“...ทรงพระเจริญ!...ทรงพระเจริญ!...ทรงพระเจริญ!...”
นั่นเป็นเสียงดังกึกก้องตลอดสองข้างทาง เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงนำขบวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม “ปั่นเพื่อพ่อ-Bike For Dad” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปั่นจักรยาน 29 กิโลเมตร ในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2558
ส่วนการ “ปั่นเพื่อพ่อ-Bike For Dad” ของคนไทยทั่วประเทศและทั่วโลก ก็มีผู้คนเข้าร่วมอย่างคึกคักมืดฟ้ามัวดินเช่นกัน
กิจกรรมทั้ง Bike For Mom และ Bike For Dad ที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ “ทรงนำทัพปั่นจักรยาน” จึงเป็นการปั่นจักรยานที่มีผู้คนเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยและโลกไปแล้ว
ส่วนการสร้าง “อุทยานราชภักดิ์” ในพื้นที่ของกองทัพบก ณ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีพระบรมราชานุสาวรีย์สุดอลังการของบูรพมหากษัตริย์ 7 พระองค์ประดิษฐานนั้น บัดนี้ได้กลายเป็น “แลนด์มาร์ค” ของชาติไทยไปโดยปริยาย ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ปวงชนชาวไทย พากันไปสักการะบูรพมหากษัตริย์ไทยอีกด้วย
โครงการ “อุทยานราชภักดิ์” ภายใต้รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา” ที่มอบหมายให้กองทัพบก โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.ในห้วงนั้น และเป็น รมช.กลาโหมในรัฐบาลนี้ เป็น “แม่งาน” จนทำให้การก่อสร้าง “อุทยานราชภักดิ์”สำเร็จลุล่วงเร็วราวเนรมิต
ต้องยอมรับความจริงว่า ทั้ง 3 โครงการเพื่อการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ล้วนเป็นโครงการดีงามยิ่งยวดต่อชาติและประชาชนคนไทยแน่นอน โดยไม่มีข้อเคลือบแคลง แม้จะมี “บางบุคคล” บังอาจกระทำในสิ่ง “มิบังควร-แม้แต่จะคิด” กับ 3 โครงการอันยิ่งใหญ่นี้ แต่ก็เป็น “เศษเสี้ยว” อันไร้ค่า ที่มิอาจทำลายความยิ่งใหญ่ ของทั้ง 3 โครงการดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม... นับจากนี้ สิ่งที่ “บิ๊กตู่” จะต้องสะสางอย่างจริงจังจริงใจ อีกทั้งต้องทำอย่างตรงไปตรงมา ก็คือ... ต้องนำกลุ่มคนกระทำผิดที่บังอาจแอบอ้าง “สถาบันสูงสุด” มาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว
หาก “บิ๊กตู่” แก้ปัญหานี้ไม่ถูกและช้าเกินการณ์ จะเป็น “สนิมเกิดจากเนื้อในเหล็ก” ทำความเสียหายต่อกองทัพ และ “ทำลายศรัทธา” ต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ฯลฯ แน่นอน
ยิ่ง “บิ๊กตู่” ใช้ “การปรองดอง” นำหน้า “การลงโทษคนผิดอย่างเฉียบขาด” ย่อมทำให้กลุ่มคนชั่วโกงชาติ ยังลอยนวลสบายใจเฉิบอยู่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งกลุ่มคนชั่วเหล่านั้นยังทำชั่วทุกรูปแบบ เพื่อยึดอำนาจรัฐด้วยการโกงเลือกตั้งต่อไป โดยประสานงานอย่างเป็นระบบกับรัฐต่างชาติ
ทั้งนี้...เพราะรัฐบาลชาติตะวันตกเหล่านั้น เคยได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล จากอดีตรัฐบาลที่ยึดอำนาจรัฐจากการโกงเลือกตั้ง ซึ่งสมคบกันปล้นชาติไทยมาโดยตลอด
ดังนั้น กลุ่มอดีตผู้บริหารชาติไทย และรัฐบาลมหาอำนาจบางชาติ จึงพยายามปิดล้อมทำลายรัฐบาล “บิ๊กตู่” และชาติไทย ทางด้านเศรษฐกิจ-การเมือง ฯลฯ ดังเช่นทุกวันนี้
เหตุการณ์ร้ายๆ มากมายที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล “บิ๊กตู่” และชาติไทยที่ผ่านมา จึงมิได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือเป็นไปเอง เพราะหลายเรื่องเมื่อสืบลึกลงไป จะพบกลุ่ม “เพื่อไทยชั่ว” ในต่างแดนอยู่เบื้องหลัง
ถ้า “การปรองดอง” ทำให้นักการเมืองชั่ว เลิกโกงเลือกตั้ง-เลิกโกงชาติได้ “งาช้างคงจะงอกออกจากปากสุนัข” ได้เช่นกัน-จริงไหม?
