ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - โจรใต้ป่วนไม่เลิก!! วางระเบิดริมถนนในสายบุรี ทหารพรานชุดลาดตระเวนเส้นทางเสียชีวิต 2 นายบาดเจ็บ 5 นาย "ผบ.ทบ." เสียใจเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดชุดทหารพรานสายบุรี ส่วนนราธิวาสคนร้ายประกบยิงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่หาดใหญ่สั่งเสริมกำลังเข้ม พร้อมจับตา จยย.ต้องสงสัยประกอบคาร์บอมบ์หลังเกิดเหตุบึ้มที่ปัตตานี
เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วานนี้ (19 ต.ค.) คนร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 50 กิโลกรัมฝังใต้พื้นถนนหมายจะสังหารหมู่เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ. 4407 กรมทหารพรานที่ 44 จำนวน 7 นายที่ใช้รถหุ้มเกราะออกลาดตระเวนเส้นทางสายกะพ้อ-สายบุรี พื้นที่ 1 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้รถหุ้มเกราะ แบบรีวา 4 คูณ 4 กระเด็นตกข้างทางทำให้กำลังพลเสียชีวิต 2 นายคือ 1.อส.ทพ.พิพัฒน์พงศ์ ช่วยบุญส่ง และ 2.อส.ทพ.มูหะมะ คานิง
ส่วนอีก 5 นายที่ได้บาดเจ็บถูกนำส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี ได้แก่ 1.ส.ท.บุญยามีน แจะสะนิ, 2.อส.ทพ.รณชัย ชูปาน, 3.อส.ทพ.เกียรติศักดิ์ ชัยสิทธิ์, 4.อส.ทพ.ศราวุธ คุ่ยยกสูย และ 5.อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์ ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ ส.ท.บุญยามีน แจะสะนิ และ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์
โดยเหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถหุ้มเกราะวีว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า คนร้ายฝังระเบิดไว้ใต้พื้นถนนก่อนจะกดจุดชนวนขึ้น เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมคณะ เดินทางไปที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลปัตตานี เพื่อเยี่ยมดูอาการของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ ส.ท.บุญยามีน แจะสะนิ และ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์ ซึ่งแพทย์เตรียมที่จะนำเข้าห้องผ่าตัดหลังได้รับการรักษาเบื้องต้น โดย อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์ ได้รับความกระทบกระเทือนที่สมอง อวัยวะภายในบอบช้ำมีบาดแผลตามลำตัวจากแรงระเบิด แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ยังไม่รู้สึกตัว ขณะที่ อส.ทพ.รณชัย ชูปาน แพทย์กำลังผ่าตัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บเหมือนกับ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์
โดยทั้ง 2 นายแพทย์ระบุว่า ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากอาการบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส โดยจะดูแลในระยะต้นหากอาการยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ส่วนอีก 3 นายคือ อส.ทพ.บุญยามีน แจะสะนิ, อส.ทพ.เกียรติศักดิ์ ชัยสิทธิ์ และ อส.ทพ.ศราวุธ คุ่ยยกสูง มีบาดแผลที่ร่างกายอาการปลอดภัย แพทย์ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้มอบเงินช่วยเหลือทหารทั้ง 5 นายผ่านครอบครัวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและขอบคุณที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังคงได้มีมาตรการคุมเข้มบริเวณด่านตรวจ ด้านความมั่นคงเส้นทางขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ทั้ง 3 แห่ง ทั้งที่ถนนเพชรเกษม ถนนกาญจนวนิช และถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ เพื่อตรวจค้นรถเป้าหมาย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะทางกองบังคับการตำรวจภูธรจจังหวัดสงขลา ได้สั่งให้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำแดง ซึ่งหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนว่าเป็นรถประกอบคาร์บอมบ์เตรียมนำมาก่อเหตุ แต่ยังไม่ทราบเป้าหมายที่แน่ชัด
นอกจากนี้ ยังได้มีการเสริมกำลังตำรวจจากพื้นที่รอบนอกทั้ง 16 อำเภอของ จ.สงขลา สภ.ละ 10 นาย เข้ามาดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในเทศกาลกินเจและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากและป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบเชื่อมโยงเหตุความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
