ASTV ผู้จัดการ - “จักรทิพย์” สั่งทีมล่าตัว “อ๊อด พยุงวงศ์” ผู้ต้องหารายสำคัญคดีระเบิดราชประสงค์ มั่นใจจับได้แน่นอน อุบตอบโยงการเมืองหรือไม่ ส่วน “ซูแบร์ อับดุลลาห์” ชายเสื้อฟ้าเชื่อกบดานชายแดนใต้ ประสานมาเลเซียตามตัวต่อเนื่อง ด้านกระทรวงการต่างประเทศได้ยกเลิกพาสปอร์ต "วรรณา สวนสัน" หรือ "ไมซาเราะห์" ผู้ต้องหาในคดีระเบิดแยกราชประสงค์แล้ว หลังแน่ชัดหลบหนีไปยังประเทศตุรกี
วานนี้ (1 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รับตำแหน่งเป็นวันแรก เดินทางมายังสำนักงานที่ย้ายจากชั้น 5 อาคาร 1 ไปยังชั้น 4 อาคาร 1 ซึ่งเป็นสำนักงานเดิมของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. จากนั้นร่วมรับประทานอาหารเช้ากับรอง ผบ.ตร.ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ชั้น 21 สกายเลานจ์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นเวลา 08.30 น. เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ผบ.ตร.เพื่อมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้แก่รอง ผบ.ตร.ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึงการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีระเบิด กทม. หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงออกมากำชับให้จับกุมตัวให้ได้ว่า พล.อ.ประวิตรเป็นห่วงเรื่องนี้ แม้ไม่กำชับตำรวจก็เร่งรัดตามจับกุมอยู่แล้ว ยิ่งกำชับยิ่งต้องตามจับให้ได้ ที่ผ่านมาก็กำชับไปโดยตลอดให้ตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือให้ได้ ที่ออกหมายจับไปแล้ว 15 คน ขณะนี้กำลังพิสูจน์ทราบต่อจิ๊กซอว์เครือข่ายผู้ต้องหาซึ่งมีเกือบ 20 คน ในกลุ่มที่หนีไปต่างประเทศก็ประสานจับกุมโดยใช้ช่องทางของอินเตอร์โพล ไม่นิ่งนอนใจอยู่แล้ว
ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับคนชื่ออ๊อดคนนี้เป็นไฮไลต์เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา แต่จากการสืบสวนพบข้อมูลตั้งแต่แรกจิ๊กซอว์ต่อไปถึง ขอเวลาระยะหนึ่งในการติดตามจับกุม เชื่อว่ายังไม่ไปไหนไกล คดีนี้เราพยายามต่อจิ๊กซอว์ไปทีละตัว หากไม่เกี่ยวข้อง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน (รรท.) ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง คงไม่สามารถขออนุมัติหมายจับได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าพยายามเบี่ยงประเด็นไปที่กลุ่มการเมืองว่าร่วมก่อเหตุหรือไม่ จึงมีตัวละครนายอ๊อดโผล่มาในตอนนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า เราดำเนินการไปตามหลักฐานทั้งสิ้น เกี่ยวข้องตรงไหน อย่างไร ส่วนตัวนายอ๊อดจะโยงไปถึงปมการเมืองได้อย่างไรนั้นตนต้องคุยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์อีกครั้ง ยอมรับว่ายังไม่ทราบความคืบหน้าการสอบสวนในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้ตัวนายอ๊อด ทำเต็มที่เพื่อติดตามจับกุมให้ได้ ชุดสืบสวนจับกุมชุดนี้สุดยอดอยู่แล้ว โดยให้ชุดที่เคยจับกุมนายอ๊อดในคดีก่อนหน้านี้ติดตามตัว แต่ยอมรับว่ามีเบาะแสของผู้ต้องหารายนี้เข้ามาที่ตนบ้าง ช่วยกันทำงานอยู่แล้ว เชื่อว่าชุดสืบสวนตามไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บ้านของนายอ๊อดแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าพบมารดาของนายอ๊อดอยู่ที่ จ.ชลบุรี นั้นตนยังไม่ทราบ ทั้งนี้จะเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดอีกครั้งในเร็วๆ นี้ โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่ากำลังจะมอบรอง ผบ.ตร.หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.คนใดคนหนึ่งมารับผิดชอบกำกับดูแลคดีนี้แทนตน
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ในการติดตามตัวนายซูแบร์ อับดุลลาห์ หรือชายเสื้อฟ้าที่นำระเบิดไปวางที่ท่าน้ำสาทรนั้นยังติดตามตัวอยู่ เชื่อว่านายซูแบร์เคลื่อนไหวกบดานบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งนี้ยังประสานไปยังประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง ยังจำเป็นต้องพูดคุยขอข้อมูลในประเด็นที่มาเลเซียจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ โดยจะต้องดูว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในไทยหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยง แต่หากมีข้อมูลเกี่ยวพันก็ต้องดำเนินคดี โดยจะติดตามความคืบหน้าจาก พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงอีกครั้ง ย้ำว่าเรื่องนี้ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด ทำลายเครือข่ายนี้
