เรียกว่าไม่ธรรมดาสำหรับโรงแรมสุนัขน้องใหม่ 'Dogdaysbkk' ย่านรามอินทราที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ได้รับความสนใจจากเหล่าคนรักตูบอย่างท่วมท้น เห็นได้จากการตบเท้ามาเยือนของเหล่าหมาเซเลปแห่งโลกโซเชียลฯ ทั้ง มายา กลูตา ไรเฟิล เจแปน ดีโด้ มัฌเช โก๋เอ็ม กราเซีย หมากระสอบ และทองเอก ยกขบวนสี่ขามาซนกันถึงที่ พร้อมกระโจนลงสระน้ำสุดฟิน ท่ามกลางเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสุดฟิวกูดจากเจ้าของสุนัขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . .
คุณแอน-ฐิติพร น้อยพานิช และ คุณเพิร์ลลี่-สุทิศา ปาติยเสวี สองเจ้าของโรงแรมหมาสุดชิคพร้อมบอกเล่าเรื่องราวกับทีมข่าว FEEL GOOD ถึงจุดเริ่มต้นการทำโรงแรมฝากเลี้ยงสุนัขในฝันที่สร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจทั้งเจ้าตูบและเจ้าของสุนัขเอง ด้วยเหตุผลที่คนรักสัตว์เท่านั้นที่เข้าใจ
“เกิดจากว่าเราอยากให้หมามีที่ออกกำลังกาย เหมือนเราอยู่ในเมืองส่วนใหญ่บ้านเราไม่มีพื้นที่มากหรอก อยากให้มีพื้นที่สำหรับหมาโดยเฉพาะและต้องปลอดภัยด้วย เพราะส่วนใหญ่เราอยู่เป็นตึกแถว พื้นที่มันแคบๆ เวลาจะปล่อยหมาวิ่งเล่นมันรู้สึกไม่เซฟตี้ และก็อยากให้หมาได้มีกิจกรรมแบบหมาด้วย”
จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวทำให้คุณแอนและคุณเพิร์ลลี่ค้นพบว่า การพาสุนัขออกนอกสถานที่นั้นเป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก อีกทั้งสถานที่ที่รองรับสุนัขได้ในประเทศไทยช่างน้อยเหลือเกิน ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวบ้านเราที่ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากพาเจ้าตูบไปวิ่งเล่นแล้วจะเป็นเช่นไร
“เวลาไปสวนสาธารณะไปแล้วไม่ค่อยรอด ด้วยมันมีหมาเจ้าถิ่นค่อนข้างเยอะ กับสถานที่ไม่ค่อยสะอาด เหมือนกับคนไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ในการพาน้องหมาไปข้างนอก สวนสาธารณะต่างๆ ก็ปิดไปบ้าง ตอนนี้มีเหลือไม่กี่ที่แล้ว ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน มันไม่ชิลล์เหมือนเอาหมาไปเดินพาร์คแล้วเย็นสบาย
เพราะฉะนั้นหมามีรูปแบบการออกกำลังกายไม่มาก ถ้าจะไปวิ่งเล่นในสนามหญ้าตอนกลางวันก็ไม่ไหว สระว่ายน้ำคงเป็นอะไรที่ตอบโจทย์สำหรับคนเลี้ยงหมาในไทยด้วย ได้เล่นน้ำ ได้ออกกำลังกาย ได้เทอราพี หมาส่วนใหญ่เลี้ยงตามบ้านไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรอก หมาจึงมีปัญหาในเรื่องข้อสะโพก”
