xs
xsm
sm
md
lg

ปลด'พิสิฐศักดิ์'ถอดยศ-ยึดเครื่องราชฯหมายจับเสธ.โจ้เอี่ยวม.112

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มีพระบรมราชโองการฯให้ปลด "พล.ต.พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา" รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กฯ ออกจากราชการ พร้อมถอดยศ เรียกคืนเครื่องราชฯ ระบุ ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง แอบอ้างพระราชกระแส ใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง เป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบันฯ ส่วนศาลทหารอนุมัติหมายจับ "เสธ.โจ้-อาร์ท" ผิดอาญา มาตรา 112 "จักรทิพย์" อ้างยังไม่ได้รับรายงานเรื่อง "เสธ.โจ้" หนีออกนอกประเทศ ยันการทำคดีไม่ล่าช้า "บิ๊กป้อม"บอกนายทหารถูกหมายจับ ม. 112 เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่มีผลต่อกองทัพ ด้านทภ.3ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสธ.โจ้ พัวพัน ม.112 แต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ไหน ขาดราชการตั้งแต่ 2 พ.ย.แล้ว

เมื่อวานนี้ (9พ.ย.) ราชกิจจานุเบกษาได้ตีพิมพ์ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารสัญญาบัตรออกจากราชการ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้ถอดยศทหาร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ระบุ ว่า

"มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ปลด พลตรีพิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ออกจากราชการ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถอดออกจากยศทหาร ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งพักราชการ เนื่องจากกระทําผิดวินัยทหาร ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กระด้างกระเดื่อง ขัดพระราชบัณฑูร ไม่ปฏิบัติตามคําสั่งผู้บังคับบัญชา แอบอ้างพระราชกระแส ใช้อํานาจหน้าที่ในทางมิชอบ หาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง เป็นภัยต่อความมั่นคงสถาบัน

ทั้งนี้ ตามข้อ 4 ของข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตําแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ. 2502 และข้อ 2 ของระเบียบกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหาร และบรรดาศักดิ์ พ.ศ. 2507 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย ตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และ เหรียญจักรมาลา ที่บุคคลดังกล่าวได้รับพระราชทาน ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2548

ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

สำหรับ พล.ต.พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา เป็นนักเรียนนายเรือรุ่น 90, เตรียมทหารรุ่น 33 ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ก.ค.55 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้พล.ต.พิสิฐศักดิ์ ที่เดิมเป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานนายทหารปฏิบัติการพิเศษในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็น รองผู้บังคับหน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยได้ลงตีพิมพ์ในประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 10 ก.ค.55

ศาลอนุมัติหมายจับ"เสธ.โจ้-อาร์ท"

ในวันเดียวกันนี้ (9 พ.ย.)ศาลทหารกรุงเทพ ได้อนุมัติหมายจับ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ และ พ.อ.คชาชาต บุญดี ตามที่ พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจปราบปราม พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนได้มายื่นขออำนาจศาลในการอนุมัติออกหมายจับ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 พ.ย. พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ผอ.ส่วนกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กอ.รมน. และหัวหน้าฝ่ายกม.หน่วยเฉพาะกิจการข่าว คสช.ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนบก.ป. เพิ่มเติมอีก 2 คดี คือ เลขที่คดี 113/2558 และ เลขที่คดี 114/ 2558 โดยได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นายจิรวงศ์ และพ.อ.คชาชาต ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่ทำให้ผู้อื่นเชื่อว่า มีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่ง หรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น หรือในความผิดฐานอื่นที่พบภายหลัง

สำหรับคดีแรก พฤติการณ์คือแอบอ้างเบื้องสูงในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่ได้จัดขึ้นไปแล้ว เหตุเกิด กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ถ.พหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน และ บริษัท ซีพีออลล์ แขวงสีลม เขตบางรัก เมื่อปลายเดือนพ.ค.-ส.ค.58

ส่วนคดีที่ 2 พฤติการณ์ คือแอบอ้างเบื้องสูง ในการดำเนินกิจกรรมสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้น เหตุเกิด บริษัท คิงพาวเวอร์ จำกัด ถ.ซอยรางน้ำ แขวงพญาไท เขตราชเทวี เมื่อวันที่ 20 ก.ย.58 อย่างไรก็ตาม สำหรับ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยองที่ พล.ต.วิจารณ์ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.นั้น ได้เสียชีวิต จึงจำหน่ายจากการขอนุมัติหมายจับ