การปรองดอง-เป็นสิ่งดีมีค่ายิ่งนัก ควรใช้กับคนชั่วทำผิดกฎหมาย ที่ยอมรับผิดและถูกลงโทษแล้ว อีกทั้งเลิกการทำชั่วอย่างแท้จริง รวมทั้งได้กลับตัวเป็นคนดีในสังคมไทย การปรองดองจึงจะได้ผลดีและเหมาะสมกับสภาพการณ์
แต่หากกลุ่มคนชั่วยังโลภไม่รู้จักพอ ยังจะใช้การโกงเลือกตั้งยึดอำนาจรัฐ เพื่อกอบโกยเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สินด้วยการปล้นชาติ ทั้งๆ ที่อดีตรัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติเหล่านี้ ถูกชาวไทยชุมนุมขับไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูก “มือลึกลับ” พลิกขั้วหนึ่งครั้ง และถูกกองทัพทำรัฐประหารถึงสองครั้ง ฯลฯ
แต่เหลี่ยมกับพวกก็ยังไม่สำนึกแม้แต่น้อย ในความชั่วและความผิดที่พวกตนก่อขึ้น ซึ่งทำร้ายทำลายชาติไทยมาจนทุกวันนี้!
การปรองดองในวันนี้-จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ ช่วยให้กลุ่มคนชั่วอยู่รอดปลอดภัย ทั้งยังแอบสะสมกำลังมิให้เสียหาย ดังคำ “อวยพรปีใหม่” ล่าสุดของ “เหลี่ยม” ในทำนองว่า
“ขอให้อดทนกันอีกนิด” (แล้วพวกเราจะกลับมายึดอำนาจรัฐอีกคราไงล่ะ!...)
คนดีจะสู้กับคนชั่วได้ นอกจากต้องฉลาดรู้เท่าทันแล้ว ยังต้องปรองดองกับคนดีเท่านั้น มิใช่หลงไปปรองดองกับคนชั่ว แถมยังบังคับให้คนดีปรองดองกับคนชั่วเสียอีก!
ที่สำคัญ...ยาม “คนดี(ถ้าเป็นคนดีจริง)” มีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือ จะต้องใช้โอกาสทองนี้ให้คุ้มค่า ใช้อย่างสร้างสรรค์และเด็ดขาดต่อคนชั่ว ใช้เพื่อทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองบ้านเมือง และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจอีกต่อไป
“คนดี(ถ้าดีจริง)” จะขจัดคนชั่วได้...มิใช่แค่ “คำพูด” แน่นอน! ผลงานที่ดีต่างหากที่ขจัดกลุ่มคนชั่ว ให้พ้นจากการเมืองไทยได้อย่างแท้จริง!! อีกทั้งจะทำให้ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ได้อีกด้วย...จริงไหม “บิ๊กตู่?”
