xs
xsm
sm
md
lg

แฉไลน์”เสี่ยอู๊ด”ปูดก่อนตาย หลังติดคุกถูกถีบส่ง ตั้งแต่พระยันนักร้อง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟนเพจดัง ปูดไลน์ "เสี่ยอู๊ด" เขียนก่อนตาย แฉ 11 องค์กรและบุคคล ลืมพระคุณ ซัดอธิการบดีมหา'ลัยสงฆ์ปกปิดความจริง อดีต ผอ.รพ.เมินหน้าหนีทั้งที่เคยบริจาคให้ แฉมูลนิธิ อ.หนุนสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแต่พอตนโดนจับกลับปฏิเสธ เผยครอบครัวนักร้องดังไม่เคยไปเยี่ยมทั้งๆ ที่ไถ่บ้านให้ฟรีๆ

วานนี้ (1 พ.ย.) เว็บไซต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ คุณท้าวศรีสุวรรณภิรมย์ภักดี นารีพิฆาต ได้โพสต์รูปภาพของนายสิทธิกร บุญฉิม หรือ “เสี่ยอู๊ด” ผู้กว้างขวางในวงการสร้างพระเครื่อง ที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพร้อมระบุว่า มหากาฬเรื่องยาว 11 ประเด็นที่ทำให้นายสิทธิกร น้อยใจในโชคชะตา ซึ่งนายสิทธิกร ได้เขียนบทความนี้ลงในไลน์ส่วนตัวเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2558 โดยมีใจความสำคัญถึง 11 เรื่องจริง อิงอุทาหรณ์สอนใจ!!

1.มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่ง 1 ตนเคยมอบเงิน 186 ล้านบาท สร้างศูนย์กลางมหาวิทยาลัย... ตามที่ขอ สมัยนั้นเขายกย่องตนเป็นประธาน แต่เมื่อพระ... อธิการบดีทำไม่ถูกต้องเป็นเหตุทำให้ตนเกือบติดคุกสมัยนั้น รวมทั้งทำให้ตนต้องตกเป็นข่าวเสื่อมเสีย เขาจึงถูกตนตำหนิ นับแต่นั้นพวกเขาก็ไม่เกี่ยวข้องกับตน ต่อมาตนตำหนิที่เขาปกปิดบิดเบือนความจริงอันเกี่ยวกับการอุปถัมภ์ของตน 8 ปีนับจากเกิดคดีสมเด็จเหนือหัว เขาจึงไม่ไปเยี่ยมที่คุก ถึงวันที่พ้นโทษตนได้มามหาวิทยาลัยนี้เป็นครั้งแรก เขาทั้งหลายรังเกียจสถานภาพนักโทษของตน จึงไม่ต้อนรับ และไม่รับผิดชอบต่อสัญญาที่เคยทำไว้กับผม เหตุเพราะเขาเห็นผมเป็นคนชั่วไปแล้ว

2.สภา ส.... ตนเคยมอบเงินกว่า 100 ล้านบาท ให้สภา ส.... และพุทธ... ตามที่เขาขอ สมัยนั้นเขาให้เกียรติตนกว่าใครๆ แต่พอ ประมุขของ 2 องค์กรถูกตนสอบถามเรื่องการใช้เงินบริจาค และการไม่นำเงินของตนออกมาช่วยประชาชนคราวน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 นับแต่บัดนั้นเขาก็เสนอเรื่องให้ประมุขท่านปัจจุบัน ฟ้องร้องแก้เกี้ยวเรียกจะเอาเงินเพิ่มอีก 100 ล้าน ที่เคยขอความอนุเคราะห์จากตน 194 ล้าน แต่ได้ไปแค่ 94 ล้าน เขาอ้างว่าตนยังต้องให้เขาอีก 100 ล้าน เขาจะฟ้องตนทั้งๆ ที่เป็นการขอจากตนแท้ๆ ที่เขาจะฟ้องเพราะเห็นตนเป็นคนไม่ดีไปแล้ว ทั้งๆ ที่เงิน 100 ล้าน จากปัญญาของตน เขายังใช้ไม่หมด เงินยังคงเหลืออยู่ แต่เจ้าของเงินกลายเป็นคนชั่วไปแล้ว

