xs
xsm
sm
md
lg

ศาลสั่ง"แพรวา-พ่อแม่" จ่ายชดใช้30ล้านบาท ซิ่งซีวิคชนรถตู้ดับ9ศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360 - ศาลแพ่งพิพากษาให้ “น.ส.แพรวา” และผู้ปกครองชดใช้ค่าเสียหายร่วม 30 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กรณีขับรถซีวิคชนรถตู้โดยสารตาย 9 ราย เมื่อปี 53

วานนี้ (26 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 803 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ 4013/2554 ที่ น.ส.สะโอด ซิมกระโทก และญาติของผู้เสียชีวิต 9 ราย และผู้บาดเจ็บ 4 คน จากอุบัติเหตุ น.ส.แพรวา หรือ อรชร (นามสมมุติ) ขับรถยนต์ซีวิค เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารพลิกคว่ำ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ร่วมกันเป็นโจทก์รวม 28 คน ยื่นฟ้อง ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา เยาวชนหญิงที่ขับรถยนต์ซีวิค รวมทั้งบิดาและมารดาของเยาวชนดังกล่าว นายสุพิรัฐ จ้าววัฒนา ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ซีวิค นายสันฐิติ วรพันธ์ น.ส.วิชชุดา วรขจิต และบริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) เป็นจำเลย 1-7 เมื่อวันที่ 25 ต.ค.54 เรื่องกระทำละเมิด ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย 113,077,510.22 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ถึงที่สุดว่า จำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงทรัพย์สินเสียหาย เมื่อจำเลยที่ 1 เป็นคนเดียวกับคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำพิพากษา จึงเป็นการกระทำผิดละเมิด ซึ่งจำเลยต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน และเมื่อรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดละเมิด จำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นบิดาและมารดาจำเลยที่ 1 มีภาระดูแลจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 2-3 ไม่ได้นำสืบถึงความระมัดระวังในการดูแลจำเลยที่ 1 จึงต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย

ส่วนจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถยนต์ รับรู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 อายุ 16 ปี ไม่สามารถมีใบขับขี่ได้ แต่ขาดความระวังปล่อยให้จำเลยที่ 1 นำรถไปใช้ แต่การขับรถโดยประมาทเป็นการละเมิดเกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 เอง โดยที่จำเลยที่ 4 ไม่รู้ว่าก่อน โดยการชดใช้ค่าสินไหมนั้น ก่อนหน้านี้บริษัทนวกิจประกันภัยฯ จำเลยที่ 7 ผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุได้ชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งเป็นค่าปลงศพ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ให้แก่โจทก์ไปแล้วเป็นจำนวนเงิน 6,136,870 บาท

ศาลพิจารณาแล้ว จึงพิพากษาให้ น.ส.แพรวา (นามสมมุติ) พร้อมบิดาและมารดา จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ประกอบด้วยค่าไร้อุปการะ และค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่าอื่นๆ กับโจทก์ทั้ง 28 คน รวมเป็นเงิน 26,881,925 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2553 ซึ่งเป็นวันที่กระทำการละเมิด และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4

ภายหลัง น.พ.กฤช รอดอารีย์ บิดานายเกียรติมันต์ รอดอารีย์ อดีตนักศึกษาปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สำหรับคดีแพ่งก็ได้ฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหาย เช่น ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู ซึ่งบุตรชายกำลังจะไปเรียนปริญญาเอก และจะมีเงินเดือน 3.7 หมื่นบาท คำนวณจนเกษียณแล้วจะได้รับเงินเดือนประมาณ 39 ล้านบาท ขณะที่ศาลมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหาย 1.5 ล้านบาท ซึ่งค่อนข้างน้อยไป แต่ก็เคารพคำพิพากษาอย่างไรก็ตาม จะปรึกษาหารือกับทนายความต่อไปว่าควรจะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือไม่

ด้าน พ.ต.อ.เอกศรัญ นิลวรรณ บิดาของ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ หนึ่งในผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ศาลสั่งให้ชดใช้เงินประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนเงินที่เรียกร้องไป ซึ่งความเห็นของผู้เสียหายส่วนใหญ่เห็นว่าน้อยเกินไป แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาล โดยจากนี้ทางกลุ่มทนายความของโจทก์จะประชุมหารือกันในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์หรือไม่

ขณะที่ทนายความโจทก์ จากศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า คำพิพากษาวันนี้สำหรับตนก็พอใจในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยว่า แม้ช่วงเวลาที่จำเลยที่ 1 กระทำผิดยังเป็นเยาวชน แต่ผู้ปกครองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ซึ่งหลังจากนี้ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ กลุ่มทนายความผู้รับผิดชอบและกลุ่มโจทก์จะมีการหารือว่าผู้เสียหายจะมีการอุทธรณ์ในประเด็นใดเพิ่มเติมหรือไม่

สำหรับคดีอาญาที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว 1 ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา อายุ 17 ปี (ขณะเกิดเหตุ) ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทจนเป็นเหตุในผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย และทรัพย์สินเสียหาย นั้น ซึ่งคดีได้ถึงที่สุดแล้ว ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก น.ส.แพรวา 3 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 4 ปี บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี และห้ามขับรถจนกว่าจะมีอายุครบ 25 ปี ซึ่ง น.ส.แพรวาได้ยื่นฎีกาสู้คดี แต่ศาลไม่รับฎีกา จึงทำให้คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น