xs
xsm
sm
md
lg

หวังเงินกระตุ้นศก.ดันจีดีพี'59

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ภาคเอกชนประสานเสียงหวังให้มาตรการกระตุ้นศก.ภาครัฐได้ผลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2559 แนะรัฐดูแลให้เม็ดเงินโดยเฉพาะกองทุนหมู่บ้านถึงมือชาวบ้านอย่างทั่วถึงไม่เช่นนั้นลำบาก เหตุส่งออกปีหน้าครึ่งปีแรกยังมีโอกาสติดลบสูงหวังอะไรไม่ได้ มองค่าเงินบาทมีโอกาสแตะ 37 บาทต่อเหรียญฯเตือนผู้นำเข้าและผู้ผลิตที่ต้องพึ่งพิงวัตถุดิบนำเข้ารับมือ

นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐบาลมีการเข้มงวดและดำเนินการให้รัดกุมเกี่ยวกับการใช้เงินภายใต้มาตรการอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน 1.3 แสนล้านบาทโดยเฉพาะการปล่อยกู้จากแบงก์รัฐแบบไร้ดอกเบี้ยผ่านกองทุนหมู่บ้านแห่งละ 5 ล้านบาททั่วประเทศเพื่อให้เม็ดเงินนั้นได้ถึงมือชาวบ้านอย่างแท้จริง เพราะหากกระบวนการเกิดปัญหาจนทำให้เงินไม่กระจายโดยทั่วถึงก็จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2559 จะไม่มีแรงขับเคลื่อนเท่าที่ควรเนื่องจากการส่งออกยังคงไม่สามารถพึ่งพิงได้

“ การส่งออกปีนี้คาดการณ์ว่าจะติดลบกว่า 5% และปี 2559 การส่งออกแม้ว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวกว่าปีนี้แต่ไตรมาส 1-2 ก็ยังมีโอกาสติดลบได้สูงอยู่การส่งออกจึงไม่อาจขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ทั้งในปีนี้และปีหน้า จึงต้องอาศัยเศรษฐกิจภายในแทนซึ่งก็คือต้องเน้นกระตุ้นกำลังซื้อของคนในประเทศซึ่งรัฐพยายามอัดเม็ดเงินต่างๆ ทั้งผ่านกองทุนหมู่บ้าน การช่วยเหลือชาวนาเพื่อรับมือกับภัยแล้ง ฯลฯแต่เม็ดเงินเหล่านี้จะต้องถึงมือเพื่อให้เกิดการใช้จ่ายอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งที่กังวลคือยังไม่ทันไรก็มีกระแสข่าวการใช้เงินที่ไม่ถูกต้องรัฐจึงต้องดูแลอย่างเร่งด่วน”นายเกรียงไกรกล่าว

ทั้งนี้เม็ดเงินที่รัฐอัดฉีดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน และรวมถึงมาตรการช่วยเหลือSMEs ระยะเร่งด่วน วงเงินรวมกว่า 3 แสนล้านบาทนั้นจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมได้ชัดเจนในปี 2559 มากกว่าในปี 2558ซึ่งเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีแต่รัฐบาลจะต้องสร้างความเชื่อมั่นการบริโภครวมถึงการลงทุนให้กลับมาด้วยซึ่งจะเห็นว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงไม่ดีขึ้นส่งผลให้ดัชนีภาคการผลิตเองมีอัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยรวมกว่า 50% เท่านั้นซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนี้ก็จะเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก

นายวัลลภวิตนากร รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า การเติบโตเศรษฐกิจปี 2559ไม่อาจพึ่งพิงการส่งออกได้มากนักเพราะเชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะค่อยๆ ฟื้นตัวทีละน้อยและแม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไทยจะมีทิศทางอ่อนค่าลงและคาดว่าจะแตะระดับ 37 บาทต่อเหรียญสหรัฐในสิ้นปีนี้แต่ประเทศคู่แข่งอื่นๆก็มีค่าเงินที่อ่อนค่าเช่นเดียวกัน ซึ่งในแง่ของผู้ส่งออกที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบบางส่วน หรือผู้ที่นำเข้าสินค้าสำเร็จรูปมาจำหน่ายในไทยต้องหามาตรการป้องกันความเสี่ยงเพราะจะมีผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นได้

นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า ขณะนี้คำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)สินค้าไทยยังคงเป็นคำสั่งซื้อระยะสั้นหลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวซึ่งคาดว่าการส่งออกจะยังมีแนวโน้มที่ติดลบได้จนถึงกลางปี 2559 ดังนั้นเศรษฐกิจไทยจำเป็นต้องพึ่งพิงการขับเคลื่อนจากการบริโภคในประเทศ และการท่องเที่ยว เป็นหลัก

“ กำลังซื้อของไทยเองยังไม่ดีนักปัจจัยหลักมาจากการที่หนี้ครัวเรือนสูงขึ้นมาก โดยส่วนใหญ่มาจากพืชผลทางเกษตรหลักๆ ของไทยราคาตกตามทิศทางราคาตลาดโลกไม่ว่าจะเป็น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย และปีหน้ายังต้องเผชิญกับภาวะภัยแล้ง การกระตุ้นกำลังซื้อที่รัฐมีมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินผ่านกองทุนหมู่บ้านจะต้องดำเนินการให้เม็ดเงินเหล่านั้นถึงมือประชาชนโดยแท้จริง”นายธนิตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น