วันเดียวกัน ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงเข้าใส่ประชาชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสมาน ซาเละ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ที่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ เหตุเกิดในพื้นที่หมู่ 4 บ้านกูจิงลือปะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองกำลังผสม อ.ระแงะ นำโดย พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.ระแงะ ได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที ส่วนสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน พ.อ.วิชาญ สาริกะพันธ์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 49 ได้นำกำลัง 2 ชุดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัยในพื้นที่หมู่ 3 บ้านจือกอ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งจากสายข่าวว่าเป็นที่ซุกซ่อนอาวุธปืน โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 66/1 หมู่ 3 ซึ่งเป็นบ้านพักของนายพิศาล อายุ 32 ปี โดยได้ตรวจสอบพบของกลางจำนวนหนึ่ง ได้แก่อาวุธปืนยาวแก๊ป 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ที่มีหมายเลขประจำปืนคือ 88888 พร้อมกระสุน 12 นัด ซองกระสุน 4 ซอง อาวุธปืน M16 จำนวน 1 กระบอก ที่มีหมายเลขประจำปืนคือ SER CO 01064 กระสุน 90 นัด ไขควงเล็ก ลูกประคำ ไฟแช็ค เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัว นายพิศาล พร้อมของกลางทั้งหมดส่งสอบขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในพื้นที่หรือไม่อย่างไร
ด้าน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่พรานสังกัดกรมทหารพรานที่ 44 ชุดลาดตระเวนเส้นทางสายบุรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนได้รับบาดเจ็บ 5 นาย และเสียชีวิต 2 นายว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีกำลังพลเสียชีวิต และได้เน้นย้ำไปยัง พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาค แม่ทัพภาคที่ 4 ไปแล้วว่าในการปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นขออย่าประมาทในทุกย่างก้าว ทุกภารกิจที่ต้องปฏิบัติ
ทั้งนี้ เรามีภารกิจที่ต้องปฏิบัติในภาคใต้ต่อวันมากมาย และกำลังพลที่ลงไปยืนยันทุกคนเต็มใจ ตั้งใจทำงาน ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ทางผู้ก่อเหตุเป็นฝ่ายเลือกในการปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ แต่เราเป็นฝ่ายตั้งรับ ดังนั้นนโยบายในเชิงรุกเราจะพูดคุยให้ได้มากสุด พร้อมการบังคับใช้กฎหมายให้ได้ผล รวมถึงผลักดันการพัฒนาลงพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความจริงใจเพื่อให้ภาคใต้มีความสงบสุข อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการสับเปลี่ยนกำลังในพื้นที่ และไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เพราะตนเคยทำงานในพื้นที่มาก่อน
เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วานนี้ (19 ต.ค.) คนร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 50 กิโลกรัมฝังใต้พื้นถนนหมายจะสังหารหมู่เจ้าหน้าที่ทหารพราน ร้อย ทพ. 4407 กรมทหารพรานที่ 44 จำนวน 7 นายที่ใช้รถหุ้มเกราะออกลาดตระเวนเส้นทางสายกะพ้อ-สายบุรี พื้นที่ 1 ต.มะนังดาลำ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้รถหุ้มเกราะ แบบรีวา 4 คูณ 4 กระเด็นตกข้างทางทำให้กำลังพลเสียชีวิต 2 นายคือ 1.อส.ทพ.พิพัฒน์พงศ์ ช่วยบุญส่ง และ 2.อส.ทพ.มูหะมะ คานิง
ส่วนอีก 5 นายที่ได้บาดเจ็บถูกนำส่งต่อโรงพยาบาลปัตตานี ได้แก่ 1.ส.ท.บุญยามีน แจะสะนิ, 2.อส.ทพ.รณชัย ชูปาน, 3.อส.ทพ.เกียรติศักดิ์ ชัยสิทธิ์, 4.อส.ทพ.ศราวุธ คุ่ยยกสูย และ 5.อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์ ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ ส.ท.บุญยามีน แจะสะนิ และ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์
โดยเหตุเกิดขณะเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวกำลังปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนเส้นทางด้วยรถหุ้มเกราะวีว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่า คนร้ายฝังระเบิดไว้ใต้พื้นถนนก่อนจะกดจุดชนวนขึ้น เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายวีรพงค์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมคณะ เดินทางไปที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลปัตตานี เพื่อเยี่ยมดูอาการของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 นาย คือ ส.ท.บุญยามีน แจะสะนิ และ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์ ซึ่งแพทย์เตรียมที่จะนำเข้าห้องผ่าตัดหลังได้รับการรักษาเบื้องต้น โดย อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์ ได้รับความกระทบกระเทือนที่สมอง อวัยวะภายในบอบช้ำมีบาดแผลตามลำตัวจากแรงระเบิด แพทย์ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ยังไม่รู้สึกตัว ขณะที่ อส.ทพ.รณชัย ชูปาน แพทย์กำลังผ่าตัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บเหมือนกับ อส.ทพ.บุญฤทธิ์ กาญจนรัตน์
