เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (14ต.ค.) นายฟรันเชสโก ซาเวรีโอ นีซีโอ (H.E Mr. Francesco Saverio Nisio)เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล
ภายหลังเสร็จสิ้นการสนทนา พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการหารือ ว่า นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีที่อิตาลี ประสบความสำเร็จในการจัดงาน Expo Milano 2015 และขอบคุณฝ่ายอิตาลี ที่ถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างสมพระเกียรติ โดยการเข้าร่วมงาน Expo Milano 2015 แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญ ในประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหาร และพลังงานของไทย และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิตาลี ที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งสองฝ่ายมีความยินดีที่ไทยและอิตาลี มีความสัมพันธ์ทางการทูตมาอย่างยาวนานครบ 147 ปี ในปีนี้ และมีการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน ได้แก่ วัฒนธรรม การเมือง และการค้า และการลงทุน
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตอิตาลี แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้อธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย ว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งอิตาลีเข้าใจพัฒนาการทางการเมืองประเทศไทย และเป็นกำลังใจให้ประเทศไทย พร้อมทั้งยืนยันความร่วมมือกับไทยในกรอบต่างๆ ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทย และอิตาลีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี
เอกอัครราชทูตอิตาลี แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจของไทย และกล่าวว่า อิตาลีได้เสนอให้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-อิตาลี โดยเชิญนักธุรกิจชั้นนำของไทยและอิตาลี เข้าร่วมจับคู่ธุรกิจ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ และเป็นช่องทางในการติดต่อโดยตรงระหว่างภาคเอกชน เพื่อหาลู่ทางส่งเสริม และแก้ไขอุปสรรคทางการค้าการลงทุน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ในฐานะที่ไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน อิตาลี อาจใช้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียนได้ นอกจากนี้อิตาลีและไทยยังให้ความสำคัญต่อการส่งเสริม SMEsในด้านการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเรียนรู้สัมผัสเอกลักษณ์ วิถีความเป็นอยู่แบบไทยในเชิงลึก โดยได้กำหนดให้ ปี 2558 เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย โดยเอกอัครราชทูตอิตาลีแสดงความยินดีที่ไทยได้รับเลือกเป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี 2558 ภายใต้หัวข้อ “Tourism for all”เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงการท่องเที่ยวของโลก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยจะทำอย่างดีที่สุด และจะทำให้ประชาคมโลกเห็นถึงความน่าอัศจรรย์ของไทย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตอิตาลี ขอให้ไทยทบทวนถึงการยกเลิกเที่ยวบินระหว่างไทย-โรม ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับพิจารณาเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ไทยและอิตาลี ยืนยันถึงบทบาทในภารกิจรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่างๆ ในกรอบสหประชาชาติ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตอิตาลียังได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพ และประเด็นด้านกฎหมายเกี่ยวกับผู้อพยพ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีลักษณะปัญหาที่คล้ายคลึงกัน โดยเชื่อว่า ปัญหานี้ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการรับผิดชอบร่วมกันและความเป็นเอกภาพ
ภายหลังเสร็จสิ้นการสนทนา พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการหารือ ว่า นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีที่อิตาลี ประสบความสำเร็จในการจัดงาน Expo Milano 2015 และขอบคุณฝ่ายอิตาลี ที่ถวายการต้อนรับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อย่างสมพระเกียรติ โดยการเข้าร่วมงาน Expo Milano 2015 แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญ ในประเด็นเรื่องความมั่นคงทางอาหาร และพลังงานของไทย และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอิตาลี ที่มีมาอย่างยาวนาน ทั้งสองฝ่ายมีความยินดีที่ไทยและอิตาลี มีความสัมพันธ์ทางการทูตมาอย่างยาวนานครบ 147 ปี ในปีนี้ และมีการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน ได้แก่ วัฒนธรรม การเมือง และการค้า และการลงทุน
โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตอิตาลี แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้อธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย ว่า ประเทศไทยกำลังเดินหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งอิตาลีเข้าใจพัฒนาการทางการเมืองประเทศไทย และเป็นกำลังใจให้ประเทศไทย พร้อมทั้งยืนยันความร่วมมือกับไทยในกรอบต่างๆ ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทย และอิตาลีมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี
เอกอัครราชทูตอิตาลี แสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจของไทย และกล่าวว่า อิตาลีได้เสนอให้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-อิตาลี โดยเชิญนักธุรกิจชั้นนำของไทยและอิตาลี เข้าร่วมจับคู่ธุรกิจ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจ และเป็นช่องทางในการติดต่อโดยตรงระหว่างภาคเอกชน เพื่อหาลู่ทางส่งเสริม และแก้ไขอุปสรรคทางการค้าการลงทุน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความเห็นว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่มีพลวัตและมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ในฐานะที่ไทยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของอาเซียน อิตาลี อาจใช้ไทยเป็นประตูสู่อาเซียนได้ นอกจากนี้อิตาลีและไทยยังให้ความสำคัญต่อการส่งเสริม SMEsในด้านการท่องเที่ยว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเรียนรู้สัมผัสเอกลักษณ์ วิถีความเป็นอยู่แบบไทยในเชิงลึก โดยได้กำหนดให้ ปี 2558 เป็นปีท่องเที่ยววิถีไทย โดยเอกอัครราชทูตอิตาลีแสดงความยินดีที่ไทยได้รับเลือกเป็นประเทศเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลกปี 2558 ภายใต้หัวข้อ “Tourism for all”เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงการท่องเที่ยวของโลก ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประเทศไทยจะทำอย่างดีที่สุด และจะทำให้ประชาคมโลกเห็นถึงความน่าอัศจรรย์ของไทย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตอิตาลี ขอให้ไทยทบทวนถึงการยกเลิกเที่ยวบินระหว่างไทย-โรม ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับพิจารณาเรื่องนี้ โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ไทยและอิตาลี ยืนยันถึงบทบาทในภารกิจรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่างๆ ในกรอบสหประชาชาติ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตอิตาลียังได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับปัญหาผู้อพยพ และประเด็นด้านกฎหมายเกี่ยวกับผู้อพยพ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีลักษณะปัญหาที่คล้ายคลึงกัน โดยเชื่อว่า ปัญหานี้ต้องใช้ความร่วมมือระหว่างประเทศบนพื้นฐานของการรับผิดชอบร่วมกันและความเป็นเอกภาพ