เรียกได้ว่าโรงแรมสุนัขแห่งนี้ถูกอกถูกใจเจ้าของสุนัขสุดๆ เพราะมีทั้งสนามหญ้าให้น้องหมาวิ่งเล่นเพลินๆ สระว่ายน้ำให้กระโดดสนุกสุดเหวี่ยง โรงแรมฝากเลี้ยงสำหรับเจ้าของที่ไม่สะดวกดูแลในบางเวลา บริการรถรับส่ง Taxi Pet ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล
“ในแนวเอนเตอร์เทนกับเฮลท์ตี้คิดภาพว่าอยากให้มีร้านอาหาร คาเฟ่เล็กๆ ให้เจ้าของนั่งดูหมาวิ่งเล่น ว่ายน้ำ หรือมีสนามหญ้าที่ทุกอย่างมีประตูรั้วหมด ไม่ต้องกลัวว่าหมาจะหลุดรอดออกไป มีเรื่องของความสะอาด รถรับส่งด้วย เป็นโรงแรมหมาที่ครบวงจร ตอนนี้คนเลี้ยงหมาเป็นเหมือนคนในครอบครัว เลยอยากให้มีโมเมนต์ว่ามาที่นี่อยู่โรงแรมสบายๆ เหมือนมาพักผ่อนมากกว่า”
มองเผินๆ อาจคิดว่าสถานที่แห่งนี้ต้องเป็นสวนสนุกของเจ้าตูบ 4 ขาแน่ๆ แต่ใครจะรู้หล่ะว่าเบื้องหลังความสนุกเหล่านั้นเกิดความอลหม่านไม่น้อย ราวกับจับปูใส่กระด้ง ด้วยความที่น้องหมามาจากต่างที่ต่างถิ่นกัน จึงต้องให้เวลาพวกเขาทำความรู้จักกันซะหน่อย รวมถึงคุณแอนและคุณเพิร์ลลี่เองต้องทำการบ้านศึกษาเรื่องพฤติกรรมและนิสัยของน้องหมาแต่ละสายพันธุ์ด้วยเช่นกัน
“ในหมาที่ไม่รู้จักกันมันอาจจะต้องมีปัญหาอยู่แล้ว แต่ว่าขั้นตอนพวกนี้เราจะต้องสกรีนตั้งแต่จุดเริ่มต้น ก่อนที่เราจะเปิดโรงแรมเราจะจ้างครูฝึกเฉพาะมาเทรนเราและพนักงานทุกคนด้วยว่า การดูหมาเป็นยังไง การเข้าใจลักษณะหมาเป็นยังไง เพื่อที่ว่าเราจะรู้ว่าหมาพวกนี้เข้ากันได้ หรือว่าหมาประเภทนี้เข้ากันไม่ได้
หมาตัวโตๆ อาจจะไม่ชอบหมาตัวโตๆ ด้วยกัน ต้องศึกษาลักษณะนิสัยสายพันธุ์ของแต่ละตัวด้วย เช่นยอร์คเชียร์ฯ เป็นหมาขี้เล่น ชอบเล่นดำน้ำก็สามารถเล่นกับลาบราดอร์ฯ ได้ แต่ถ้าหมาจิ๋วๆ อย่างชิวาวาที่ไม่เคยว่ายน้ำและค่อนข้างกลัว ถ้าไปเล่นกับพวกโกลเดนฯ ลาบราดอร์ฯ ที่ชอบโดด อย่างนี้มันไปกันไม่ได้ก็ต้องแยกรอบกัน เรื่องสายพันธุ์ไม่ใช่ตัวโจทย์ โจทย์คือนิสัยหมา”
ว่าไปแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าเวลาที่พาสุนัขมาเล่นน้ำนั้น ในบางสายพันธุ์เกิดอาการขี้กลัวไม่ลงน้ำเอาดื้อๆ ซึ่งส่วนใหญ่สุนัขพันธุ์เล็กมักจะมีนิสัยติดเจ้าของ ผิดกับสุนัขตัวโตที่เผลอเป็นไม่ได้ต้องกระโจนลงสระทุกที คุณแอนได้ขยายความให้ฟังถึงเหตุผลที่ทำไมสุนัขพันธุ์เล็กถึงติดเจ้าของงอมแงมไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแบบนี้ ทำเอาทีมงานเห็นด้วยกับคำตอบ