นั่นเป็นเสียงดังกึกก้องตลอดสองข้างทาง เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงนำขบวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม “ปั่นเพื่อพ่อ-Bike For Dad” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปั่นจักรยาน 29 กิโลเมตร ในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2558
ส่วนการ “ปั่นเพื่อพ่อ-Bike For Dad” ของคนไทยทั่วประเทศและทั่วโลก ก็มีผู้คนเข้าร่วมอย่างคึกคักมืดฟ้ามัวดินเช่นกัน
กิจกรรมทั้ง Bike For Mom และ Bike For Dad ที่ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ “ทรงนำทัพปั่นจักรยาน” จึงเป็นการปั่นจักรยานที่มีผู้คนเข้าร่วมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยและโลกไปแล้ว
ส่วนการสร้าง “อุทยานราชภักดิ์” ในพื้นที่ของกองทัพบก ณ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีพระบรมราชานุสาวรีย์สุดอลังการของบูรพมหากษัตริย์ 7 พระองค์ประดิษฐานนั้น บัดนี้ได้กลายเป็น “แลนด์มาร์ค” ของชาติไทยไปโดยปริยาย ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ปวงชนชาวไทย พากันไปสักการะบูรพมหากษัตริย์ไทยอีกด้วย
โครงการ “อุทยานราชภักดิ์” ภายใต้รัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา” ที่มอบหมายให้กองทัพบก โดย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ.ในห้วงนั้น และเป็น รมช.กลาโหมในรัฐบาลนี้ เป็น “แม่งาน” จนทำให้การก่อสร้าง “อุทยานราชภักดิ์”สำเร็จลุล่วงเร็วราวเนรมิต
ต้องยอมรับความจริงว่า ทั้ง 3 โครงการเพื่อการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ล้วนเป็นโครงการดีงามยิ่งยวดต่อชาติและประชาชนคนไทยแน่นอน โดยไม่มีข้อเคลือบแคลง แม้จะมี “บางบุคคล” บังอาจกระทำในสิ่ง “มิบังควร-แม้แต่จะคิด” กับ 3 โครงการอันยิ่งใหญ่นี้ แต่ก็เป็น “เศษเสี้ยว” อันไร้ค่า ที่มิอาจทำลายความยิ่งใหญ่ ของทั้ง 3 โครงการดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม... นับจากนี้ สิ่งที่ “บิ๊กตู่” จะต้องสะสางอย่างจริงจังจริงใจ อีกทั้งต้องทำอย่างตรงไปตรงมา ก็คือ... ต้องนำกลุ่มคนกระทำผิดที่บังอาจแอบอ้าง “สถาบันสูงสุด” มาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว
หาก “บิ๊กตู่” แก้ปัญหานี้ไม่ถูกและช้าเกินการณ์ จะเป็น “สนิมเกิดจากเนื้อในเหล็ก” ทำความเสียหายต่อกองทัพ และ “ทำลายศรัทธา” ต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ฯลฯ แน่นอน
ยิ่ง “บิ๊กตู่” ใช้ “การปรองดอง” นำหน้า “การลงโทษคนผิดอย่างเฉียบขาด” ย่อมทำให้กลุ่มคนชั่วโกงชาติ ยังลอยนวลสบายใจเฉิบอยู่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งกลุ่มคนชั่วเหล่านั้นยังทำชั่วทุกรูปแบบ เพื่อยึดอำนาจรัฐด้วยการโกงเลือกตั้งต่อไป โดยประสานงานอย่างเป็นระบบกับรัฐต่างชาติ
ทั้งนี้...เพราะรัฐบาลชาติตะวันตกเหล่านั้น เคยได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล จากอดีตรัฐบาลที่ยึดอำนาจรัฐจากการโกงเลือกตั้ง ซึ่งสมคบกันปล้นชาติไทยมาโดยตลอด
ดังนั้น กลุ่มอดีตผู้บริหารชาติไทย และรัฐบาลมหาอำนาจบางชาติ จึงพยายามปิดล้อมทำลายรัฐบาล “บิ๊กตู่” และชาติไทย ทางด้านเศรษฐกิจ-การเมือง ฯลฯ ดังเช่นทุกวันนี้
เหตุการณ์ร้ายๆ มากมายที่เกิดขึ้นกับรัฐบาล “บิ๊กตู่” และชาติไทยที่ผ่านมา จึงมิได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือเป็นไปเอง เพราะหลายเรื่องเมื่อสืบลึกลงไป จะพบกลุ่ม “เพื่อไทยชั่ว” ในต่างแดนอยู่เบื้องหลัง
ถ้า “การปรองดอง” ทำให้นักการเมืองชั่ว เลิกโกงเลือกตั้ง-เลิกโกงชาติได้ “งาช้างคงจะงอกออกจากปากสุนัข” ได้เช่นกัน-จริงไหม?
