ASTVผู้จัดการรายวัน - “แลคตาซอย” รุกหนักตลาดนมถั่วเหลือง ทุ่ม 1,200 ล้านบาท สร้าง 2 โรงงาน เพิ่มกำลังผลิตอีก 2,000 ล้านกล่อง รวมเป็น 4,000 ล้านกล่องต่อปี พร้อมลุยขยายตลาดเออีซี เร่งดันทุกไซส์เข้าทุกช่องทาง
นายกมล ลิขิตกาญจนกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มนมถั่วเหลือง แลคตาซอย เปิดเผยว่า บริษัทฯใช้งบลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต โดยปีนี้บริษัทฯลงทุน 500 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานแห่งที่2 พื้นที่ 20 ไร่ กำลังผลิต 1,000 ล้านกล่องต่อปี คาดว่าเสร็จกลางปีหน้า ที่พื้นที่โรงงานเดิมที่ปราจีนบุรีที่ใช้ไป 60ไร่ มีกำลังผลิต 2,000 ล้านกล่องต่อปี พื้นที่ 60 ไร่จากทั้งหมด 190 ไร่ ทำให้มีกำลังผลิตรวม 3,000 ล้านกล่องต่อปีในปี 2559 รองรับได้อีก 2 ปี
อีกทั้งเตรียมขยายโรงงานแห่งที่ 3 ในปี 2561 กำลังผลิตขั้นต่ำ 1,000 ล้านกล่องต่อปี ลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาทหรือประมาณ 700 ล้านบาท เพราะจะเป็นสถานที่ใหม่ต้องลงทุนใหม่ทุกอย่าง เบื้องต้นมองไว้ที่ภาคอีสานตอนบน เนื่องจาก จะใช้เป็นโรงงานที่ผลิตรองรับตลาดอีสานที่นมถั่วเหลืองเติบโตอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันแลคตาซอยมีสัดส่วนยอดขายมาจากอีสาน 50% ขณะที่ตลาดรวมภาคอีสานมีส่วนแบ่งกว่า 40% อีกทั้งยังรองรับการขยายตลาดต่างประเทศหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีด้วย
การลงทุนขยายกำลังการผลิตนี้เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่ ทั้งในประเทศและขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งในประเทศได้ แต่ถ้าเรามีกำลังผลิตมากขึ้นก็จะทำได้มากขึ้นคาดว่าจะทำให้มียอดขายเพิ่มขั้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้แลคตาซอยมีส่วนแบ่งตลาด 55% เป็นผู้นำตลาดนมถั่วเหลือง ซึ่งตลาดรวมนมถั่วเหลืองที่ผ่านมาเติบโตตลอด เฉลี่ย 6% แต่ปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะเติบโต 8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 18,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดนมรวมนั้นมีมูลค่าประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท
นอกจากการขยายกำลังการผลิตแล้ว แลคตาซอยยังมีแผนที่จะผลักดันสินค้าทุกไซส์ ทุกขนาด ทุกรสชาติ ให้เข้าถึงตลาดได้ครอบคลุมมากที่สุด จากปัจจุบันมีเพียงไซส์เดียวเท่าน้นคือ 300 ซีซี ที่เข้าถึงทุกช่องทาง และมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุดกว่า 50% ของบริษัทฯ ส่วนไซส์อื่นยังไม่ครอบคลุมทุกช่องทาง โดยจะมีการเพิ่มทีมขายมากขึ้นจากเดิมมีกว่า 1,700 คน และมีคลังสินค้าทั่วประเทศแล้ว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังไม่มีนโยบายการปรับขึ้นราคาสินค้า แม้ว่าต้นทุนจะปรับตัวสูงขึ้น จากวัตถุดิบหลักคือ นมถั่วเหลือง 50% ที่บริษัทฯต้องใช้มากกว่า 50,000 ตันต่อปี เนื่องจากว่า ที่ผ่านมายอดขายก็เติบโตดีทำให้ยังคงแบกรับภาระได้ อีกทั้งการแข่งขันก็รุนแรงจากผู้ประกอบการที่มีหลายรายแต่ที่มีหลักๆคือ 3 รายเท่านั้น แข่งหนักกันทั้งด้านโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม การออกสินค้าใหม่ ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดรวมไว้ปีละประมาณ 600 ล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น นายกมล กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการทำตลาดส่งออกแล้วมากกว่า 30 ประเทศ มีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 11% จากรายได้รวม ซึ่งจะมีการขยายตลาดต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะเน้นหนักที่ตลาดอาเซียนหรือในกลุ่มเออีซีด้วย เช่นที่ลาวได้ทำตลาดมานานแล้ว มีการเติบโตดี และเพิ่งขยายตลาดที่กัมพูชากับเมียนมา เมื่อ 2-3 ปีนี้เอง ด้วยการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย ซึ่งสัดส่วนยอดขายที่มาจากเออีซีนี้มีประมาณ 80% จากรายได้ต่างประเทศที่มีประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือ 10%
ทั้งนี้จากการรุกตลาดทั้งขยายกำลังการผลิต การขยายตลาด การจัดกิจกรรมตลาดต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมียอดขายในปีนี้เติบโต 12% รวมเป็น 11,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2563 แลคตาซอยจะมีรายได้รวม 20,000 ล้านบาท
ล่าสุดแผนตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จะมีการจัดระบบการจัดส่งสินค้ใหม่ในทุกช่องทาง รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นอีก 20% เพื่อกระตุ้นยอดขาย พร้อมทั้งจัดเทศกาลเจช่วงวันที่ 13-21 ตุลาคม จัดแคมเปญกินเจไม่จำเจกับแลคตาซอย ด้วยการชวนผู้ใจบุญมากดไลค์และแชร์ภาพกิจกรรมผ่านเฟซบุ๊คของแลคตาซอย ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ทุก 1 แชร์ จะเปลี่ยนเป็นแลคตาซอย 1 กล่อง เพื่อไปบริจาคให้กับโรงเจ 10 แห่ง โดยใช้งบประมาณช่วงเจ 20 ล้านบาท
นายกมล ลิขิตกาญจนกุล ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท แลคตาซอย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มนมถั่วเหลือง แลคตาซอย เปิดเผยว่า บริษัทฯใช้งบลงทุนรวม 1,200 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิต โดยปีนี้บริษัทฯลงทุน 500 ล้านบาทเพื่อสร้างโรงงานแห่งที่2 พื้นที่ 20 ไร่ กำลังผลิต 1,000 ล้านกล่องต่อปี คาดว่าเสร็จกลางปีหน้า ที่พื้นที่โรงงานเดิมที่ปราจีนบุรีที่ใช้ไป 60ไร่ มีกำลังผลิต 2,000 ล้านกล่องต่อปี พื้นที่ 60 ไร่จากทั้งหมด 190 ไร่ ทำให้มีกำลังผลิตรวม 3,000 ล้านกล่องต่อปีในปี 2559 รองรับได้อีก 2 ปี
อีกทั้งเตรียมขยายโรงงานแห่งที่ 3 ในปี 2561 กำลังผลิตขั้นต่ำ 1,000 ล้านกล่องต่อปี ลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาทหรือประมาณ 700 ล้านบาท เพราะจะเป็นสถานที่ใหม่ต้องลงทุนใหม่ทุกอย่าง เบื้องต้นมองไว้ที่ภาคอีสานตอนบน เนื่องจาก จะใช้เป็นโรงงานที่ผลิตรองรับตลาดอีสานที่นมถั่วเหลืองเติบโตอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันแลคตาซอยมีสัดส่วนยอดขายมาจากอีสาน 50% ขณะที่ตลาดรวมภาคอีสานมีส่วนแบ่งกว่า 40% อีกทั้งยังรองรับการขยายตลาดต่างประเทศหลังจากเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีด้วย