“หมาจิ๋วๆ หมาเล็กๆ โดยธรรมชาติคนที่เลี้ยงหมาด้วยความที่เขาตัวเล็กก็ชอบไปอุ้ม พออุ้มปุ๊บเขาจะมีความรู้สึกว่าปลอดภัยตลอดเวลากับการถูกอุ้ม ไปไหนก็ใส่กระเป๋า หมาก็จะรู้สึกปลอดภัยพออยู่ดีๆ วางมันลงไป โล่งไปหมดเลย ไม่มีใครคอยปกป้องเราเลย หมาเล็กๆ ก็กลายเป็นหมาขี้กลัวมากกว่า แต่ถ้าเรื่องลงสระหมาตัวเล็กเขาจะกลัวเวลาไม่ได้อยู่กับเจ้าของ เราก็มีเสื้อชูชีพช่วยพยุงเขาให้ มันก็เป็นการออกกำลังกายข้อขาเขาได้ด้วยเหมือนกัน”
ที่นี่ไม่เพียงแต่เป็นสวรรค์ของเจ้าตูบที่ได้มาวิ่งเล่นให้อุ้งเท้าสัมผัสหญ้าแทนพื้นคอนกรีต หรือได้กระโจนลงสระน้ำกับก้วนเพื่อนหมาด้วยกันหลายๆ ตัว ที่นี่ยังเป็นแหล่งรวมตัวของคนรักสัตว์ที่ได้มาพูดคุยถึงเรื่องราวและประสบการณ์การเลี้ยงน้องหมาให้กันและกันฟัง คุณแอนเผยให้ฟังว่ามันเป็นเรื่องชื่นใจที่มีโมเมนต์แบบนั้นเกิดขึ้น
“เหมือนคุณพ่อ-คุณแม่มาเจอกัน มาแชร์ประสบการณ์เลี้ยงลูกกันว่า ลูกตัวเองเป็นแบบนี้ ตัวเองมีอะไรดีๆ ก็มาแชร์กัน อย่างที่นี่เราก็ทำให้มันเป็นจุดมีตติงของหมาก็มามีสังคมแบบหมา ไม่ใช่หมาอยู่แต่บ้านแล้วกินขนมกับคน ดูทีวีกับคน นอนกับคน คือหมาควรจะมาเช็คกันด้วยสัญชาตญาณของหมามากกว่า พ่อแม่ก็มาแลกเปลี่ยนกันว่าลูกเธอกินอะไร ลูกเธอหาหมอที่ไหน ลูกเรามีอาการแบบนี้มันเรียกว่าอะไร มันทำให้คนเลี้ยงหมามีคุณภาพที่สูงขึ้น”
สุดท้ายนี้ คุณแอนได้ฝากถึงคนเลี้ยงสัตว์ในเรื่องความมีวินัยในการพาสัตว์เลี้ยงออกนอกสถานที่ ทั้งในสวนสาธารณะ หรือที่ๆ มีคนพลุกพล่านก็ตาม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเวลาที่พาสุนัขออกข้างนอกนั้นปัญหาหลักที่เจอคือ การถ่ายไม่เป็นที่เป็นทาง รวมถึงเจ้าของเองไม่มีวินัยในการทำความสะอาดอุจจาระสัตว์เลี้ยงของตัวเอง สร้างความเสียหายให้กับสถานที่และส่งกลิ่นเหม็นรบกวนผู้อื่น
“สุนัขคือหนึ่งชีวิต จะสายพันธุ์ไม่สายพันธุ์ เราจะรวยหรือจนไม่สำคัญ สำคัญคือความรับผิดชอบที่มีกับสิ่งมีชีวิตหนึ่งชีวิตนั้น จะเป็นหมาเป็นแมวเป็นอะไรก็แล้วแต่ เราอยากให้เขาตระหนักถึงคุณภาพชีวิตที่ดีของสัตว์ตัวนั้นที่เราเลี้ยง คุณต้องให้คุณภาพพื้นฐานที่ดีกับเขา กิน อยู่ หลับ นอน สุขภาพ เจ็บป่วยจนยันตาย คุณต้องมีให้เขาให้พร้อม
รวมถึงต้องรับผิดชอบสังคม ปัญหาของเจ้าของหมาในประเทศไทยคือการไม่รับผิดชอบสังคม ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่น ไม่ใช่ลูกฉันสวยน่ารักแต่พอออกข้างนอกปล่อยหมาตัวเองอึไม่เก็บ อันนี้คือเอาภาระไปทิ้งให้สังคม มันเลยทำให้สังคมภายนอกเกลียดหมา ทั้งๆ ที่ตอนแรกไม่ได้เกลียด ทำให้คนมองว่าเห็นไหมเพราะหมานี่ที่ทำเละเทอะ”