3.มูลนิธิ & โรงพยาบาลมะเร็งแห่งหนึ่งในภาคกลาง ตนเคยอุปถัมภ์เงิน 132 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลมะเร็ง... พออดีตผู้อำนวยการเป็นต้นเหตุทำให้ตนถูกกลั่นแกล้งจนเป็นคดีความติดคุกเสื่อมเสียสถานภาพ นับแต่บัดนั้นพวกเขาก็ไม่เห็นความสำคัญเหมือนครั้งแรกๆ ที่ขอเงินจากผม และเมื่อตนออกจากคุกได้พูดเรื่องเงินของตนที่สูญหายไป พูดเรื่องที่พวกเขาทำป้ายประวัติการอุปถัมภ์ของตนเป็นเท็จ พร้อมพูดเรื่องต่างๆ ที่ทีมมูลนิธิศูนย์มะเร็ง โดยนางว., นพ.ช. เคยทำไม่ดีกับตน ณ วันนี้ ประธานมูลนิธิฯ, อดีตผอ., เลขา ซึ่งเคยมีอำนาจในโรงพยาบาล จากที่เคยเอาอกเอาใจต้อนหน้าต้อนหลังตน ครั้งอยากได้เงิน แต่เมื่อได้เงินไปเกินขอแล้ว ตอนนี้ทั้งทีมก็เปลี่ยนไปทันที ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เริ่มขอเงินตน ปัจจุบัน หายหน้าไปไม่เห็นแม้เงา คงเหลือแต่ ผู้อำนวยการท่านปัจจุบัน พร้อมทีมคณะผู้บริหาร และคณะแพทย์-พยาบาล จนท.ท่านอื่นๆ ยังเหมือนเดิม!!! ส่วนทีมผู้มีอำนาจเดิมที่หายหน้าไป เพราะวันนี้เห็นตนเป็นคนไม่ดีไปแล้ว

4.มูลนิธิ อ. ตนเคยมอบเงินทำให้มูลนิธิ อ. มีทุนครบ 100 ล้านบาท สมัยนั้นมูลนิธิทำโล่มามอบให้ แต่ตนไม่ไปรับ ต่อมามูลนิธิให้ตนสร้างพระสมเด็จเหนือหัวแทน พอผมเกิดคดีความถูกจับ ทันใดนั้นประธานมูลนิธิก็พูดกับ DSI ว่า "นายสิทธิกร บุญฉิม ทำให้มูลนิธิเสื่อมเสียชื่อเสียง" และเหล่าคณะกรรมการมูลนิธิก็ไปปฏิเสธที่ศาลอาญา ว่ามิได้ให้ตนจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว นับตั้งแต่บัดนั้นชาวมูลนิธิ อ. ก็รังเกียจตนเป็นต้นมาในฐานะคนชั่วที่ทำงานให้พวกเขาเเล้วเสียชื่อเสียง เขาว่าตนชั่วทั้งๆ ที่เงินสมทบทุน 100 ล้านจากตน พวกเขายังใช้ดอกผลอยู่

5.บ้านเกิด อำเภอบ้านฉาง ตนเคยสร้างสาธารณประโยชน์ ให้วัดและโรงเรียนในบ้านเกิด อำเภอบ้านฉาง มากมายหลายสิบล้าน สร้างให้ชนิดที่ไม่มีใครในอำเภอกล้าทำ สมัยนั้นทางวัดยกย่องสรรเสริญตนเหมือนเทวดา แต่คราวติดคุกเสื่อมเสียชื่อเสียง เจ้าอาวาสวัด ส. ก็รังเกียจตนตามกระแสสังคม จึงไม่ยอมไปเบิกความจริงช่วยตนที่ศาลอาญา ตนจึงตำหนิออกจากคุกกรณีที่ท่านไร้น้ำใจ นับแต่นั้นเจ้าอาวาสและเหล่าพระเณรบางรูป และบุคคลบางกลุ่ม ก็ไม่ดีต่อตนทันที โดยเจ้าอาวาสจะไม่ยอมให้อาคารเรียนติดชื่อตน ตามที่ท่านเคยตั้งนามของตนคราวรับเงินไปสร้าง และท่านก็ทวงเงินเพียง 2 หมื่นที่ให้น้องสาวตนคราวคลอดลูก เจ้าอาวาสปล่อยให้พระบางรูปในวัดด่าว่าตนและพี่น้องของตน โดยท่านลืมการกระทำของตัวเองสมัยก่อน ที่เอาอกเอาใจตนทุกอย่าง ขนาดตนจะกลับท่านจะส่งตนขึ้นรถ ปิดประตูให้ ปัจจุบันการกระทำของท่านเปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่ถาวรวัตถุที่ตนสร้างให้วัด โรงเรียน ยังคงได้ใช้ ได้อาศัยอยู่ แต่ความดีที่ท่านเคยดีกับตนไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะเขาเห็นตนเป็นคนไม่ดี ไม่มีผลประโยชน์ให้ได้ดังเดิม