การลงทุนขยายกำลังการผลิตนี้เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างเต็มที่ ทั้งในประเทศและขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเราก็สามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งในประเทศได้ แต่ถ้าเรามีกำลังผลิตมากขึ้นก็จะทำได้มากขึ้นคาดว่าจะทำให้มียอดขายเพิ่มขั้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งขณะนี้แลคตาซอยมีส่วนแบ่งตลาด 55% เป็นผู้นำตลาดนมถั่วเหลือง ซึ่งตลาดรวมนมถั่วเหลืองที่ผ่านมาเติบโตตลอด เฉลี่ย 6% แต่ปีนี้คาดว่าตลาดรวมจะเติบโต 8% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 18,000 ล้านบาท ขณะที่ตลาดนมรวมนั้นมีมูลค่าประมาณ 60,000 กว่าล้านบาท
นอกจากการขยายกำลังการผลิตแล้ว แลคตาซอยยังมีแผนที่จะผลักดันสินค้าทุกไซส์ ทุกขนาด ทุกรสชาติ ให้เข้าถึงตลาดได้ครอบคลุมมากที่สุด จากปัจจุบันมีเพียงไซส์เดียวเท่าน้นคือ 300 ซีซี ที่เข้าถึงทุกช่องทาง และมีสัดส่วนยอดขายมากที่สุดกว่า 50% ของบริษัทฯ ส่วนไซส์อื่นยังไม่ครอบคลุมทุกช่องทาง โดยจะมีการเพิ่มทีมขายมากขึ้นจากเดิมมีกว่า 1,700 คน และมีคลังสินค้าทั่วประเทศแล้ว
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังไม่มีนโยบายการปรับขึ้นราคาสินค้า แม้ว่าต้นทุนจะปรับตัวสูงขึ้น จากวัตถุดิบหลักคือ นมถั่วเหลือง 50% ที่บริษัทฯต้องใช้มากกว่า 50,000 ตันต่อปี เนื่องจากว่า ที่ผ่านมายอดขายก็เติบโตดีทำให้ยังคงแบกรับภาระได้ อีกทั้งการแข่งขันก็รุนแรงจากผู้ประกอบการที่มีหลายรายแต่ที่มีหลักๆคือ 3 รายเท่านั้น แข่งหนักกันทั้งด้านโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม การออกสินค้าใหม่ ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดรวมไว้ปีละประมาณ 600 ล้านบาท
สำหรับตลาดต่างประเทศนั้น นายกมล กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการทำตลาดส่งออกแล้วมากกว่า 30 ประเทศ มีสัดส่วนยอดขายมากกว่า 11% จากรายได้รวม ซึ่งจะมีการขยายตลาดต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะเน้นหนักที่ตลาดอาเซียนหรือในกลุ่มเออีซีด้วย เช่นที่ลาวได้ทำตลาดมานานแล้ว มีการเติบโตดี และเพิ่งขยายตลาดที่กัมพูชากับเมียนมา เมื่อ 2-3 ปีนี้เอง ด้วยการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย ซึ่งสัดส่วนยอดขายที่มาจากเออีซีนี้มีประมาณ 80% จากรายได้ต่างประเทศที่มีประมาณ 1,000 ล้านบาท หรือ 10%
ทั้งนี้จากการรุกตลาดทั้งขยายกำลังการผลิต การขยายตลาด การจัดกิจกรรมตลาดต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้บริษัทฯมียอดขายในปีนี้เติบโต 12% รวมเป็น 11,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปี 2563 แลคตาซอยจะมีรายได้รวม 20,000 ล้านบาท
ล่าสุดแผนตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จะมีการจัดระบบการจัดส่งสินค้ใหม่ในทุกช่องทาง รวมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพิ่มขึ้นอีก 20% เพื่อกระตุ้นยอดขาย พร้อมทั้งจัดเทศกาลเจช่วงวันที่ 13-21 ตุลาคม จัดแคมเปญกินเจไม่จำเจกับแลคตาซอย ด้วยการชวนผู้ใจบุญมากดไลค์และแชร์ภาพกิจกรรมผ่านเฟซบุ๊คของแลคตาซอย ตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม ทุก 1 แชร์ จะเปลี่ยนเป็นแลคตาซอย 1 กล่อง เพื่อไปบริจาคให้กับโรงเจ 10 แห่ง โดยใช้งบประมาณช่วงเจ 20 ล้านบาท