00แม้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. จะขอร้องแกมบังคับหลายครั้งแล้วว่า ไม่อยากให้ขยายความเรื่องโครงการก่อสร้าง"อุทยานราชภักดิ์" อีก แต่ว่าไปตามเนื้อผ้า ก็คงห้ามยากเพราะสิ่งที่ปรากฎออกมา สวนทางกับความรู้สึกของคนไทยเสียเหลือเกิน ที่โครงการอันเป็น "มหามงคล" ต้องมามัวหมอง เพราะความโลภโมโทสันของ "ใครบางคน"
00โดยเฉพาะ ผลการตรวจสอบ"กองทัพบก" ที่เป็นโอกาสดีให้เคลียร์คัทชัดเจนในเรื่องที่คนติดใจสงสัย กลับออกมาแบบ"น้ำขุ่นๆ" ว่าโครงการฯ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งที่ "บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ เคยยอมรับเองว่า มีการ"หักหัวคิว" ก่อนจะถูกนำไปคืนในรูปแบบการ"บริจาค" แต่ "บิ๊กหมู" พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กลับ "แถ (ลง)"ไปว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ ส่วนเรื่อง"หัวคิว" ให้ไปถาม "บิ๊กโด่ง" เอาเอง ถ้าผลออกมาแบบนี้ ไม่เห็นต้องตั้งใครมาสอบให้ยุ่งยาก เปลืองไฟ เปลืองแอร์เลย
00โยนไปโยนมาจนชุลมุน "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ก็ขึงขัง บอกการตรวจสอบจบแล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องภายในของกองทัพบก แต่ให้หลังวันเดียวก็สั่ง "บิ๊กติ๊ก" พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกชุด อย่างนี้แสดงว่า ไม่จบ หรือตั้งสอบพอเป็นพิธี จะเปลืองไฟ เปลืองแอร์อีกไหม จะคอยดู แต่ถ้ามีคนผิดขึ้นมาละก็ เข้าข่าย ม.112 เหมือนกันนะ
00ด้าน "บิ๊กโด่ง" ซึ่งถือเป็นตัวละครเอกตามท้องเรื่อง ในฐานะโต้โผใหญ่ เป็นประธานมูลนิธิฯ แถมเป็นระดับ"หัวแถว" ของคสช.ด้วย ก็ได้จังหวะรูดซิปปากยาวๆไป รับลูกที่"พี่ใหญ่ป้อม" บอก โด่งไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว หรือถ้าจำเป็นก็พูดแค่คำว่า "โปร่งใส" ก็พอ เมื่อระดับ"พี่ใหญ่" โดดมาแยกเขี้ยว กางเล็บปกป้อง สีหน้าสีตา "บิ๊กโด่ง" มีน้ำมีนวลขึ้นโข โปรย"ลักยิ้ม" เครื่องหมายการค้าได้เต็มที่
00 เรื่องนี้ไม่ต้องโทษใคร ไม่ต้องมโนไปไกลถึงเป็นแผนโค่นคสช. เหมือนที่ "กุนซือ คสช." คนหนึ่งออกมาเยาะเย้ยถากถาง "ขั้วตรงข้าม" แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเพราะ "คนกันเอง" ขั้วใหม่-ขั้วเก่า ประลองกำลังวัดพาวเวอร์กันมากกว่า เหตุผลที่ ทบ. ยึกยัก งึกงัก ไม่รับโอนอุทยานราชภักดิ์ มาดูแลตามแผนเดิม เป็นเพราะอะไร "เพื่อนโด่ง-เพื่อนหมู" น่าจะรู้อยู่แก่ใจทั้ง 2 คน
00โดยเฉพาะ ผลการตรวจสอบ"กองทัพบก" ที่เป็นโอกาสดีให้เคลียร์คัทชัดเจนในเรื่องที่คนติดใจสงสัย กลับออกมาแบบ"น้ำขุ่นๆ" ว่าโครงการฯ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ทั้งที่ "บิ๊กโด่ง" พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ เคยยอมรับเองว่า มีการ"หักหัวคิว" ก่อนจะถูกนำไปคืนในรูปแบบการ"บริจาค" แต่ "บิ๊กหมู" พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กลับ "แถ (ลง)"ไปว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ ส่วนเรื่อง"หัวคิว" ให้ไปถาม "บิ๊กโด่ง" เอาเอง ถ้าผลออกมาแบบนี้ ไม่เห็นต้องตั้งใครมาสอบให้ยุ่งยาก เปลืองไฟ เปลืองแอร์เลย
00โยนไปโยนมาจนชุลมุน "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ก็ขึงขัง บอกการตรวจสอบจบแล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องภายในของกองทัพบก แต่ให้หลังวันเดียวก็สั่ง "บิ๊กติ๊ก" พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีกชุด อย่างนี้แสดงว่า ไม่จบ หรือตั้งสอบพอเป็นพิธี จะเปลืองไฟ เปลืองแอร์อีกไหม จะคอยดู แต่ถ้ามีคนผิดขึ้นมาละก็ เข้าข่าย ม.112 เหมือนกันนะ
00ด้าน "บิ๊กโด่ง" ซึ่งถือเป็นตัวละครเอกตามท้องเรื่อง ในฐานะโต้โผใหญ่ เป็นประธานมูลนิธิฯ แถมเป็นระดับ"หัวแถว" ของคสช.ด้วย ก็ได้จังหวะรูดซิปปากยาวๆไป รับลูกที่"พี่ใหญ่ป้อม" บอก โด่งไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว หรือถ้าจำเป็นก็พูดแค่คำว่า "โปร่งใส" ก็พอ เมื่อระดับ"พี่ใหญ่" โดดมาแยกเขี้ยว กางเล็บปกป้อง สีหน้าสีตา "บิ๊กโด่ง" มีน้ำมีนวลขึ้นโข โปรย"ลักยิ้ม" เครื่องหมายการค้าได้เต็มที่
00 เรื่องนี้ไม่ต้องโทษใคร ไม่ต้องมโนไปไกลถึงเป็นแผนโค่นคสช. เหมือนที่ "กุนซือ คสช." คนหนึ่งออกมาเยาะเย้ยถากถาง "ขั้วตรงข้าม" แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาเพราะ "คนกันเอง" ขั้วใหม่-ขั้วเก่า ประลองกำลังวัดพาวเวอร์กันมากกว่า เหตุผลที่ ทบ. ยึกยัก งึกงัก ไม่รับโอนอุทยานราชภักดิ์ มาดูแลตามแผนเดิม เป็นเพราะอะไร "เพื่อนโด่ง-เพื่อนหมู" น่าจะรู้อยู่แก่ใจทั้ง 2 คน