ผู้จัดการรายวัน360 - "บิ๊กป้อม"พร้อมเปิดทาง"สตง.-ปปท." ลุยสอบโกงผู้เกี่ยวข้อง"ราชภักดิ์" เป็นรายบุคคล "บิ๊กต๊อก" สั่งลุยสอบต่อ ยันไม่เลือกปฏิบัติ ด้าน"บิ๊กโด่ง" ขอให้ตรวจสอบราชภักดิ์ด้วยความยุติธรรม ยันกองทัพ-คกก.ไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่องเอกชน พร้อมแจงทุกประเด็น และไม่ควรวิจารณ์เรื่องเปลี่ยนชื่อมูลนิธิฯ
วานนี้ (5ม.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงผลสอบสวนโครงการอุทยานราชภักดิ์ ไม่มีการทุจริต และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวให้กำลังใจ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ว่า เราได้สอบแล้วว่าการใช้เงินในโครงการไม่มีอะไรน่าสงสัย กระทรวงกลาโหมได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่ถึงที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไร นอกจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. เข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการในส่วนของภาคเอกชน ว่าจะเกี่ยวกับใคร อย่างไร หรือไม่ เป็นรายบุคคล เพราะที่กระทรวงกลาโหมสอบได้ดำเนินการไปถึงบุคคลที่ไม่อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อผลออกมาเช่นนี้แล้ว แสดงว่าสถานการณ์ที่ถูกกลุ่มการเมืองหยิบประเด็นดังกล่าวมาโจมตี ถือว่าดีขึ้น ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า คุณว่าอย่างไร ผู้สื่อข่าวตอบว่า“ดีขึ้น” พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวต่อว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จบไป ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงกลาโหมไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดนั้น ก็เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต จะไปลงโทษได้อย่างไร
**"บิ๊กต๊อก"สั่งลุยสอบต่อราชภักดิ์
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญกรรมการ ศอตช. มาพูดคุยแล้ว ทั้ง ศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) มารายงานความก้าวหน้า โดย สตง.เข้าไปดูได้ระดับหนึ่งแล้ว คงรอให้ประสานกระทรวงกลาโหม เพื่อขอดูรายละเอียดได้เร็วขึ้น
เมื่อถามว่า การสอบไม่ได้มองเรื่องขององค์กร แต่มองเรื่องของตัวบุคคล ใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ใช่ ต้องสอบผู้รับผิดชอบทั้งหมด เมื่อถามว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย จะยื่นข้อมูลตัวเลขรายรับรายจ่าย การใช้งบประมาณโครงการฯ ให้ สตง.ตรวจสอบ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่าก็ยื่นมาได้หมด ยื่นมาก็ดี จะได้ประกอบการพิจารณา แต่ท้ายสุดต้องขอให้เหตุผล ตนคิดว่าจะเชิญใครที่สงสัยทั้งหมดมาถาม มาคุยกันโดยหลัก ไม่ใช่คุยตามกระแส
" ศอตช.ต้องทำให้ตอบโจทย์สังคมให้ได้ โดยไม่ทำนอกเหนือกติกา ท้ายสุดเวลาแถลง เปิดให้ทุกฝ่ายไม่ว่าใคร ซักถามได้หมด ไม่เลือกปฏิบัติกับแค่ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ขอให้ดูด้วยเหตุด้วยผล ยืนยันจะชี้แจง เปิดให้ซักถามอย่างละเอียดแน่" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
**บิ๊กโด่งยันกองทัพ-คกก.ไม่เกี่ยวข้อง
ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ยืนยันการดำเนินการของคณะทำงานโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่ผ่านมา ทำด้วยความรัดกุม ปีที่ผ่านมากองทัพบกมีนับร้อยโครงการที่ต้องดำเนินการ ซึ่งอุทยานราชภักดิ์ เป็นเพียงโครงการหนึ่งเท่านั้น ตนก็ไม่ได้ถ่ายเอกสารไว้ในส่วนที่ตนรับผิดชอบ
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนได้ฟังหัวหน้าส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ บางหน่วยงานอยากทำความเข้าใจว่า ให้ท่านรู้รายละเอียดให้ถ่องแท้ ไปดูให้ดีเสียก่อน เช่น เรื่องโรงหล่อ ตรงนั้นเป็นเรื่องของเอกชน ก็ขอให้ไปตรวจสอบว่า เอกชนกับเอกชนเป็นอย่างไร ทำไมคณะกรรมการอุทยานราชภักดิ์ จึงบอกว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ และกำลังพลของกองทัพบกในปีที่มีการก่อสร้าง แต่ท่านมักจะใช้คำว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงช่วงนี้พล.อ.อุดมเดช ได้หยุดไปสักพักก่อนที่พูดต่อว่า ตนอธิบายกันแล้วก็ยังไม่เข้าใจ