การปรองดอง-เป็นสิ่งดีมีค่ายิ่งนัก ควรใช้กับคนชั่วทำผิดกฎหมาย ที่ยอมรับผิดและถูกลงโทษแล้ว อีกทั้งเลิกการทำชั่วอย่างแท้จริง รวมทั้งได้กลับตัวเป็นคนดีในสังคมไทย การปรองดองจึงจะได้ผลดีและเหมาะสมกับสภาพการณ์
แต่หากกลุ่มคนชั่วยังโลภไม่รู้จักพอ ยังจะใช้การโกงเลือกตั้งยึดอำนาจรัฐ เพื่อกอบโกยเงินทอง-อำนาจ-ทรัพย์สินด้วยการปล้นชาติ ทั้งๆ ที่อดีตรัฐบาลทุนสามานย์โกงชาติเหล่านี้ ถูกชาวไทยชุมนุมขับไล่ครั้งแล้วครั้งเล่า ถูก “มือลึกลับ” พลิกขั้วหนึ่งครั้ง และถูกกองทัพทำรัฐประหารถึงสองครั้ง ฯลฯ
แต่เหลี่ยมกับพวกก็ยังไม่สำนึกแม้แต่น้อย ในความชั่วและความผิดที่พวกตนก่อขึ้น ซึ่งทำร้ายทำลายชาติไทยมาจนทุกวันนี้!
การปรองดองในวันนี้-จึงถูกใช้เป็นเครื่องมือ ช่วยให้กลุ่มคนชั่วอยู่รอดปลอดภัย ทั้งยังแอบสะสมกำลังมิให้เสียหาย ดังคำ “อวยพรปีใหม่” ล่าสุดของ “เหลี่ยม” ในทำนองว่า
“ขอให้อดทนกันอีกนิด” (แล้วพวกเราจะกลับมายึดอำนาจรัฐอีกคราไงล่ะ!...)
คนดีจะสู้กับคนชั่วได้ นอกจากต้องฉลาดรู้เท่าทันแล้ว ยังต้องปรองดองกับคนดีเท่านั้น มิใช่หลงไปปรองดองกับคนชั่ว แถมยังบังคับให้คนดีปรองดองกับคนชั่วเสียอีก!
ที่สำคัญ...ยาม “คนดี(ถ้าเป็นคนดีจริง)” มีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือ จะต้องใช้โอกาสทองนี้ให้คุ้มค่า ใช้อย่างสร้างสรรค์และเด็ดขาดต่อคนชั่ว ใช้เพื่อทำให้คนดีได้ขึ้นปกครองบ้านเมือง และกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจอีกต่อไป
“คนดี(ถ้าดีจริง)” จะขจัดคนชั่วได้...มิใช่แค่ “คำพูด” แน่นอน! ผลงานที่ดีต่างหากที่ขจัดกลุ่มคนชั่ว ให้พ้นจากการเมืองไทยได้อย่างแท้จริง!! อีกทั้งจะทำให้ชาติ-ศาสนา-พระมหากษัตริย์-ประชาชน “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ได้อีกด้วย...จริงไหม “บิ๊กตู่?”