6.วัดสุ... ตนเคยหาเงินให้สมเด็จ... และวัดสุ... มากมายหลายสิบ หลายร้อยล้าน สมัยนั้นเวลาตนมาพบสมเด็จที่วัดท่านจะเดินไปส่งถึงประตูคณะ แต่ยามที่ตนติดคุกเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะปกป้องเรื่องการสร้างพระสมเด็จเหนือหัว ไม่ให้ความผิดถึงตัวสมเด็จฯ นับจากนั้นชาววัดสุ... ก็รังเกียจตน ด่าตน แม้กระทั่งพระที่ตนเคยอุปการะบวชจนได้เป็นเจ้าคุณและเคยให้ทุนเล่าเรียนสมัยบวชใหม่ๆ ท่านก็ยังด่าตน ส่วนที่ตนแพ้คดีล่มสลายมาจนบัดนี้ ตามคำพิพากษาระบุว่า เป็นเพราะคำให้การของสมเด็จเจ้าอาวาสวัดสุ... ที่ตนปกป้อง ณ วันนี้พระในวัดสุ... ล้วนรังเกียจตนว่าเป็นคนชั่ว ทั้งๆที่พระทั้งหลายยังเดินอยู่บนถนนที่ตนบูรณะให้ และยังนั่งอยู่บนเก้าอี้มุขที่ตนทำถวายไว้นับร้อยๆตัว สรุปพระทั้งวัดเห็นตนเป็นคนไม่ดีไปแล้ว

7.นักร้องค่ายลาดพร้าว ตนเคยช่วย เคยให้ แก่ครอบครัว ในยามล้มละลายเกือบ 10 ล้านบาท (ให้ฟรี) สมัยนั้นตนเมื่อยตัว แม่นักร้องก็จะคอยมาบีบนวดให้ พี่ชายนักร้อง ก็มาขับรถให้ ต่อมานักร้องคนนี้ ไปบอกสื่อว่า ตนไปแอบอ้างว่ารู้จักเขา ตนจึงต้องตำหนิเขา นับบัดนั้นเขาและครอบครัวก็ด่าว่าตนเป็นคนไม่ดี ตนติดคุก 5 ปี นอกจากพวกเขาไม่ไปเคยเยี่ยมแล้ว ยามมีคนสนิทของตนพูดถึงชื่อตน แม่เขาได้ยินจะตำหนิว่า "จะคุยเรื่องอะไรก็ได้ แต่อย่าเอ่ยถึงคนชื่อนี้ให้ได้ยินอีกนะ" และล่าสุดตนออกจากคุก ตัวเขาให้ข่าวว่า "ขอเตือนเหล่าดารา ระวังจะถูกตนหลอกลวง" วันนี้เขาและพ่อแม่ พี่ชาย เห็นตนเป็นคนชั่วร้าย เขาจึงกล่าวเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ยังอาศัยอยู่ในตึกที่ตนประมูลจากแบงค์เอากลับมาให้ฟรีๆ นอกจากเขาจะเห็นตนเป็นคนชั่วแล้ว พ่อแม่เขา ก็ไม่คบและไม่ยอมพบหน้าตนนับตั้งแต่ได้บ้านไป อีกเลย

8.วัด น. จ.สมุทรปราการ ตนเคยหาเงินให้ครึ่งนึง ครั้งริเริ่มสร้างอาคารเรียน และบริจาคเงินทั้งหมดบูรณะอุโบสถ ให้ทุนริเริ่มสร้างศาลา สร้างพระเครื่องให้วัดจำนวนมาก พร้อมทำสิ่งของต่างๆ ไว้มากมายให้วัด น. อำเภอ บ. จ.สมุทรปราการ รวมทั้งขอพัดยศให้เจ้าอาวาส สมัยนั้นทางวัดเอาใจผมทุกอย่าง แต่หลังจากที่ตนเข้าคุก ก็ไม่มีกำลังจะมาช่วยสร้างสิ่งต่างๆต่อ ภายหลังในอาคารเรียนที่สร้างเสร็จ ได้ปรากฏจารึกชื่อผู้เกี่ยวข้องมากมาย ยกเว้นชื่อนักโทษอย่างตน ทั่วทั้งวัด ไม่มีสิ่งใดที่จะทำยกย่องตน รวมทั้งตัวเจ้าอาวาสก็ไม่เคยพบหน้าตนตั้งแต่ก่อนเข้าคุกจนปัจจุบัน แม้ตนพ้นโทษและมาไหว้พระถึงวัดหลายครั้ง เจ้าอาวาสก็ไม่ยอมเจอหน้าตน เหตุเพราะสิทธิกร บุญฉิม เป็นคนไม่ดี!!!

9.วัด ส. จ.ระยอง ตนเคยถวายเงินและหาเงินรวม 23 ล้านให้วัด ส. อำเภอ บ. จ.ระยอง สร้างอุโบสถใหม่ สมัยนั้นทางวัดจะให้คณะกรรมการมาตั้งแถวต้อนรับตน ติดคุกแล้วตนยังหาเงินให้วัดหลายครั้ง ต่อมาตนสั่งออกจากคุกให้ยกพระประธานประดิษฐาน โดยห้ามชาวบ้านเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะตนกลัวแก้วแหวนเงินทองจำนวนมากที่นำมาบรรจุ จะหาย!!! เท่านั้นเอง เจ้าอาวาส กรรมการวัด และชาววัด ส. ก็ครหาว่าตนแอบเอากระดูกคุณพ่อคุณแม่มาบรรจุใต้ฐานพระประธานวัด ส. ทั้งๆ ที่อัฐิคุณพ่อคุณแม่ของตนยังอยู่ที่วัดยายร้า (ที่เดิม) นับจากนั้นทางวัดก็ไม่ยอมสร้างอุโบสถตามรูปแบบของตน ตามเจตนาของตน และตามศรัทธาของตน พร้อมทั้งเอาช่อฟ้าเอกที่เคยทำเอกสารมอบให้ตนเป็นประธานยก ไปหาเจ้าภาพอื่น ขอเงินเขา 1 แสน และให้เป็นประธานยกขึ้นไปแทนตนทันที เหตุผลที่วัด ส. ทำเช่นนี้ เพราะเห็นตนเป็นคนไม่ดีนั่นเอง