" ผมไม่ชอบเลย เราก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และผมก็รังเกียจคำนั้นด้วย ไอ้คำ "หัวๆ" นั้นแหละ ซึ่งผมไม่ได้ใช้ ผมเพียงได้รับคำถามนั้นมา แล้วก็มาบอกว่า มันอาจเป็นความจริงบางส่วน มันเป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชนดำเนินการ เราก็ได้แก้ไข แล้วจะมาบอกว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 อะไร ผมดูแล้วก็ไม่เกี่ยวข้อง และถ้าท่านเป็นหน่วยตรวจสอบ ถ้ามันไม่ยุติธรรม ก็ต้องรับผิดชอบ การตรวจสอบของท่านต้องเป็นไปตามปกติ" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ถ้าหัวหน้าชุดสอบ ผู้ใหญ่ของหน่วยงาน ต้องการทราบอะไร หรืออยากจะพบตน หรือมาคุยกัน ก็สามารถชี้แจงได้หมด ในฐานะที่เป็นประธานอำนวยการ รวมถึงกลุ่มอำนวยการที่มีรองประธานต่างๆ กำกับดูแล สามารถชี้แจงได้ รวมถึงการดำเนินงานของมูลนิธิราชภักดิ์ ที่ได้อนุมัติจัดตั้ง เมื่อปลายปีงบประมาณกลางเดือนก.ย.58 ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย
" ขอให้ตรวจสอบด้วยความยุติธรรม ผลที่ออกมาจะได้เป็นธรรมกับผู้ที่ทำงานกับผู้ที่ปฏิบัติงาน ที่ตั้งใจทำงาน อย่าทำให้เสียกำลังใจ ขอให้ดูวัตถุประสงค์ ยืนยันผมไม่ต้องการทำในสิ่งที่ผิดแล้วทำให้เป็นถูก และปีนี้โครงการราชภักดิ์ ต้องดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกตามเงินที่มีอยู่ โดยประสานกองทัพบก เพื่อให้ผู้บริจาคมั่นใจ" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** ไม่ควรวิจารณ์เรื่องเปลี่ยนชื่อมูลนิธิฯ
ผู้สื่อข่าวพยายามถึงสาเหตุการเปลี่ยนชื่อจาก "มูลนิธิราชภักดิ์" มาเป็น "มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดย พล.อ.อุดมเดช ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า "อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม ต่อให้เป็นข่าวก็ช่าง"
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงกรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อมูลนิธิฯ ว่า หากจะมีเสนอเปลี่ยน ก็เป็นทางมูลนิธิฯ เสนอขอเปลี่ยน ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยขอเปลี่ยน และขณะนี้อยู่ในขั้นตอน จึงไม่เหมาะสมที่จะพูด เพราะยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์
วานนี้ (5ม.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงผลสอบสวนโครงการอุทยานราชภักดิ์ ไม่มีการทุจริต และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ กล่าวให้กำลังใจ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ว่า เราได้สอบแล้วว่าการใช้เงินในโครงการไม่มีอะไรน่าสงสัย กระทรวงกลาโหมได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามอำนาจหน้าที่ถึงที่สุดแล้ว คงไม่มีอะไร นอกจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. เข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับการดำเนินการในส่วนของภาคเอกชน ว่าจะเกี่ยวกับใคร อย่างไร หรือไม่ เป็นรายบุคคล เพราะที่กระทรวงกลาโหมสอบได้ดำเนินการไปถึงบุคคลที่ไม่อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อผลออกมาเช่นนี้แล้ว แสดงว่าสถานการณ์ที่ถูกกลุ่มการเมืองหยิบประเด็นดังกล่าวมาโจมตี ถือว่าดีขึ้น ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า คุณว่าอย่างไร ผู้สื่อข่าวตอบว่า“ดีขึ้น” พล.อ.ประวิตร จึงกล่าวต่อว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จบไป ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงกลาโหมไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดนั้น ก็เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต จะไปลงโทษได้อย่างไร
**"บิ๊กต๊อก"สั่งลุยสอบต่อราชภักดิ์
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เชิญกรรมการ ศอตช. มาพูดคุยแล้ว ทั้ง ศาลยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) มารายงานความก้าวหน้า โดย สตง.เข้าไปดูได้ระดับหนึ่งแล้ว คงรอให้ประสานกระทรวงกลาโหม เพื่อขอดูรายละเอียดได้เร็วขึ้น