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ได้จัดชุดติดตามนายอ๊อดขึ้นมา 4 ชุด ตั้งแต่ศาลอนุมัติหมายจับ เพื่อติดตามผู้ต้องหารายนี้ให้ได้ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ เพราะผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีหลายครั้ง ส่วนปมการก่อเหตุระเบิดจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยพูด แต่จากพยานหลักฐานที่มี ยืนยันได้ว่านายอ๊อดเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดีระเบิดอย่างแน่นอน และนอกจากนายอ๊อดแล้วตำรวจก็จะติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีในคดีนี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาคดีมือวางระเบิดแยกราชประสงค์ ระบุว่านายบิลาลรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่มีผลต่อพยานหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่ ส่วนจะได้รับมอบหมายให้ทำคดีระเบิดต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร.ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ได้ทำหนังสือที่ ตช. 0002.3/กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้อำนวยการกองหนังสือเดินทาง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เรื่องขอยกเลิกหนังสือเดินทาง น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ และศาลจังหวัดมีนบุรี โดยอ้างอิงหนังสือกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ 0015.(สง.น.1/455) ลงวันที่ 28 กันยายน 2558, สำเนาหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 กันยายน 2558 และ สำเนาหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 799/2558 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2558 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ ที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 กันยายน 2558 ให้จับ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ สัญชาติไทย อายุ 27 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-8206-00036-20-1 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย, และทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธ (วัตถุระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไม่ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับ ที่ 799/2558 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2558 ในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจากการสืบสวนทราบว่า น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ได้หลบหนีไปยังสาธารณรัฐตุรกี และกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความต้องการนำตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเรียนมาเพื่อขอได้โปรดพิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางที่ได้ออกให้แก่ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ และขอข้อมูลการขอมีหนังสือเดินทางของบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งสำเนาหลักฐานการยื่นคำขอมีหนังสือเดินทางที่เกี่ยวข้อง ผลเป็นประการใดกรุณาแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบในโอกาสแรกด้วย” หนังสือดังกล่าว ระบุ
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนางวรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ เรียบร้อยแล้ว
วานนี้ (1 ต.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รับตำแหน่งเป็นวันแรก เดินทางมายังสำนักงานที่ย้ายจากชั้น 5 อาคาร 1 ไปยังชั้น 4 อาคาร 1 ซึ่งเป็นสำนักงานเดิมของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. จากนั้นร่วมรับประทานอาหารเช้ากับรอง ผบ.ตร.ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ชั้น 21 สกายเลานจ์ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากนั้นเวลา 08.30 น. เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ผบ.ตร.เพื่อมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้แก่รอง ผบ.ตร.ถึงผู้ช่วย ผบ.ตร.
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึงการติดตามตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีระเบิด กทม. หลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงออกมากำชับให้จับกุมตัวให้ได้ว่า พล.อ.ประวิตรเป็นห่วงเรื่องนี้ แม้ไม่กำชับตำรวจก็เร่งรัดตามจับกุมอยู่แล้ว ยิ่งกำชับยิ่งต้องตามจับให้ได้ ที่ผ่านมาก็กำชับไปโดยตลอดให้ตามจับกุมผู้ต้องหาที่เหลือให้ได้ ที่ออกหมายจับไปแล้ว 15 คน ขณะนี้กำลังพิสูจน์ทราบต่อจิ๊กซอว์เครือข่ายผู้ต้องหาซึ่งมีเกือบ 20 คน ในกลุ่มที่หนีไปต่างประเทศก็ประสานจับกุมโดยใช้ช่องทางของอินเตอร์โพล ไม่นิ่งนอนใจอยู่แล้ว
ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับคนชื่ออ๊อดคนนี้เป็นไฮไลต์เมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา แต่จากการสืบสวนพบข้อมูลตั้งแต่แรกจิ๊กซอว์ต่อไปถึง ขอเวลาระยะหนึ่งในการติดตามจับกุม เชื่อว่ายังไม่ไปไหนไกล คดีนี้เราพยายามต่อจิ๊กซอว์ไปทีละตัว หากไม่เกี่ยวข้อง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทน (รรท.) ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง คงไม่สามารถขออนุมัติหมายจับได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าพยายามเบี่ยงประเด็นไปที่กลุ่มการเมืองว่าร่วมก่อเหตุหรือไม่ จึงมีตัวละครนายอ๊อดโผล่มาในตอนนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า เราดำเนินการไปตามหลักฐานทั้งสิ้น เกี่ยวข้องตรงไหน อย่างไร ส่วนตัวนายอ๊อดจะโยงไปถึงปมการเมืองได้อย่างไรนั้นตนต้องคุยกับ พล.ต.ท.ศรีวราห์อีกครั้ง ยอมรับว่ายังไม่ทราบความคืบหน้าการสอบสวนในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ค่อนข้างมั่นใจว่าจะได้ตัวนายอ๊อด ทำเต็มที่เพื่อติดตามจับกุมให้ได้ ชุดสืบสวนจับกุมชุดนี้สุดยอดอยู่แล้ว โดยให้ชุดที่เคยจับกุมนายอ๊อดในคดีก่อนหน้านี้ติดตามตัว แต่ยอมรับว่ามีเบาะแสของผู้ต้องหารายนี้เข้ามาที่ตนบ้าง ช่วยกันทำงานอยู่แล้ว เชื่อว่าชุดสืบสวนตามไปที่ จ.พระนครศรีอยุธยา บ้านของนายอ๊อดแล้ว ส่วนที่มีข่าวว่าพบมารดาของนายอ๊อดอยู่ที่ จ.ชลบุรี นั้นตนยังไม่ทราบ ทั้งนี้จะเรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดอีกครั้งในเร็วๆ นี้ โดยกำลังพิจารณาอยู่ว่ากำลังจะมอบรอง ผบ.ตร.หรือผู้ช่วย ผบ.ตร.คนใดคนหนึ่งมารับผิดชอบกำกับดูแลคดีนี้แทนตน
