรงเรียนที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของรัฐ บริหารจัดการกันอย่างไร มีคุณภาพหรือไม่ ดูแลเอาใจใส่นักเรียนขนาดไหน
โรงเรียนรัฐหลายแห่งเรียกค่าแป๊ะเจี๊ยะ ทุจริตการจัดซื้ออุปกรณ์การเรียนการสอน แจกซองผ้าป่ากฐินให้ผู้ปกครอง ขอเงินบริจาคประจำ ครูใหญ่ครูน้อยหมกมุ่นแต่เล่นหวย จ้องแต่หาลำไพ่พิเศษ แทนที่จะทุ่มเทกับการสอน
แฟนเพจ “ขอกูพูดบ้างเหอะ” สรุปแล้วเป็นแนวร่วมคนเสื้อแดง และลัทธิคนเสื้อแดงก็เป็นอย่างนี้แหละ ต่อต้านคนดี แต่รักคนชั่วอย่างงมงาย
คนดีมีอุดมการณ์เสียสละอย่างครูใหญ่โรงเรียนวรรณวิทย์ ควรค่าแก่การยกย่องเชิดชู คนเสื้อแดงกับถากถางทำลาย แต่คนโกงอย่าง “ทักษิณ” กลับหลงใหลได้ปลื้มถึงขั้นจะเป็นจะตายกัน บ้าห้าร้อยจำพวกจริงๆ