เมื่อถามว่า การสอบไม่ได้มองเรื่องขององค์กร แต่มองเรื่องของตัวบุคคล ใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ใช่ ต้องสอบผู้รับผิดชอบทั้งหมด เมื่อถามว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคเพื่อไทย จะยื่นข้อมูลตัวเลขรายรับรายจ่าย การใช้งบประมาณโครงการฯ ให้ สตง.ตรวจสอบ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่าก็ยื่นมาได้หมด ยื่นมาก็ดี จะได้ประกอบการพิจารณา แต่ท้ายสุดต้องขอให้เหตุผล ตนคิดว่าจะเชิญใครที่สงสัยทั้งหมดมาถาม มาคุยกันโดยหลัก ไม่ใช่คุยตามกระแส
" ศอตช.ต้องทำให้ตอบโจทย์สังคมให้ได้ โดยไม่ทำนอกเหนือกติกา ท้ายสุดเวลาแถลง เปิดให้ทุกฝ่ายไม่ว่าใคร ซักถามได้หมด ไม่เลือกปฏิบัติกับแค่ฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ขอให้ดูด้วยเหตุด้วยผล ยืนยันจะชี้แจง เปิดให้ซักถามอย่างละเอียดแน่" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
**บิ๊กโด่งยันกองทัพ-คกก.ไม่เกี่ยวข้อง
ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า ยืนยันการดำเนินการของคณะทำงานโครงการอุทยานราชภักดิ์ที่ผ่านมา ทำด้วยความรัดกุม ปีที่ผ่านมากองทัพบกมีนับร้อยโครงการที่ต้องดำเนินการ ซึ่งอุทยานราชภักดิ์ เป็นเพียงโครงการหนึ่งเท่านั้น ตนก็ไม่ได้ถ่ายเอกสารไว้ในส่วนที่ตนรับผิดชอบ
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนได้ฟังหัวหน้าส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ บางหน่วยงานอยากทำความเข้าใจว่า ให้ท่านรู้รายละเอียดให้ถ่องแท้ ไปดูให้ดีเสียก่อน เช่น เรื่องโรงหล่อ ตรงนั้นเป็นเรื่องของเอกชน ก็ขอให้ไปตรวจสอบว่า เอกชนกับเอกชนเป็นอย่างไร ทำไมคณะกรรมการอุทยานราชภักดิ์ จึงบอกว่า มันไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ และกำลังพลของกองทัพบกในปีที่มีการก่อสร้าง แต่ท่านมักจะใช้คำว่า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อมาถึงช่วงนี้พล.อ.อุดมเดช ได้หยุดไปสักพักก่อนที่พูดต่อว่า ตนอธิบายกันแล้วก็ยังไม่เข้าใจ
" ผมไม่ชอบเลย เราก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และผมก็รังเกียจคำนั้นด้วย ไอ้คำ "หัวๆ" นั้นแหละ ซึ่งผมไม่ได้ใช้ ผมเพียงได้รับคำถามนั้นมา แล้วก็มาบอกว่า มันอาจเป็นความจริงบางส่วน มันเป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชนดำเนินการ เราก็ได้แก้ไข แล้วจะมาบอกว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 อะไร ผมดูแล้วก็ไม่เกี่ยวข้อง และถ้าท่านเป็นหน่วยตรวจสอบ ถ้ามันไม่ยุติธรรม ก็ต้องรับผิดชอบ การตรวจสอบของท่านต้องเป็นไปตามปกติ" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ถ้าหัวหน้าชุดสอบ ผู้ใหญ่ของหน่วยงาน ต้องการทราบอะไร หรืออยากจะพบตน หรือมาคุยกัน ก็สามารถชี้แจงได้หมด ในฐานะที่เป็นประธานอำนวยการ รวมถึงกลุ่มอำนวยการที่มีรองประธานต่างๆ กำกับดูแล สามารถชี้แจงได้ รวมถึงการดำเนินงานของมูลนิธิราชภักดิ์ ที่ได้อนุมัติจัดตั้ง เมื่อปลายปีงบประมาณกลางเดือนก.ย.58 ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรเลย
" ขอให้ตรวจสอบด้วยความยุติธรรม ผลที่ออกมาจะได้เป็นธรรมกับผู้ที่ทำงานกับผู้ที่ปฏิบัติงาน ที่ตั้งใจทำงาน อย่าทำให้เสียกำลังใจ ขอให้ดูวัตถุประสงค์ ยืนยันผมไม่ต้องการทำในสิ่งที่ผิดแล้วทำให้เป็นถูก และปีนี้โครงการราชภักดิ์ ต้องดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมอีกตามเงินที่มีอยู่ โดยประสานกองทัพบก เพื่อให้ผู้บริจาคมั่นใจ" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
** ไม่ควรวิจารณ์เรื่องเปลี่ยนชื่อมูลนิธิฯ
ผู้สื่อข่าวพยายามถึงสาเหตุการเปลี่ยนชื่อจาก "มูลนิธิราชภักดิ์" มาเป็น "มูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดย พล.อ.อุดมเดช ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่า "อย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม ต่อให้เป็นข่าวก็ช่าง"
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงกรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อมูลนิธิฯ ว่า หากจะมีเสนอเปลี่ยน ก็เป็นทางมูลนิธิฯ เสนอขอเปลี่ยน ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยขอเปลี่ยน และขณะนี้อยู่ในขั้นตอน จึงไม่เหมาะสมที่จะพูด เพราะยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์