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ในการติดตามตัวนายซูแบร์ อับดุลลาห์ หรือชายเสื้อฟ้าที่นำระเบิดไปวางที่ท่าน้ำสาทรนั้นยังติดตามตัวอยู่ เชื่อว่านายซูแบร์เคลื่อนไหวกบดานบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งนี้ยังประสานไปยังประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง ยังจำเป็นต้องพูดคุยขอข้อมูลในประเด็นที่มาเลเซียจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์ชาวอุยกูร์ โดยจะต้องดูว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในไทยหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยง แต่หากมีข้อมูลเกี่ยวพันก็ต้องดำเนินคดี โดยจะติดตามความคืบหน้าจาก พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รรท.ผู้ช่วย ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงอีกครั้ง ย้ำว่าเรื่องนี้ต้องปราบปรามอย่างเด็ดขาด ทำลายเครือข่ายนี้
ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ได้จัดชุดติดตามนายอ๊อดขึ้นมา 4 ชุด ตั้งแต่ศาลอนุมัติหมายจับ เพื่อติดตามผู้ต้องหารายนี้ให้ได้ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ เพราะผู้ต้องหาเคยถูกดำเนินคดีหลายครั้ง ส่วนปมการก่อเหตุระเบิดจะเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากส่วนตัวไม่เคยพูด แต่จากพยานหลักฐานที่มี ยืนยันได้ว่านายอ๊อดเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดีระเบิดอย่างแน่นอน และนอกจากนายอ๊อดแล้วตำรวจก็จะติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีในคดีนี้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาคดีมือวางระเบิดแยกราชประสงค์ ระบุว่านายบิลาลรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่มีผลต่อพยานหลักฐานที่ตำรวจมีอยู่ ส่วนจะได้รับมอบหมายให้ทำคดีระเบิดต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา
ด้านพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผช.ผบ.ตร.ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ได้ทำหนังสือที่ ตช. 0002.3/กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงผู้อำนวยการกองหนังสือเดินทาง กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เรื่องขอยกเลิกหนังสือเดินทาง น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ และศาลจังหวัดมีนบุรี โดยอ้างอิงหนังสือกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ 0015.(สง.น.1/455) ลงวันที่ 28 กันยายน 2558, สำเนาหมายจับของศาลทหารกรุงเทพ ที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 กันยายน 2558 และ สำเนาหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 799/2558 ลงวันที่ 30 ส.ค. 2558 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ด้วยศาลทหารกรุงเทพได้ออกหมายจับ ที่ 84/2558 ลงวันที่ 25 กันยายน 2558 ให้จับ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ สัญชาติไทย อายุ 27 ปี เลขประจำตัวประชาชน 1-8206-00036-20-1 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย, และทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธ (วัตถุระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไม่ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และศาลจังหวัดมีนบุรีได้ออกหมายจับ ที่ 799/2558 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2558 ในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจากการสืบสวนทราบว่า น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ ได้หลบหนีไปยังสาธารณรัฐตุรกี และกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความต้องการนำตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
“สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเรียนมาเพื่อขอได้โปรดพิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางที่ได้ออกให้แก่ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ และขอข้อมูลการขอมีหนังสือเดินทางของบุคคลดังกล่าว พร้อมทั้งสำเนาหลักฐานการยื่นคำขอมีหนังสือเดินทางที่เกี่ยวข้อง ผลเป็นประการใดกรุณาแจ้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบในโอกาสแรกด้วย” หนังสือดังกล่าว ระบุ
ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศได้เพิกถอนหนังสือเดินทางของนางวรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ เรียบร้อยแล้ว