10.นักเรียนทุนในอุปการะ 57 คน ตนเคยอุปการะผู้คนเล่าเรียนจำนวนมากรวมเกือบร้อยคน ที่แจกทุนทั่วไปมีเป็นพันๆ คน สมัยนั้นนักเรียนทุกคนเวลาคุยกับตนจะนั่งกับพื้น เมื่อตนติดคุกยังสั่งการออกมาให้มอบเงินทุนรวมหลายล้าน เป็นรางวัลแก่ทุกคนที่มีผลการเรียนดีบ้าง ที่จำเป็นจะใช้บ้าง และก็ให้ทุนทั่วๆไปทุกงานบ้าง ตนสั่งออกจากคุกให้แจกทุนหลายครั้งแก่ทุกคน สมัยติดคุกมีครั้งนึงตนคิดถึงบุคคลที่ผมเคยอุปการะ จึงมอบหมายให้คนโทรไปสอบถามการเรียน การทำงาน ของนักเรียนทุนที่จบไปแล้ว และที่ยังศึกษาอยู่ กลับมีพ่อแม่และนักเรียนทุน(หลายคน)ตำหนิกลับมาว่า "ไม่ได้ให้ทุนแล้ว จะโทรมาสอบถามอะไรอีก" นั่นคือความตะลึงของตนครั้งแรก!! ส่วนนักเรียนทุนที่ยังไดัเงินอยู่ ก็จะแสดงความเป็นคนดีโดยเขียนจดหมายถึงตนในคุกต่อเนื่อง แต่พอตนพ้นโทษและไม่มีเงินมากพอ จึงไม่ได้มอบทุนต่อ นักเรียน นิสิต นักศึกษา ก็ทยอยหายไปจากชีวิต แม้แต่นิสิตแพทย์จุฬาฯ นักเรียนนายร้อยจปร. ที่เคยเขียนจดหมายพรรณาว่าอยากเจอตน ถึงวันนี้ 8 ปีที่ไม่เคยได้พบหน้ากัน หลังตนติดคุกแล้ว นักเรียนทุนส่วนใหญ่กลับไม่ยอมพบหน้าตน และไม่จริงใจที่จะไปพบตนเอง ส่วนนักเรียนทุน 57 คน ที่จบการศึกษาไปแล้วส่วนใหญ่ แต่กลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียว ที่รับพระราชทานปริญญาแล้วจะใส่ครุยพร้อมนำปริญญาบัตรมาขอถ่ายรูปกับตน และไม่มีนักเรียนทุนคนใดจะกล้าเปิดเผยต่อสาธารณชนในเฟซบุ๊ก,ไทม์ไลน์,อินสตาแกรม ว่า สำเร็จการศึกษาด้วยเคยรับเงินทุนจากนักโทษในคุก!!!! อดีตนักเรียนทุนทั้งหลาย ที่ทำเช่นนี้กับตนเพราะ ต่างเห็นพี่สิทธิกร บุญฉิม เป็นคนชั่ว ไม่น่าเคารพนับถือไปแล้ว

11.วิทยาลัยสงฆ์ จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ตนเคยมอบเงินและอุปถัมภ์หาเงินรวม 56 ล้าน ช่วยสร้างอาคารอำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ พร้อมสร้างพุทธอุทยาน เมื่อตนติดคุก พระเทพ... และคณะสงฆ์... ได้บิดเบือนความจริงอันเกี่ยวกับการอุปถัมภ์ของตน จึงถูกตนตำหนิ จากนั้น 8 ปีหลังเกิดคดีถึงวันที่พ้นโทษ ตนได้มา ณ พุทธอุทยานเป็นครั้งแรก พระเทพ... และคณะสงฆ์... จากเคยเอาใจตนสมัยขอเงิน แต่ตอนนี้กลับไม่ต้อนรับ และไม่ให้ความสำคัญดังเดิม 8 ปีแล้วที่ตนต้องเข้าคุก เจ้าคณะจังหวัด ไม่ยอมพบหน้าตน ไม่ยอมเจอ ไม่เหมือนสมัยที่ขอเงินจากตน เพราะในสายตาของท่านเห็นตนหมดประโยชน์ เป็นคนไม่ดี ไม่น่าสมาคมแล้ว

ยังมีอีกหลายท่าน หลายบุคคล หลายองค์กร หลายวัด จากเคยทำดีกับตนแรกๆ เพราะเห็นตนมีดีในยามที่เขาขอและได้เงินจากผมไป แต่ตอนนี้จากการที่เป็นคนดีของเขาต้องเปลี่ยนไป เหตุเพราะเขามองว่า ตนเป็นคนชั่ว ด้วยคิดพูดทำสิ่งชั่ว เป็นคนไม่ดีสำหรับเขาไปแล้ว ทั้งๆ ที่เงินหรือคุณูปการที่เขาเคยขอ เคยได้จากตน ก็ยังคงคุณอยู่กับเขา เช่น "วัดและองค์กรต่างๆ ที่ได้เงินจากการจำหน่ายพระกริ่งและพระเครื่องของผม" แต่วันนี้ พวกเขากลับลืมสิ่งที่เคยขอ เคยได้ ซึ่งบุคคลลักษณะนี้ มีจำนวนมากนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะพระภิกษุ แต่โพสต์นี้ตนพิมพ์ไม่ไหว จึงขอยกตัวอย่างมาบอกเล่าเพียงเท่านี้.
กำลังโหลดความคิดเห็น