แหล่งข่าวนายทหารระดับสูง กล่าวถึงกรณี พ.อ.คชาชาต บุญดี ฝ่ายเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความผิดตาม มาตรา112 ว่า พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวน กรณีที่ พ.อ.คชาชาต ขาดราชการตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. ทั้งนี้หากขาดราชการครบ 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 - 17 พ.ย. 58 ทางคณะกรรมการ จะต้องเสนอเรื่องปลดออกจากราชการก่อนที่จะดำเนินการถอดยศต่อไป ซึ่งกรณีนี้ยังไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี ม.112 โดยเป็นการทำผิดวินัยขาดราชการที่ไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวได้ ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา

ยันมีช่องทางนำผู้ต้องหาดำเนินคดี

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึง กรณีที่ทางกองทัพได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง เรียกรับผลประโยชน์ว่า ที่กองทัพออกมาปฏิเสธ เพราะขณะนั้นอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อพบความเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็มีการดำเนินการอยู่แล้ว ตนไม่กังวลที่มีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามามีความผิดเกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 เพราะตนทำไปตามพยานหลักฐาน

ส่วนหลังจากนี้ หากมีการขยายผลจะพบว่า นายทหารยศ พล.ต. มีความเชื่อมโยงหรือไม่นั้น ต้องให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ตนไม่เคยลงไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ เชื่อว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ทำอย่างเต็มที่อยู่แล้ว

ทั้งนี้ หากผู้ต้องหาหลบหนีออกนอกประเทศ เราก็มีช่องทางในการนำตัวมาดำเนินคดีอยู่แล้ว เป็นตามขั้นตอนกระบวนการปกติ ส่วนที่ได้รับแจ้งข้อมูลว่า ผู้ต้องหาอาจหลบหนีไปอยู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ แล้วจะมีการประสานไปเพื่อข้อขอมูลหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของพนักงานสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดน คงไม่มีอุปสรรคในการทำงาน หากมีกรณีดังกล่าวจริง

"บิ๊กป้อม"อ้างเป็นเรื่องส่วนบุคคล

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง กรณีมีการแจ้งความ พ.อ.คชาชาต บุญดี ในฐานความผิดตามมาตรา 112 เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธ การพัวพันของนายทหารต่อคดีดังกล่าวมาตลอดว่า

" ก่อนหน้านั้นไม่มีหมายจับที่พัวพันกับนายทหาร ผมจึงไม่ได้ปฏิเสธ ว่าไม่มีนายทหารเกี่ยวข้อง สื่อจะมาว่าผมไม่ได้ และใช้คำพูดแบบนี้ไม่ได้ พูดแบบนี้ก็แย่สิ มาหาว่าผมปฏิเสธ ก็ผมไม่รู้นี่ เพราะตอนนี้เขาเพิ่งออกมา"

เมื่อถามว่าการมีข่าวเช่นนี้ออกมาจะส่งผลต่อกองทัพหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "จะมีผลอะไร คนมันหนีไปแล้ว แล้วจะให้ผมทำอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล ผมย้ำไปแล้วว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคล"

ต่อข้อถามว่า จะมีการจับกุมนายทหารแค่รายนี้รายเดียว หรือไม่นั้น รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้มีเพียงรายเดียว ยังไม่ขอตอบว่าจะมีอีกหรือไม่ เจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อไป และรอผลสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ เมื่อถามย้ำว่าจะเชื่อมโยงกับกรณีของการส่อทุจริตการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่ามันจะเกี่ยวข้องกันอย่างไร ถ้าจะเกี่ยว จะเกี่ยวข้องด้วยเรื่องอะไร ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่สืบสวนต่อไป ว่ามีใครเกี่ยวข้องด้วยบ้าง

"ก็ว่ากันไป สอบกันไป ใครบ้างเกี่ยวข้อง พูดลอยๆ พูดไม่ได้หรอก มีเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ต้องมีคนร้องทุกข์กล่าวโทษ เรื่องอะไรบ้าง ต้องมีคนแจ้งความ ถึงจะดำเนินการได้ อยู่ดีๆไปดำเนินการได้อย่างไร ไม่รู้ใครเป็นใคร " รมว.กลาโหม กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น