xs
xsm
sm
md
lg

กรุงไทยระอุสาขาก่อหวอด 'บิ๊กต่อ'ลั่นทำเพื่อองค์กร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คลื่นใต้น้ำแบงก์กรุงไทยโผล่รับปีวอก ชมรมผู้จัดการสาขาป่วนงานสัมมนาประจำปี แฉเอ็มดีดึงคนนอกรื้อระบบสินเชื่อสองมาตรฐาน ทำแบงก์เสียโอกาสปล่อยกู้ ด้านบิ๊กต่อ “วรภัค” ลั่น คนเก่าไม่เคยชิน ยันทำมากได้มาก เผยต้องสกัดหนี้เสีย สร้างมาตรฐานแข่งกับเอกชน ชี้ระอุเพราะดึงอำนาจไว้ในศูนย์สินเชื่อ ใช้ committee อนุมัติ แต่อนาคตหากหนี้เสียลดจะผ่อนปรนให้อำนาจสาขามากขึ้น

จากกระแสข่าวการก่อตัวของคลื่นใต้น้ำในธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ธนาคารของรัฐบาลในยุคที่นายวรภัค ธันยาวงษ์ เป็นกรรมการการผู้จัดการใหญ่ แหล่งข่าวจากชมรมผู้จัดการสาขาธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเริ่มก่อตัวมาระยะหนึ่ง และผู้จัดการสาขาเห็นว่าหากปล่อยไปโดยไม่ดำเนินการอะไรเลย จะเกิดความเสียหายต่อองค์กร เต่ความพยายามในการพูดคุยและนำเสนอไปยังกรรมการผู้จัดการใหญ่แล้วไม่เป็นผล จึงมีการรวมตัวกัน โดยหวังว่าจะใช้เวทีการสัมมนายุทธศาสตร์ธนาคารปี 2559 ทว่าถูกสกัดไม่ให้เข้าห้องสัมมนา จนต้องหอบข้อมูลมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน

“ช่วงที่คุณวรภัคเข้ามารับตำแหน่งใหม่ อาจจะเป็นข้าวใหม่ปลามัน แสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำคนรุ่นใหม่ คิดนอกกรอบ ให้ความหวัง งานได้ผล คนเป็นสุข สร้างความหวังในการทำงานของพนักงาน ตอนนั้นมีการดึงคนนอกเงินเดือนแพงๆ จากแบงก์อื่นเข้ามา พวกเราก็ชื่นชม ตอนนั้นมีการตั้งศูนย์รวมการพิจารณาสินเชื่อ (Loan Factory) ของสายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย เป็นโรงงานผลิตสินเชื่อ มีคนนับร้อยคน พวกเราก็ตื่นเต้น ปรากฏว่าดีแค่ช่วงแรก เพราะเวลาผ่านไปเริ่มมีการแทรกแซงการปล่อยกู้ในแต่ละสาขา”

ยกตัวอย่าง นางประราลี รัตน์ประสาทพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารคุณภาพสินเชื่อและกระบวนการธุรกิจเครือข่ายรายย่อย อายุ 46 ปี ดึงมาจากธนาคารไทยพาณิชย์ มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ช่วงแรกทำงานเข้าขากับผู้จัดการสาขาและพนักงาน แต่ผ่านไปสักพักเริ่มมีปัญหา ประเด็นอยู่ที่มาตรฐานที่แตกต่างในการปล่อยกู้ อย่างลูกค้าบางรายเคยล้มละลายเมื่อ 13 ปีก่อน ปัจจุบันสร้างฐานะการเงินจนมีเครดิต ธุรกิจที่ทำก็มีแนวโน้มที่ดี กลับห้ามปล่อยกู้ ขณะที่ลูกค้าบางรายไม่เคยล้มละลายก็จริง แต่วันนี้ผู้จัดการสาขาวิเคราะห์แล้วขาดสภาพคล่อง ธุรกิจขาลง กลับอนุมัติ เป็นต้น

“กรุงไทยที่เคยมีจุดแข็งอยู่ในส่วนภูมิภาค กลับมีจุดอ่อนไม่ต่างกับนครหลวง การอำนวยสินเชื่อรายย่อยจำต้องอาศัยความเข้าใจและรู้จักตัวตนของลูกค้าเป็นอย่างดี แต่เธอกลับไม่เข้าใจ ผู้จัดการสาขาพยายามมองข้ามเรื่องอ่อนอาวุโส หรือเงินเดือนแพง แต่การทำให้แบงก์เสียโอกาสในการปล่อยกู้ ปิดโอกาสแสดงความเห็น พวกเราไม่สบายใจ”

เขาเล่าให้ฟังว่า วันเกิดเหตุ วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค. 2558 ที่ห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ รร.เซ็นทรัล เมื่อรู้ว่าชมรมผู้จัดการสาขาจะเสนอปัญหาดังกล่าวในงานสัมมนา ปรากฏว่านายเชิดชัย ชมภูนุกูลรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย เดินออกมาห้ามไม่ให้นายศักดา ปริญญาธนกุล ประธานชมรมผู้จัดการสาขา เข้าไปในงาน อย่างไรก็ดี หลังจากนายสมชัย สัจจพงษ์ ประธานกรรมการธนาคารแสดงวิสัยทัศน์แล้วลงจากเวที นายวรภัคขึ้นแสดงวิสัยทัศน์บ้าง ขณะประกาศความภูมิใจในการได้รับรางวัลนักการเงินแห่งปี ทันใดนั้นเองพนักงานและผู้บริหารบางส่วนลุกขึ้นเดินออกจากห้อง นายเชิดชัยต้องออกมาชวนพนักงานให้กลับเข้าไป

***”วรภัค” แจงยกระดับKTBสู่สากล

นายวรภัคซึ่งจะครบเทอมในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในเดือน พ.ย.59 ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่เป็นความจริง งานสัมมนาที่จัดขึ้นก็ผ่านไปด้วยดี ส่วนที่ไม่ให้พนักงานบางคนเข้าไปป่วน เพราะเป็นงานที่มีผู้ใหญ่เข้าร่วม ไม่ควรทำให้เกิดเรื่อง การที่มีบางคนไม่พอใจน่าจะเกิดจากความไม่เข้าใจ ไม่อยากเปลี่ยนแปลง ระบบเดิมได้ผลตอบแทนเท่าๆ กัน แต่ระบบใหม่ผลตอบแทนตามจริง เพื่อคืนความยุติธรรม แน่นอนทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย

บิ๊กแบงก์กรุงไทยอธิบายว่า การทำงานในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา เป็นการยกระดับธนาคารกรุงไทยให้เข้าสูมาตรฐานสากล อย่างน้อยสามารถแข่งขันกับแบงก์พาณิชย์เอกชน ดังนั้นจะต้องจริงจังกับการปล่อยสินเชื่อมากกว่าที่ผ่านมา ต้องเข้มงวดในคุณภาพสินเชื่อ ไม่ใช่รอลูกค้าที่แบงก์เอกชนไม่เอาแล้ว ที่สำคัญก่อนหน้านี้ ธนาคารมีปัญหาหนี้เสียเหมือนกับแบงก์อื่นๆ จึงต้องเข้มเป็นพิเศษ มีการเปลี่ยนอำนาจอนุมัติสินเชื่อจากกลุ่มเขตสาขามาเป็น LOAN FACTORY เป็นโรงงานผลิตสินเชื่อ นางประราลีก็ไม่มีอำนาจอนุมัติ เพราะการอนุมัติ เป็นอำนาจของคณะกรรมการ (committee)

“เรารู้ว่าสาขาไหนกำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ รู้ละเอียด ผมมีดัชนีชี้วัดผลงาน เช่นกันข้อมูลลูกค้า ไม่เกี่ยวกับล้มหรือไม่ล้มละลาย อย่างสหฟาร์มต้องดูกิจการ เปรียบเทียบธุรกิจอื่น คู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน แนวโน้มรอดไม่รอดต้องชัดเจน จึงจะตัดสินใจ การปล่อยสินเชื่อเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ไสยศาสตร์” บิ๊กต่อกร้าว

นายวรภัคยืนยันว่า ทราบเรื่องวัฒนธรรมองค์กรของกรุงไทยหรือแม้แต่ความเคยชินเดิมๆ จึงอยากให้พนักงานปรับตัวและอดทน ทั้งหมดก็เพื่อตัวเอง เพื่อองค์การที่แข็งแกร่ง ไม่แน่ หากปีนี้ (2559) สถานการณ์หนี้เสียคลี่คลายหรือเบาบางลง ผู้จัดการสาขาวิเคราะห์ลูกค้าจนมั่นใจ ก็จะเปิดทางให้อำนาจหรือมีส่วนร่วมมากขึ้นก็เป็นได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น