โดยทั้ง 2 นายแพทย์ระบุว่า ต้องให้การดูแลเป็นพิเศษเนื่องจากอาการบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส โดยจะดูแลในระยะต้นหากอาการยังไม่ดีขึ้นก็อาจจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ส่วนอีก 3 นายคือ อส.ทพ.บุญยามีน แจะสะนิ, อส.ทพ.เกียรติศักดิ์ ชัยสิทธิ์ และ อส.ทพ.ศราวุธ คุ่ยยกสูง มีบาดแผลที่ร่างกายอาการปลอดภัย แพทย์ยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีได้มอบเงินช่วยเหลือทหารทั้ง 5 นายผ่านครอบครัวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจและขอบคุณที่เสียสละปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังเกิดเหตุระเบิดที่ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ยังคงได้มีมาตรการคุมเข้มบริเวณด่านตรวจ ด้านความมั่นคงเส้นทางขาเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ทั้ง 3 แห่ง ทั้งที่ถนนเพชรเกษม ถนนกาญจนวนิช และถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ เพื่อตรวจค้นรถเป้าหมาย ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยเฉพาะทางกองบังคับการตำรวจภูธรจจังหวัดสงขลา ได้สั่งให้ตรวจสอบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิก สีดำแดง ซึ่งหน่วยข่าวได้แจ้งเตือนว่าเป็นรถประกอบคาร์บอมบ์เตรียมนำมาก่อเหตุ แต่ยังไม่ทราบเป้าหมายที่แน่ชัด
นอกจากนี้ ยังได้มีการเสริมกำลังตำรวจจากพื้นที่รอบนอกทั้ง 16 อำเภอของ จ.สงขลา สภ.ละ 10 นาย เข้ามาดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งอยู่ในเทศกาลกินเจและมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากและป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบเชื่อมโยงเหตุความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงเกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
วันเดียวกัน ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงเข้าใส่ประชาชนทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ นายสมาน ซาเละ อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ที่ 4 ต.เฉลิม อ.ระแงะ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ เหตุเกิดในพื้นที่หมู่ 4 บ้านกูจิงลือปะ ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กองกำลังผสม อ.ระแงะ นำโดย พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.ระแงะ ได้ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุทันที ส่วนสาเหตุนั้นอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน พ.อ.วิชาญ สาริกะพันธ์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 49 ได้นำกำลัง 2 ชุดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นบ้านพักต้องสงสัยในพื้นที่หมู่ 3 บ้านจือกอ ต.ศรีบรรพต อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งจากสายข่าวว่าเป็นที่ซุกซ่อนอาวุธปืน โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นที่บ้านพักเลขที่ 66/1 หมู่ 3 ซึ่งเป็นบ้านพักของนายพิศาล อายุ 32 ปี โดยได้ตรวจสอบพบของกลางจำนวนหนึ่ง ได้แก่อาวุธปืนยาวแก๊ป 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ที่มีหมายเลขประจำปืนคือ 88888 พร้อมกระสุน 12 นัด ซองกระสุน 4 ซอง อาวุธปืน M16 จำนวน 1 กระบอก ที่มีหมายเลขประจำปืนคือ SER CO 01064 กระสุน 90 นัด ไขควงเล็ก ลูกประคำ ไฟแช็ค เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัว นายพิศาล พร้อมของกลางทั้งหมดส่งสอบขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุในพื้นที่หรือไม่อย่างไร
ด้าน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่พรานสังกัดกรมทหารพรานที่ 44 ชุดลาดตระเวนเส้นทางสายบุรี อ.สายบุรี จ.ปัตตานี จนได้รับบาดเจ็บ 5 นาย และเสียชีวิต 2 นายว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้วถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีกำลังพลเสียชีวิต และได้เน้นย้ำไปยัง พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาค แม่ทัพภาคที่ 4 ไปแล้วว่าในการปฏิบัติงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นขออย่าประมาทในทุกย่างก้าว ทุกภารกิจที่ต้องปฏิบัติ
ทั้งนี้ เรามีภารกิจที่ต้องปฏิบัติในภาคใต้ต่อวันมากมาย และกำลังพลที่ลงไปยืนยันทุกคนเต็มใจ ตั้งใจทำงาน ทั้งนี้ ในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ ทางผู้ก่อเหตุเป็นฝ่ายเลือกในการปฏิบัติในแต่ละพื้นที่ แต่เราเป็นฝ่ายตั้งรับ ดังนั้นนโยบายในเชิงรุกเราจะพูดคุยให้ได้มากสุด พร้อมการบังคับใช้กฎหมายให้ได้ผล รวมถึงผลักดันการพัฒนาลงพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความจริงใจเพื่อให้ภาคใต้มีความสงบสุข อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการสับเปลี่ยนกำลังในพื้นที่ และไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก เพราะตนเคยทำงานในพื้นที่มาก่อน