คุณแอนยังเล่าให้ฟังอีกว่ามีลูกค้าท่านหนึ่งเข้าใจว่าหากพาน้องหมาไปเที่ยวสวนสาธารณะ เวลาที่น้องหมาถ่ายลงบนหญ้าหรือต้นไม้ ไม่จำเป็นต้องเก็บอุจจาระเพราะมันจะกลายเป็นปุ๋ย ทว่า คุณแอนไม่ได้มองแบบนั้นแต่กลับอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจว่า ถ้าวันหนึ่งมีสุนัข 50 ตัว รวมเป็นอุจจาระ 50 กอง มันคงเป็นปุ๋ยไม่ทันแน่ๆ
“มีลูกค้าหลายคนที่เราฝึกให้เขาเก็บอึหมาของเขา เราก็จะชวนไปสวนสาธารณะที่หนึ่ง เขาก็เข้าใจว่าพอหมาเขาอึตรงต้นไม้ เราก็ยื่นถุงให้เขาเก็บอึ เขาก็ถามว่าต้องเก็บด้วยเหรอ ความเข้าใจเขาคือมันเป็นต้นไม้ มันเป็นสนามหญ้ามันก็เป็นปุ๋ย
เราก็จะบอกเขาไปว่าอันนี้มันเป็นพาร์คนะ สมมุตว่าคนไม่เลี้ยงหมาอยากมาปูเสื่อปิกนิกแล้วนอนลงไปเจออึหมาก็จบแล้ว ถ้าหมามาวันหนึ่ง 50 ตัว 50 กอง มันเป็นปุ๋ยไม่ทันหรอก เราก็พยายามค่อยๆ ปรับลูกค้าทุกคนให้รู้ว่าการรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่นมันเป็นอย่างนี้”
แน่นอนว่าเหล่าคนรักสัตว์ต้องมีเรื่องราวสุดฟิวกูดระหว่างคนและสัตว์กันทั้งนั้น เช่นเดียวกับคุณแอนที่มีเรื่องราวประทับใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงเช่นกัน ทว่า เรื่องราวที่คุณแอนเล่าให้ทีมงานฟังต่อจากนี้ ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการมองเห็นเรื่องราวของคนรักสัตว์หลายๆ คนที่พยายามมอบสิ่งดีๆ ให้กับสัตว์เลี้ยงของตนด้วยความรักและความอบอุ่นเท่าที่จะหาให้ได้
“ฟิวกูดคงเป็นความรู้สึกว่า เจ้าของพยายามให้คุณภาพชีวิตที่ดีกับน้องหมา อันนี้คือฟิวกูดที่สุด อย่างที่บอกว่าเราไม่เน้นว่าเจ้าของต้องรวย เจ้าของบางคนไม่ได้มีสตางค์ แต่พยายามทำให้หมาตัวเองสะอาด พยายามทำให้หมาตัวเองกินดี พยายามทำให้หมาตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดี มันเป็นความรู้สึกดีที่คุณพยายามให้คุณภาพชีวิตกับหนึ่งชีวิตที่บางคนดูถูกว่าแค่หมา แต่ว่าเขาเห็นว่ามันคือสิ่งมีชีวิต”
ชมคลิปสุดฟิน!
โคตรสนุก! ลองยัง??? เล่นน้ำกับหมาที่คุณรัก... ในสระว่ายน้ำ
Posted by Dogdaysbkk on 5 ตุลาคม 2015
ภาพบรรยากาศ @Dogdaybkk
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Feel Good
เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี